สังคม

พ่อร้องถูก ลูกชาย-สะใภ้ ขังกรอกยา 2 ปี โอนทรัพย์ 65 ล้าน สุดช้ำเมียผูกคอดับ เชื่อเป็นฆาตกรรม

โดย passamon_a

12 ก.พ. 2566

1.1K views

เศรษฐีวัย 67 ปี ร้องสื่อ ถูกลูกชายและสะใภ้ กักขัง กรอกยา นานกว่า 2 ปี โอนถ่ายทรัพย์สินกว่า 65 ล้าน สุดช้ำเมียผูกคอดับคาห้อง เชื่อเป็นฆาตกรรมอำพราง


เมื่อวันที่ 11 ก.พ.66 เวลาประมาณ 13.30 น. ผู้สื่อข่าวได้พา เฮียหมู (นามสมมติ) อายุ 67 ปี  เจ้าของธุรกิจ เข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พร้อม พ.ต.อ.ณัฐจักร จันลา ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ร.ต.อ.วรทัต เรืองฤทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา


หลังถูกลูกชาย ลูกสะใภ้ และครอบครัวลูกสะใภ้ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย และยังใช้ยาสลบหมูผสมข้าว น้ำให้กิน จนล้มป่วย ก่อนที่ลูกชายจะยื่นเรื่องต่อศาลขอเป็นพิทักษ์ทรัพย์ และโอนถ่ายทรัพย์สินกว่า 65 ล้านบาท


โดยเฮียหมูโชว์บาดแผล ตามแขนและขา โดยเจ้าตัวอ้างว่าถูกลูกชายและลูกสะใภ้ รวมถึงพ่อแม่ฝ่ายหญิงทุบตีทำร้ายร่างกายโดยใช้ไม้เมตร เฮียหมูเล่าว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คิดว่าลูกชายแท้ ๆ จะทำกับพ่อแม่ได้แบบนี้ เพราะปกติจะเห็นแต่ในทีวีหรือในละคร ไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัว


ย้อนกลับไปเมื่อปี 2563 ตนและภรรยา พักอยู่ที่บ้าน ในพื้นที่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ถูกลูกชายและลูกสะใภ้ แอบนำยาสลบหมู ผสมในอาหารและน้ำให้กิน จนพากันล้มป่วยทั้งคู่ หนำซ้ำยังถูกกักขังให้อยู่แต่ในห้อง และพบว่ามีการเปลี่ยนลูกบิดประตู ที่ไม่สามารถเปิดได้จากด้านใน ระหว่างนั้นหลานที่อยู่ละแวกใกล้เคียงได้พยายามหาทางเข้ามาหา แต่ก็ถูกกีดกันมาโดยตลอด


กระทั่งต่อมา ลูกชายและลูกสะใภ้ไม่อยู่ หลานแอบขึ้นมาหาที่ห้องและให้การช่วยเหลือพาส่งยังโรงพยาบาล ตอนนั้นภรรยาไม่ได้สติแล้ว ซึ่งยังไม่ทันข้ามคืน ระหว่างที่ยังอยู่โรงพยาบาล และยังไม่ได้พบหมอ ลูกชายก็อ้างสิทธิ์นำตัวตนและภรรยาออกมาจากโรงพยาบาล ก่อนจะพาไปกักขังไว้ที่บ้านพ่อแม่ลูกสะใภ้ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา


ซึ่งระหว่างนั้นถูกกักขังให้อยู่แต่ในห้องขนาด 4 คูณ 8 เมตร ประตูหน้าต่างถูกปิดตายด้วยสังกะสี ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ส่วนหน้าต่างก็ทำเป็นลูกกรง คล้ายห้องขัง มีช่องสำหรับส่งข้าว ส่งน้ำ ซึ่งกับข้าวส่วนใหญ่ก็เป็นมาม่าและปลากระป๋อง น้ำดื่มก็กรอกมาจากน้ำประปา ส่วนข้าวของเครื่องใช้มีเพียงผ้า 1 ผืน และหมอน 1 ใบ ช่วงแรกมีทีวีให้ แต่ก็ถูกยกออกไป


เฮียหมู เล่าต่อว่า ถูกกักขังอยู่อย่างนั้นตลอดระยะเวลา 2 ปี ได้อาบน้ำ 3 เดือนครั้ง ครั้งละประมาณ 15 นาที ที่สำคัญภายในห้องไม่มีห้องน้ำสำหรับขับถ่าย ต้องใช้เก้าอี้ 4 ขา และเอาถุงดำใส่ ทั้งอึและฉี่ พอทำธุระเสร็จก็จะมัดปากถุงและกองเอาไว้ในห้อง ซึ่งจะมีแม่บ้านใส่ชุดพีพีอี มาเก็บเดือนละ 1 ครั้ง บางทีก็กองเต็มห้องส่งกลิ่นคลุ้งไปหมด


ระหว่างที่ถูกกักขัง ถูกกรอกยาสลบหมู โดยใช้สลิงฉีดใส่ปาก ต่อมาทั้งคู่ขัดขืน จึงเปลี่ยนมาผสมข้าวให้กิน โดยถูกกักขังไว้ตั้งแต่ปี 2563-2565 และสามารถหนีออกมาได้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 โดยลูกชายเป็นคนพาหนี เพราะมีปัญหากับพ่อตาแม่ยาย ส่วนภรรยาไม่สามารถหนีออกมาได้ มาทราบภายหลังว่า ภรรยาผูกคอเสียชีวิตในห้องที่ถูกกักขัง วันที่ 12 มีนาคม 2565


เฮียหมู ยังเล่าอีกว่า หลังจากตนและภรรยาถูกลูกชายกักขัง เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ปี 63 ลูกชายได้ไปยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก โดยศาลพิเคราะห์ว่าเฮียหมู และภรรยา เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ จากนั้นลูกชายได้ถ่ายโอนทรัพย์สิน โดยการนำโทรศัพท์ตนไปโอนเงินสดผ่านแอปธนาคารครั้งละประมาณ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท รวมแล้วเป็นเงินกว่า 65 ล้านบาท


เฮียหมูบอก วันนี้หนีออกมาได้ จึงต้องการแจ้งความดำเนินคดี กับบุคคลที่กระทำต่อตนและภรรยา เพราะยังติดใจสาเหตุการตายของภรรยา และคาดว่าน่าจะเป็นการจัดฉากฆาตกรรมอำพรางมากกว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะตนและภรรยาได้สัญญากันว่าจะไม่มีใครฆ่าตัวตายหนีความทุกข์นี้ ซึ่งตนมีข้อสงสัยเนื่องจากก่อนที่ภรรยาจะเสียชีวิตนั้น ตนถูกจับแยกห้อง และได้ยินเสียงภรรยาร้องเรียกขอความช่วยเหลือ ประมาณ 2-3 ครั้ง และเงียบไป จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงภรรยาอีกเลย


ด้าน พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดี พร้อมสอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ขณะที่เพจ อีซ้อขยี้ข่าว 2 โพสต์ภาพใบหน้าของหญิงสาวรายหนึ่ง ระบุว่า เป็นภรรยาของลูกชายเฮยหมู โดยโพสต์ดังกล่าวยังมีคอมเม้นท์ระบุอีกว่า หญิงสาวรายนี้หนีไปอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์แล้ว



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/BjkCnhUm9pM

คุณอาจสนใจ

Related News