สังคม

รวบอดีตทนาย ใช้ภาพปลอมสร้างโปรไฟล์หรู หลอกให้เหยื่อหลงรัก ก่อนลวงเงินจนหมดตัว พบมีประวัติโชกโชน

โดย weerawit_c

4 ก.พ. 2566

33 views

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมชุด PCT5 ร่วมกับชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล แกะรอยติดตามอ้างเป็นนายแพทย์ทอมในโลกโซเชียล หลังรับแจ้งจากผู้เสียหายหญิงรายหนึ่ง ซึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ถูกคนร้ายหลอกลวงผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ แผนประทุษกรรมสุดแสบ โดยใช้โปรไฟล์เป็นหนุ่มรูปงาม และเป็นคนสายบุญ หลอกให้เหยื่อหลงรัก จากนั้นคนร้ายลวงให้ผู้เสียหายลงทุน Money Exchange มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาท จนหมดตัว แล้วออกอุบายบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับพ่อของคนร้าย เพื่อพิสูจน์รักแท้ แต่สุดท้ายพบว่าเป็นตัวคนร้ายเอง สืบพบว่ามีประวัติโชกโชน ตระเวนก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 49 จนถึงปัจจุบันกว่า 6 คดี และมีหมายจับ 2 หมาย โดยได้ตัดกำไร EM หลบหนีประกัน



พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  , พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ PCT และ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุมตัว นายพงศกร หรือ ชาย อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 หมายจับ ดังนี้





1.หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ จ.407/2561 ลงวันที่ 16 ต.ค. 61 ข้อหา “ยักยอกทรัพย์”



2.หมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.90/2563 ข้อหา “ฉ้อโกง”



3.หมายจับศาลอาญา ที่ 35/2566 ลงวันที่ 2 ก.พ. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”



โดยข้อกล่าวหาว่า “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” และตรวจค้นห้องพักที่คอนโด ย่านสุขุมวิท 13 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ตรวจยึดของกลาง คือ





1.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง(พบข้อมูลภาพผู้เสียหายเปลือยที่คนร้ายใช้แบล็กเมล)



2.สมุดจดบันทึก จำนวน 6 เล่ม (พบข้อมูลการจดลักษณะนิสัยของเหยื่อ)



3.บัตร ATM จำนวน 12 ใบ



4.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 17 เล่ม



5.ซิมโทรศัพท์มือถือ จำนวน 16 ซิม



6.เอกสารการทำธุรกรรมการเงินจำนวนมาก





สืบเนื่องจากได้มีหญิงสาวผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้ขอความช่วยเหลือไปถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. โดยแจ้งว่าได้ใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่  App Bumble และได้พบกับคนร้าย ซึ่งอ้างว่าตนเองชื่อ นายเธนศ (ไม่ทราบนามสกุล) ชื่อเล่น “ทอม” โดยคนร้ายสร้างภาพโปรไฟล์เป็นหนุ่มรูปหล่อ ได้แชตสนทนาจีบกันกับหญิงผู้เสียหาย โดยคนร้ายหว่านล้อมแสดงตนว่าเป็นผู้ชายสายบุญ กระทั่งหญิงผู้เสียหายรายนี้เริ่มหลงรัก เมื่อคนร้ายได้แชตสนทนากับหญิงผู้เสียหายได้มาระยะหนึ่ง คนร้ายสามารถรับรู้ได้ว่าหญิงผู้เสียหายมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า



คนร้ายได้ใช้เทคนิคการสนทนาในลักษณะรู้จุดอ่อนของเหยื่อแต่งเรื่อง “วิปริต” หลอกลวงหญิงผู้เสียหายต่อไปว่า หากต้องการจะคบเป็นแฟน หญิงผู้เสียหายจะต้องไปหลับนอนกับ “พ่อ” ของตนก่อน มิเช่นนั้นจะต้องเลิกรากัน ซึ่งหญิงผู้เสียหายกลัวที่จะต้องเลิกรา ยอมเดินทางไปพบกับพ่อของหนุ่มหล่อที่แชตสนทนากัน ซึ่งแท้จริงพ่อคนดังกล่าวนั้นคือ ผู้ต้องหานั่นเอง โดยคนร้ายหลอกลวงเช่นนี้เพราะทราบดีว่าตนเองหน้าตาไม่เหมือนกับใบหน้าในโปรไฟล์ จึงออกอุบายว่าตนเองเป็นพ่อของหนุ่มรูปหล่อ โดยเมื่อคนร้ายได้นัดเจอกับหญิงผู้เสียหายที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งใน ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นจำนวนกว่า 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 19 ม.ค. 66



จากนั้นคนร้ายจึงเริ่มล่อลวงให้หญิงผู้เสียหายเริ่มลงทุน Money Exchange โดยเริ่มโอนเงินให้กับคนร้ายหลายครั้ง และยังถูกหลอกให้นำรถยนต์ของเหยื่อไปขาย เพื่อนำเงินมาโอนให้กับคนร้ายอีก ซึ่งรวมความเสียหายทั้งหมด 1,511,911 บาท



ซึ่งหลังรับแจ้ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้วิเคราะห์เห็นความผิดปกติของคดี ซึ่งเชื่อว่ามีข้อเท็จจริงที่ซ่อนเร้นมากกว่าการหลอกลวงทั่วไป ซึ่งเมื่อสืบสวนก็ได้พบกับวิธีการสุดเลวยิ่งกว่าการถูกหลอกลวงทั่วไป โดยสืบสวนพบว่า ลักษณะของหญิงผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อนั้น มีอาการคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่ามีสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าการถูกหลอกลวงทั่วไป ว่าเหยื่ออาจถูกคนร้าย “แบล็กเมล” โดยเชื่อว่าการที่หญิงผู้เสียหายยอมมีเพศสัมพันธ์กับคนร้าย ซึ่งเป็นชายแปลกหน้าถึง 4 ครั้งนั้น ต้องเกิดจากที่คนร้ายใช้วิธีการเชิงบังคับอย่างแน่นอน



ซึ่งต่อมาทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้สืบสวนจนทราบว่าคนร้ายคือ นายพงศกร อายุ 43 ปี ตรวจพบว่าเป็นเป็นอดีตทนายความ ในพื้นที่ จ.ชลบุรี แต่ได้ถูกถอนใบอนุญาตไป เนื่องจากเข้าไปพัวพันเรื่องผิดกฎหมายกับกลุ่มชาวต่างชาติ และจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับกว่า 2 หมายจับ และมีประวัติก่อเหตุมาแล้วหลายคดีดังนี้



1.วันที่ 15 พ.ย. 49 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “พ.ร.บ.เช็ค” พื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม



2.วันที่ 21 มิ.ย. 50 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์” พื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ



3.วันที่ 15 พ.ค. 61 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ยักยอกทรัพย์” พื้นที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่



4.วันที่ 1 พ.ค. 63 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์



5.วันที่ 30 ม.ค. 65 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พื้นที่ สน.ตลิ่งชัน



6.วันที่ 29 พ.ค. 65 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พื้นที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา



ทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ และตำรวจชุด PCT5 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและได้ออกหมายจับเพิ่มอีกในคดีนี้ ในข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น” ตามหมายจับศาลอาญาที่ 35/2566 ลงวันที่ 2 ก.พ. 66 และได้เร่งสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว



ต่อมาวันที่ 3 ก.พ. 66 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT5 ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายพงศกร ตามหมายจับ โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าร้านกิมฮุง ร้านทอง ถ.สุขุมวิท ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ โดยขณะจับกุม นายพงศกร ออกอุบายตบตาเจ้าหน้าที่ โดยแสร้งว่าตนเองมิใช่บุคคลตามหมายจับ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และจะทำการจับกุมตัว นายพงศกร ยังมีพฤติกรรมต่อสู้ขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จึงได้ใช้กำลังตามสมควรในการจับกุม



ซึ่งหลังการจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังเจ้าหน้าที่ขยายผลการจับกุม โดยเข้าตรวจค้นห้องพัก พบหลักฐาน “สมุดบันทึก” ซึ่งมีการบันทึกลักษณะจิตใจ พฤติกรรม ของเหยื่อผู้เสียหาย และยังตรวจพบข้อมูลภาพถ่ายของผู้เสียหาย ที่นายพงศกร ใช้แบล็กเมลในโทรศัพท์มือถือกว่าหลายภาพ และยังพบอัลบั้มภาพลักษณะนี้กับผู้หญิงรายอื่นอีกไม่ต่ำกว่า 3 คน



ในชั้นจับกุม นายพงศกร ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเองจบการศึกษานิติศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย  และเคยมีอาชีพเป็นทนายความ เป็นเจ้าของเปิดสำนักงานทนายความอยู่ที่ จ.ชลบุรี แต่ตนได้เข้าไปพัวพันกับกลุ่มชาวต่างชาติ สัญชาติออสเตรเลียที่กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด จึงทำให้ไม่ได้เป็นทนาย โดยช่วงที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆ เพราะได้หนีการประกันตัวชั้นศาล โดยได้แอบถอดกำไรข้อเท้าทิ้งไปแล้ว



โดยในคดีนี้ตนยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ลงมือข่มขืนผู้เสียหาย และไม่ได้มีการแบล็กเมลแต่อย่างใด โดยอ้างว่าหญิงผู้เสียหายเป็นฝ่ายยินยอม เมื่อนัดพบกันแล้วและใบหน้าไม่เหมือนโปรไฟล์นั้น หญิงผู้เสียหายไม่ได้ว่าอะไร เพราะคุยกันเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้ฉ้อโกง แต่เป็นการขอยืมเงิน โดยอ้างว่ายังติดหนี้หญิงผู้เสียหายอยู่แค่ 500,000 บาท แต่เอาเงินไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมดแล้วจึงไม่มีคืน



ส่วนที่ภายในห้องพบสมุดบัญชีและซิมโทรศัพท์จำนวนมากนั้น เป็นของคนรู้จักไม่ได้มีการทำผิดกฎหมายใดๆ ส่วนภาพผู้เสียหายในเครื่องโทรศัพท์นั้นเป็นการเอามาจากเว็บไซต์ และเป็นการแลกคอลเสียวกันโดยเต็มใจทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าไม่ได้มีการนำภาพมาแบล็กเมลแต่อย่างใด ส่วนคดีอื่นๆ ที่ยังค้างอยู่เยอะนั้นตนเองไม่ทราบ



พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากพยานหลักฐานได้วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องหา ประกอบกับภาพในโทรศัพท์ของผู้ต้องหานั้น เป็นภาพการวีดิโอคอลลักษณะที่ฝ่ายหญิงผู้เสียหายเป็นฝ่ายเปิดภาพกล้องฝ่ายเดียวในสภาพเปลือยกาย ส่วนฝ่ายคนร้ายนั้นไม่มีการเปิดกล้อง เป็นเช่นนี้จำนวนหลายภาพ รูปแบบและเทคนิคการฉ้อโกงที่น่ากลัว และพยานหลักฐานที่พบสมุดจดในห้องนั้นมีการวิเคราะห์จุดอ่อนของเหยื่อไว้ด้วย คนร้ายในคดีนี้จึงถือเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง มีจิตวิทยาสูง อาศัยความเชื่อเหยื่อในการดูดวง ผมจะไม่ยอมให้คนเหล่านี้อยู่ร่วมในสังคมกับประชาชนทั่วไปได้ เพราะการกระทำเยี่ยงนี้สามารถทำลายชีวิตคนให้ตายทั้งเป็นได้เลย



และขอเตือนภัยไปยังกลุ่มผู้ใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่เหล่านี้ ล่าสุดเราพบข้อมูลในโทรศัพท์ของคนร้าย ยังคงมี User ออนไลน์ไว้ในระบบแอปหาคู่ชื่อดัง 2 แอปพลิเคชั่น โดยใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า “Tom” โดยใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหนุ่มหล่อ ให้ลองตรวจสอบโดยเร็ว หากผู้ใดได้รับความเสียหายถูกหลอกลวงไปแล้วหรือกำลังจะหลงเชื่อ สามารถขอคำปรึกษาได้ทางเพจเฟสบุ๊ค สืบสวนนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม.

คุณอาจสนใจ