สังคม

'ทนายตั้ม' สาปแช่งคนรับเงินสีเทา ไม่กลัวโดนฟ้อง จ่อแฉอีก 'ชูวิทย์' สวนเดือด รอไปเจอกันที่ศาล

โดย passamon_a

26 มี.ค. 2566

54 views

เมื่อวันที่ 25 มี.ค.66 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เปิดเผยทางโทรศัพท์กับทีมข่าวว่า วันนี้ตนเองได้ไปทำบุญกับครอบครัวที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้อุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร โดยเฉพาะกับคนที่อ้างว่าเป็นโจรกลับใจ ไม่ได้นำเงินไปใช้เอง แต่กลับนำเงินไปบริจาคให้กับโรงพยาบาล หากเป็นเรื่องจริงตนก็ขอให้อนุโมทนาสาธุ แต่หากว่าไปรับเงินจากแก๊งสารวัตรซัว หรือเงินสีเทา แล้วนำไปใช้ส่วนตัวหรือสร้างภาพบริจาค


การทำแบบนี้ตนเองขอสาปแช่ง แม้แต่บาทเดียวก็ขอให้หมดเนื้อหมดตัว เหมือนที่ชอบพูดออกสื่อว่าตนเองไม่มีต้นทุนก็ขอให้เป็นจริง ซึ่งตนเองไม่ได้หมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งรวมถึงตนเองและนายชูวิทย์ แต่หมายถึงทุกคนหากใครรับเงินสีเทามาก็ขอให้หมดเนื้อหมดตัว พร้อมกับยืนยันว่าตนเองบริสุทธิ์ ไม่เคยรับเงินกับพวกเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายสารวัตรซัวแน่นอน


ทนายตั้ม กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวไม่กลัวเรื่องการฟ้องร้องดำเนินคดีและไม่ได้เตรียมการอะไรเป็นพิเศษแต่ต้องการให้สังคมตาสว่าง การฟ้องร้องเพื่อจะปิดปากไม่เคยกลัว ที่ผ่านมาไม่เคยแพ้คดีเรื่องการหมิ่นประมาท ส่วนที่มีนักกฎหมายมองว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่นั้นขอให้เป็นดุลยพินิจของศาล โดยส่วนตัวเตรียมการต่อสู้ไว้แล้ว หากมีความผิดศาลก็จะเป็นผู้ลงโทษ


ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่เคยโกรธแค้นกับนายชูวิทย์ แต่รู้ว่านายชูวิทย์ โกหกบางเรื่องจำเป็นต้องออกมาพูด และไม่จำเป็นต้องประนีประนอม พร้อมกับยืนยันว่าตนเองไม่เคยรับผลประโยชน์หรือรับงานใครมาแฉ และมีหลายคนที่ให้ข้อมูลไม่ใช่เฉพาะหลานของนายชูวิทย์เท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้นายชูวิทย์ ไม่เคยยอมบอกมาก่อนว่ารับเงินสารวัตรซัวมา พร้อมกับยืนยันว่าคนในจะเป็นคนที่รู้พฤติกรรมของนายชูวิทย์ดี ส่วนจะได้ข้อมูลจากคนอื่นหรือไม่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายเพราะเป็นเรื่องจริงที่สังคมได้ประโยชน์    


สำหรับแก๊งตำรวจที่เข้าไปหานายชูวิทย์ คนหนึ่งเป็น นรต.รุ่น 35 เป็นคนสนิทของนายชูวิทย์ อีกคนเป็นคนของสารวัตรซัว และอีกคนที่พานายแทนไท ไปพบนายชูวิทย์ ทั้ง 3 คน นายชูวิทย์ รู้จักดี แต่ทำไมเรื่องเงียบไม่กล้าเปิดเผยแก๊งตำรวจเหล่านี้ ส่วนตำรวจ 3 นายนี้ เชื่อว่ารู้จักกันเพราะเป็นตำรวจที่มีชื่อเสียง ซึ่งหากนายชูวิทย์ ยังไม่เปิดเผยรายชื่อ ตนเองจะกลับกรุงเทพฯ วันจันทร์ที่ 27 มี.ค. จะมีการนัดหมายสื่อมวลชนเพื่อเปิดโปงและแฉอีกครั้ง


ด้าน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ "หลังพิงวัด อ้างพระอ้างเจ้า เดินสายเข้าวัดทำบุญ แต่เข้าไม่ถึงธรรมะ เพราะจิตใจร้อนรุ่ม ต่ำทราม ทำอะไรไม่ได้อย่างที่คิดก็สาปแช่ง


ให้มันได้อย่างนี้ เป็นทนายไม่ขึ้นศาลยุติธรรม ใช้หลักฐาน แต่ดันกราบไหว้ไปขึ้นศาลพระภูมิแทน อย่างนี้ลูกความจะพึ่งได้หรือ? ไม่รู้ต้องแก้บนเท่าไหร่? เรียนกฎหมายแต่ใช้ไม่เป็น รักจะเอาดีเป็นนักร้องเวที หาแสงสปอตไลท์ เก่งแต่ในโซเชียล ว่าความตอบโต้บนคอมเม้นท์ ก็ออกมาทำคอนเทนต์เป็นยูทูบเบอร์เสียเลย อย่าไปอาศัยใบบุญเบิกทางเป็นทนายแค่ชื่อ แต่ไม่ได้ทำอาชีพทนาย


อีกไม่นาน ไปเจอกันที่ศาลอาญาดีกว่า บนศาลนั้นของจริง ไม่ใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือแต่ใช้เอกสารหลักฐานมาสู้กัน แล้วช่วยเตรียมหาหลักฐาน 50 ล้านบาท ที่บอกว่าผม หรือลูกผมได้มา ให้ศาลดูด้วย


ไม่ใช่หลักฐานไม่มี เลยเข้าวัดสาปแช่ง เอาเวลาไปอ่านกฎหมาย ฝึกว่าความให้มากๆ เพราะยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ก็ฟ้อง เดี๋ยวก็มีของผมอีก รักจะแฉ อย่าไปร้องงอแงเหมือนเด็ก ต้องเก่งว่าความตอบโต้กับทนายอนันต์ชัยด้วยกันที่หน้าบัลลังก์ศาล มันถึงจะเรียกว่า “ทนาย” ไม่ใช่เอาแต่ยกมือไหว้ในวัดแล้วสาปแช่งแทน โถ อย่างนี้จะไปเรียก “ทนายประชาชน” ได้ไง? ทรงอย่างนี้เขาเรียกกันว่า “เด็กวัด” แท้ๆ"


ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ยังได้คอมเม้นท์ใต้โพสต์ดังกล่าว ระบุ "ถึงเข้าวัดสาปแช่ง แต่ก็ต้องไปขึ้นศาล ไม่รู้จะเก่งจริงอย่างที่แช่งหรือเปล่า?"




รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/vLzo2WZwlBw

คุณอาจสนใจ

Related News