เปิดใจ นักธุรกิจสาวเกือบติดคุกที่ฮ่องกง พนง.ลืมเอาสัญญาณกันขโมยออกจากกระเป๋า สุดอายคนมองเป็นขโมย

เปิดใจสาวเกือบติดคุกที่ฮ่องกง หลังซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมดังที่ไทย แล้วบินไปฮ่องกง แต่พนักงานลืมเอาสัญญาณกันขโมยออก เสียงสัญญาณดังลั่น ทำอับอาย คนมองเป็นขโมย – ด้านช็อปดังที่ไทย ขอมอบดอกไม้ขอโทษ 1 ช่อ แต่มองว่าไม่เหมาะสม จ่อพิจารณฟ้อง


จากกรณีที่เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิร์น part 6 โพสต์หลังมีสาวรายหนึ่งร้องเรียนมาว่า ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมแบรนด์ดังในไทย แล้วเดินทางไปฮ่องกง แต่สุดท้ายเกือบซวย เกือบต้องติดคุก เพราะพนักงานลืมเอาสัญญาณกันขโมยออก โชคดีที่มีใยบเสร็จไปยืนยัน ขณะนั้นเจ้าตัวบอกว่าอับอายมาก ถูกมองว่าเป็นขโมยเพราะสัญญาณกันขโมยดังทั่วห้างที่ฮ่องกงเป็นเวลานาน

โดยข้อความระบุว่า “เกือบซวยต้องติดคุกเพราะพนักงานลืมเอาสัญญาณกันขโมยออก จะส่งจะส่งกระเช้ามาแต่ไม่ชัดเจนอะไรในการเยียวยาเลย  เรื่องซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังจากช้อปสุวรรณภูมิ แล้วพนักงานลืมเอาตัวสัญญานกันขโมยออก  เดินทางไปถึงฮ่องกงเข้าห้างฮา.. .ตัวสัญญานกันขโมยร้องทันที  ทำให้โดนเชิญตัว และมองว่าเป็นคนขโมยของในห้าง 

 จึงพยายามเดินไปช็อปแบรนด์ที่ซื้อ  พนักงานก็ยังไม่ยอมเอาออกให้ ต้องประชุมกันก่อน ถึงแม้จะมีใบเสร็จจากไทยไปแสดง ทำให้อับอายเป็นอย่างมาก แต่ประชุมเสร็จพนักงานที่ฮ่องกงก็เอาออกให้  กระเป๋าที่ซื้อราคา 207,500 กลับมาถึงไทยร้องเรียนไปยังแบรนด์ดังกล่าว บอกจะส่งดอกไม้มาขอโทษ 1 ช่อ

 ทางเรารู้สึกว่าถ้าเราไม่พกใบเสร็จไปเดินห้าง แล้วเกิดติดคุกที่ฮ่องกง เพราะความผิดพลาดของทางแบรนด์  ทางแบรนด์ควรจะแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้แต่ติดต่อไปหลายวัน หลายครั้ง ก็ได้รับคำตอบว่าจะส่งดอกไม้มาขอโทษ 1 ช่อตอนออกจากช้อป สัญญานกันขโมยก็ไม่ร้องนะคะ

เรียนปรึกษาค่ะ   ว่าแบบนี้ทางแบรนด์ดังควรเยียวยาลูกค้ามั้ยคะ ถามไป 4 วัน ก็ได้รับคำตอบเดิมค่ะ เดทไลน์เมื่อวานค่ะ เพื่อให้คนส่วนใหญ่ตัดสินว่าคุณทำเกินไปมั้ยถ้าเราไม่ได้เอาใบเสร็จติดไปด้วย แล้วติดคุกก่อน ...จะรับผิดชอบยังไงกับเรา

ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณเล็ก นภัสสร เล่าว่าเบื้องต้นเหตุการณ์เป็นไปตามที่เธอโพสต์ ซึ่งได้ซื้อกระเป๋าจาก ช็อปแบรนด์เนมดังแบรนด์หนึ่ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 10 มี.ค.66 ก่อนที่จะบินไปฮ่องกงในวันเดียวกัน จากนั้นวันที่ 13 มี.ค. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ ตนไปเดินห้างแห่งหนึ่งในฮ่องกง แล้วไปเข้าช็อปสินค้าช็อปหนึ่ง แต่ปรากฏว่าสัญญาณกันขโมยดังขึ้น เสียงดังมาก และมีสัญญาณไฟสีแดงดังขึ้นตลอดเวลา  จึงตัดสินใจเดินไปช็อปเจ้าของแบรนด์ที่อยู่ในห้างนั้นเพื่อปลดสัญญาณให้ แต่ระหว่างนั้นเสียงสัญญาณดังตลอดเวลา และไฟสีแดงก็กระพริบตลอดเวลา ซึ่งขณะนั้นคนก็มองมาที่เรากันหมด ซึ่งรู้สึกอับอายมากเพราะคนมองว่าเป็นขโมย อีกทั้งใช้เวลานานมากกว่าจะเดินไปถึงช็อปของแบรนด์ดังกล่าว

พอมาถึงช็อปแบรนด์ดัง ก็ต่อแถวรอเข้าช็อป ซึ่งใช้เวลานานมากเช่นกัน จึงไปคุยกับพนักงานว่าเรามีปัญหาแบบนี้ๆเกิดขึ้น ขอเข้าไปก่อน แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเข้าไปได้ จากนั้นเมื่อเข้าไปได้ทางช็อปก็ประชุมกันว่าจะเอาสัญญาณกันขโมยออกได้หรือไม่  

ท้ายที่สุดทางช็อปก็เอาสัญญาณกันขโมยออกให้ แล้วบอกกับเราว่า ไม่เคยเจอเคสแบบนี้  และควรไปร้องเรียนกับทางช็อปที่ประเทศไทยว่าทำให้เกิดเรื่องเพราะถ้าหากไม่มีใบเสร็จยืนยันสามารถทำให้ติดคุกได้เลย และตนรู้สึกงงมาก ว่าทำไมที่ช็อปไทยหลังซื้อเสร็จแล้วออกมาสัญญาณไม่ดัง ทั้งๆที่เป็นช็อปใหญ่และดังขนาดนี้ผิดพลาดได้อย่างไร

จากนั้น 15 มี.ค. เดินทางกลับประเทศไทย และเช้าวันที่ 16 มี.ค. ร้องเรียนไปยังทางช็อป ทางพนักงานก็งงมากเช่นกัน ว่าทำไมสัญญาณไม่ดัง และยังตอบกลับมาว่าต้องตรวจสอบเป็นการใหญ่ประเด็นที่สัญญาณไม่ดัง  จากนั้นตัวแทนแบรนด์กล่าวขอโทษทางโทรศัพท์ และบอกว่าจะส่งดอกไม้มาขอโทษ 1 ช่อ ซึ่งจะเป็นการส่งผ่านพนักงานส่งของ ซึ่งตนยังไม่รับเพราะมองว่าไม่มีความจริงใจในการขอโทษ

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ตนมองว่าถ้าการเยียวยาที่เหมาะสม คือ การออกจดหมายขอโทษทางการส่งมาให้ เพราะตนอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เผื่อในอนาคตหากมีคนตั้งคำถามกับเหตุการณ์ดังกล่าวจะได้ยืนยันได้ว่าเรื่องเกิดจากแบรนด์ และได้รับคำขอโทษแล้ว แต่ทางได้รับคำตอบว่าออกให้ไม่ได้ ให้ได้แค่ดอกไม้แทนคำขอโทษ แต่ขณะนี้มองว่าไม่เหมาะสมแล้ว และเริ่มคิดแล้วว่าอาจจะมีการฟ้องร้องทีททำให้อับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง

https://youtu.be/lrfLPLG3jrk