สังคม

คนดูแล ‘น้องทีน’ เล่านาทีบีบหัวใจ แพทย์ปั๊มหัวใจแต่ไม่สำเร็จ - พ่อยันไม่ได้ทิ้งลูก แค่ไม่อยากให้มาลำบาก

โดย petchpawee_k

18 ก.พ. 2566

74.2K views

นาทีบีบหัวใจ คนดูแล "น้องทีน" เผยอาการก่อนเสียชีวิต แพทย์ปั๊มหัวใจแต่ไม่สำเร็จ  พร้อมเผยคำพูดเฮือกสุดท้าย ก่อนประกาศตามหายาย หวังมาสั่งลาขณะที่พ่อและยาย ร่วมงานศพ เผยภูมิใจหลาน เป็นคนขยัน หวังไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ต้องลำบากเหนื่อย เหมือนที่ผ่านมา

จากกรณี น้องทีน เจ้าของร้าน อ้วนตรึ้ม กะเพราตะหลิวตัด จากไปด้วยอาการ ติดเชื้อในกระแสเลือด โดยทาง เพจ ตี๋อ้วนชวนหิว ได้ออกมาแจ้งข่าวเศร้านี้


ขณะที่ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊ก ต่อศักดิ์ รุ่งทอง ซึ่งเป็นผู้ดูแลน้องทีน หลังรับเลี้ยงน้องเมื่อ 8 ปีก่อน ได้เผยภาพขณะที่น้องทีน รักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เผยให้เห็นภาพขณะที่น้องทีนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมกับบาดแผล ที่เท้าที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งตลอดการรักษาตัวผู้ที่ดูแลน้องได้มีการอัพเดทอาการผ่านเฟซบุ๊กตลอด ซึ่งน้องทีนเข้ารักษาตัวเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา


ต่อมาผู้ดูแลน้องทีน ยังได้เผยว่า อาการสุดท้ายของน้องทีน ในการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ว่ามีการอาเจียน 2 ครั้ง แล้วต่อมาก็หัวใจหยุดเต้น แม้หมอช่วยกันปั๊มหัวใจ แต่ยื้อไม่ได้ น้องเสียชีวิตเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด ช่วงเวลาประมาณ 20.20 น. วันที่ 16 ก.พ. 2566


ต่อมานายต่อศักดิ์ได้ออกมาไลฟ์อีกหนึ่งรอบ เล่าความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และตัดพ้อถึงความสู้ชีวิตของน้องทีน ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งของคลิปวิดีโอ ได้ขอความช่วยเหลือจากโลกโซเชียล ให้ช่วยตามหาญาติของน้องทีน กล่าวว่า เสียใจกับการจากไปของน้องทีน ขอบคุณทุกคน ที่ทำสุดฝีมือ พยายามแล้ว ใครที่อยู่แถวบางแค หากรู้จักยายน้องทีน ให้ช่วยตามหายายมาร่วมงานศพน้อง เพราะตอนนี้ตัวเองยังไม่สามารถไปตามหาได้ ขอโทษทุกคนที่ไม่สามารถช่วยเหลือน้องได้ในรอบนี้


ทั้งยังตัดพ้ออีกว่า “พยายามแล้ว ขอโทษทุกคน รอบนี้ผมช่วยมันไม่ได้ มันไม่สู้แล้ว มันไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าชีวิตคนหนึ่ง จะถูกทอดทิ้งได้ขนาดนี้ ขณะกำลังจะหมดลมหายใจ เฮือกสุดท้าย ยังบอกว่า มาพรุ่งนี้ได้ไหม ไม่รักมัน ทำไมไม่ทำแท้งมัน ต้องมาให้ตนเสียน้ำตาทำไม ตนไม่ใช่พ่อแม่มัน ไม่ได้เป็นอะไรกับมันเลย ต้องมานั่งร้องไห้ให้มันเนี่ย แต่ตอนนี้น้องหมดเวลาลำบากแล้ว จะไม่ต้องมีใครขับไสไล่ส่งแล้ว”


ต่อมาวานนี้ (วันที่ 17 ก.พ.) ทีมข่าวได้รับรายงานว่าศพของน้องทีน ต้องย้ายวัด ถึง 3 วัดเนื่องจากเตาเผามีขนาดเล็ก ไม่สามารถทำพิธีฌาปนกิจน้องทีนได้ เพราะโลงมีขนาดใหญ่กว่าเตาเผา โดยรับการช่วยเหลือจากวัดผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดม่วง ในการประสานประสานหาวัด สุดท้ายได้วัดนินสุขาราม


ต่อมาที่ วัดนินสุขาราม ศาลา 1 บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ โดยมีร่างน้องทีนอยู่บนเตียงรดน้ำศพ และมีโลงศพขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหลัง


จากการสอบถาม นายชีพ พ่อของน้องทีน ยืนยันว่า ไม่ได้ทิ้งลูก แต่ในวันที่แยกออกมา ไม่อยากให้ลูกมาลำบากด้วย มันมีปัจจัยหลายอย่าง ทำให้ติดต่อหากันยาก ส่วนใหญ่รู้ข่าวจากในโซเชียล เมื่อเห็นว่าเขามีอาชีพแล้ว ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง หรือแสดงตัว กลัวจะดูไม่ดี เพราะลูกจะได้เดินด้วยตัวเองในสิ่งที่รัก เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตนมาหาลูกแต่ไม่เจอ มารู้อีกที ลูกก็เข้าโรงพยาบาลแล้ว ตอนแรกก็เห็นว่าอาการดีขึ้น แต่อยู่ๆ อาการทรุดและเสียชีวิต พอรู้ข่าวใจหายมาก ที่ผ่านมาตนภูมิใจและรักลูกมาก อยากให้เกิดเป็นลูกอีก


 "ผมพูดได้คำเดียวว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่กตัญญูมาก คำว่ากตัญญูในที่นี้ไม่ใช่แค่กตัญญูกับญาติตัวเอง แต่เป็นทุกคนที่ให้เขา แล้วเขาจะให้ตอบ เขาจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนต่อๆ ไป ผมเลยภูมิใจในตัวเขา แต่จะมาประกาศไม่ได้ว่าเป็นลูกผม เพราะมีเรื่องราวหลายอย่างที่มากกว่านั้น หรือมากกว่าจะอธิบายได้หมด ผมภูมิใจตั้งแต่เขาอยู่กับย่า แล้วดูแลย่าแทนผมได้ เหมือนรุ่นสู่รุ่น แต่ตอนที่ผมจากไปตอนนั้นก็เข้าใจว่าเขากับย่าอยู่กันได้ โดยที่ผมไม่รู้ว่าหลังจากตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ผมคิดว่าที่น้องทีนมีทุกวันนี้เพราะขยันและกตัญญู


ในฐานะที่ผมเป็นพ่อ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ตัวติดกัน แต่ผมภูมิใจมากกับเด็กคนนี้ ผมภูมิใจทุกครั้งที่ได้ดูคลิปวิดีโอ ภูมิใจทุกครั้งที่มีคนพูดถึงเขา ผมก็ดูอยู่ห่างๆ ผมพูดได้เลยว่าเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน คนที่คิดว่าท้อหากมาดูน้องแล้วจะมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะ"


ทางด้าน ด้านยายแจ๋ว  อายุ 63 ปี ยายของน้องทีน ระบุว่า ตั้งแต่น้องทีนเกิดมา พ่อแม่ยังอยู่ด้วยกัน แต่ตอนหลังมีปัญหากัน ย่าก็เลี้ยงมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต และพอย่าเสียชีวิต ยายก็ช่วยดูแลต่ออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมีคนมารับไปอุปการะ ยืนยันไม่ได้ทอดทิ้งหลาน ที่ผ่านมาตอนที่หลานป่วยเข้าโรงพยาบาลคิดว่าอาการคงจะดีขึ้นแล้ว เลยไม่ได้ไปเยี่ยม เพราะต้องทำงานและดูแลคนพิการติดเตียงที่บ้าน ไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกัน ต่างคนต่างทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง ที่ผ่านมา ยายภูมิใจที่หลานเป็นคนขยันเลี้ยงดูตัวเอง อยากให้หลานไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ต้องลำบาก และเหนื่อยเหมือนที่ผ่านมา


ส่วนนายต่อศักดิ์  หรือ พี่ต่อ คนที่ดูแลน้อง กล่าวว่า เมื่อวานที่อยู่ด้วยกันน้องเขาหมดแรงและหมดสติไปรอบหนึ่งแล้ว เลยแจ้งพยาบาลว่าขอ ไปซื้อเกลือแร่ให้น้องได้ไหม ก็เลยไปซื้อน้ำเกลือแร่มาให้ดื่ม แล้วน้องก็พอคุยได้อะไรได้ พอหลังจากนั้นน้องก็อ้วกอีกสองครั้งแล้วก็หมดสติ มารู้อีกทีก็ที่ว่าเริ่มทำการปั๊มหัวใจน้องและไม่ตอบสนอง และไม่สามารถให้ยาอะไรได้


 เด็กคนนี้ให้ทำอะไรก็ทำได้หมด ขอให้แค่ได้ทำเพื่อแลกข้าวหนึ่งจาน แต่ที่ผมมาเปลี่ยนนิสัยน้องเขา คอยด่าเขาคอยเตือนเขา เพราะชีวิตเขาต้องเดินต่อไปไม่ใช่ เพื่อทำเพื่อแลกข้าวหนึ่งจาน ผมบอกเขาทุกครั้งเลยว่าอย่าท้อและอย่าไปสนใจสายตาคนอื่นเขาจะยังไงก็แล้วแต่ เอ็งไม่ได้ไปปล้นเขา จะขายของได้เท่าไรก็ทำไป ได้ไม่ได้ก็ทำไป ขอให้เพียงแค่ลงมือทำ ในส่วนที่เขาดังเพราะผมอยากให้เขาดัง อยากให้พ่อแม่เขามาเจอและได้พบกัน


ที่ผ่านมาน้องสู้มาก เคยขายของกลางฝน ไม่ยอมปิดร้าน ทั้งที่ตัวเองเจ็บขา หลายครั้งที่ตนพาไปกินข้าวร้านอาหาร น้องมักจะอายกลัวคนดูถูก แต่ตนสอนอยู่เสมอว่าไม่ต้องอาย และไม่ต้องคิดว่าตัวเองต้อยต่ำไร้ค่า ในวันที่น้องทีนป่วย ฝีที่เท้าขวาแตก ตนพาไปรักษาจนเริ่มดีขึ้น แต่แผลดันมาติดเชื้อ ตอนแรกน้องไม่อยากไปโรงพยาบาล กลัวค่ารักษาแพงแล้วตนจะจ่ายไม่ไหว


ทั้งนี้ตนอยากขอโทษน้อง ที่ไม่ได้เลี้ยงให้อยู่ อย่างสุขสบาย อยากขอโทษทุกคน ที่ช่วยชีวิตน้องไม่ได้ส่วนเรื่องทรัพย์สินของน้อง หากครอบครัวฝ่ายพ่อหรือแม่ต้องการ มารับที่ตนได้เลย


สำหรับปัญหาเรื่องโลงศพและการหาวัดที่ฌาปนกิจน้อง ที่ต้องหากันถึง 3 วัดนั้น นายกฤษฎา  แอดมินเพจ ของดีบางแค กล่าวว่า ก่อนหน้านี้จะนำร่างน้องทีนไปไว้ที่วัดนินมานรดี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านน้องมากที่สุด แต่เนื่องด้วยว่า น้ำหนักตัวของน้อง 210 กิโลกรัม ถึง 220 กิโลกรัม และโลงมีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สามารถ เข้าเตาเผาได้ ทำให้ยากลำบากต่อการเผาเลยเลื่อนไปขอวัดม่วงบางแค เพื่อทำการฌาปนกิจ แต่เนื่องด้วยวัดม่วงเคยมีการซ่อมเตาเผามาแล้วกลัวว่าเตาจะไม่แข็งแรง จึงย้ายมาเผาร่างน้องที่วัดนินสุขาราม


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/Ws0s0I2kp4M

คุณอาจสนใจ