สังคม

ฝากขัง 3 ผู้ต้องหา ช่วย 'ประสิทธิ์ เจียวก๊ก' หนีศาล - เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เชื่อแอบอมลูกกุญแจไว้ในปาก

โดย weerawit_c

24 ธ.ค. 2565

187 views

วานนี้ (วันที่ 23 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน นำตัว นายสมประสงค์ ทิพย์สุคนธ์ / น.ส.กัญญามาส ทองปาน / นายณัฐนันท์ อังคณาวิทยากุล ผู้ต้องหา ร่วมกันกระทำด้วยประการใดให้ผู้ที่ถูกคุมขังตาม อำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หลุดพ้นจากการ คุมขังไป มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกเป็นเวลา 12 วัน



โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10.30 น.วันที่ 22 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สน.พหลโยธิน ว่ามีเหตุจำเลยหลบหนีออกจากห้องพิจารณาคดีที่ 903ชั้น 9 อาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ขณะที่จำเลยขออนุญาตเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ ชั้นเดียวกับห้องพิจารณา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบโดยพบนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ 1837/2564 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ร่วมกันทำการจับกุมตัวไว้ได้ โดยผู้บริหารศาล เจ้าพนักงานตำรวจศาลอาญา, เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ากรณีดังกล่าว น่าจะมีผู้ร่วมขบวนการในการหลบหนีของจำเลยในครั้งนี้



ซึ่งเจ้าหน้าที่ศาลได้เชิญตัวบุคคลซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง คือผู้ต้องหาทั้ง 3 มาซักถามยังห้องที่ทำการศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.พหลโยธิน จึงได้ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ ศาลอาญาในการทำการสืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมประกอบในการดำเนินการตามกฎหมายโดยได้ตรวจสอบ



ภาพจากกล้องวงจรปิดของศาลอาญา เวลา 09.30 น.พบภาพนายสมประสงค์ เดินออกมา จากลิฟท์บริเวณชั้น 2 ของศาลอาญา แล้วเดินไปอยู่ที่บริเวณหน้ามุขของศาลอาญาแล้วจึงเดินกลับเข้ามาที่บริเวณทางเข้า หน้ามุขศาลอาญาโดยในมือได้ถือถุงผ้าสีม่วงลายจุดสีขาว จากนั้นถือถุงผ้าฯ เข้าไปในลิฟท์จากชั้น 2 ก่อนที่จะเดินออกมา จากลิฟท์ที่ชั้น 9 พร้อมกับถือถุงผ้าในลักษณะเดียวกัน กล้องวงจรปิดบริเวณชั้น 9สามารถบันทึกภาพของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยคดีฉ้อโกงประชาชน ที่ขณะนั้นอยู่พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ราชทัณฑ์ซึ่งเชื่อว่าน่าจะกำลังเดินไปที่บริเวณห้องน้ำ



ต่อมาภาพจากกล้องวงจรปิดพบภาพนายประสิทธิ์ ในลักษณะที่มีการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและไม่มีเครื่องพันธนาการวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ มาจนถึงบริเวณชั้น 3 และถูกเจ้าหน้าที่ศาล, เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวไว้ได้ที่บริเวณชั้น3



ต่อมาฝ่ายสืบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ศาลได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายใน ห้องพิจารณาคดี ห้อง 903 ซึ่งเป็นห้องที่พิจารณาคดีของนายประสิทธิ์ ปรากฏภาพขณะที่ น.ส.กัญญามาส ยื่นแฟ้มสำนวนเอกสารให้กับนายประสิทธิ์ และนายประสิทธิ์ ได้เปิดแฟ้มสำนวนเอกสาร พร้อมกับหยิบวัตถุบางอย่างสีขาวใส่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวา



จากนั้นเมื่อผู้บังคับบัญชา ผู้บริหารของศาลอาญาพร้อมเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบถามพูดคุยกับบุคคลทั้ง ดังกล่าวข้างต้นแล้วที่ศาลอาญาเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้เชิญตัวบุคคลทั้ง 3 ราย



นายสมประสงค์ ได้ทำการบันทึกให้ถ้อยคำเขียนด้วยลายมือสรุปได้ว่า ได้มาที่ศาลอาญา เพื่อพบกับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ตามที่ ได้นัดหมายซึ่งเคยได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ โดยเป็นหนึ่ง ผู้ลงทุนที่เสียหาย แต่ไม่ได้แจ้งความร้องทุกข์ ด้วยนายประสิทธิ์ แจ้งว่ามีข่าวดีจะบอก จึงมารอที่ศาลแต่เช้าและพบกับ นายประสิทธิ์ แล้วมีโอกาสได้พูดคุยกัน โดยนายประสิทธิ์ได้ขอให้ช่วยหาเสื้อผ้าให้เพื่อนำมาเปลี่ยนให้เพื่อนที่จะได้รับการประกันตัว จึงได้ไปเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่อยู่ในรถยนต์ส่วนตัวมาให้ (ประกอบด้วย 1.กางเกงยีนส์ 2.เสื้อยืดสีเขียว 3.ถุงเท้า 4.กางเกงใน 5 รองเท้าหนังสีน้ำตาล…เข็มขัดสีขาว) เมื่อถือถุงเสื้อผ้ามาถึงห้องพิจารณา 903 ศาลอาญาขณะที่กำลังเดินเข้าไปในห้อง ได้มี น.ส.นิว (วนัสนันท์ คาดิวี่ แซนด์) ทราบสกุลจริงภายหลัง เดินมุ่งมาหา พร้อมบอกว่าให้นำถุงผ้าไปรอที่ห้องน้ำ เดี๋ยวนายประสิทธิ์ จะตามเข้าไปเอา จึงไปรอตามที่ น.ส.นิว บอก



จากนั้นไม่นาน นายประสิทธิ์ก็ตามเข้าไปในห้องน้ำและบอกให้เข้าไปในห้องน้ำที่ติดกัน โดยนายประสิทธิ์ได้ยื่นมือลอดช่องด้านล่างเพื่อ มาเอาถุงผ้า แล้วตัวเองก็นั่งรอนึกว่านายประสิทธิ์ จะแจ้งข่าวดี จนนายประสิทธิ์ยื่นถุงผ้าคืนมา เมื่อเปิดดูก็เห็นกุญแจ กับรองเท้าผู้ต้องหา จึงตกใจเลยรีบออกมาจากห้องน้ำไปพบ รปภ. เลยรีบแจ้งว่าผู้ต้องหาหนีไปแล้ว และตัวเองก็เลยนั่งรอให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ



ขณะที่ น.ส.กัญญามาส ได้ทำการบันทึกให้ถ้อยคำเขียนด้วยลายมือพอสรุปได้ว่าเวลาประมาณ 07.00 น.มาที่ศาลอาญาตามปกติของการสืบคดี เมื่อมาถึงพบนายประสิทธิ์ตนจึงได้บอกว่าไม่สามารถสลับ กระเป๋าตามที่นายประสิทธิ์สั่งการไว้ และถามหาเงินที่ให้ตนเตรียมไว้โดยให้หยิบใส่กระดาษ



ต่อมา นายประสิทธิ์ได้เดินออกจากห้องเพื่อไปเข้าห้องน้ำ และตนได้เดินตามออกมาถึงได้ทราบว่า นายประสิทธิ์ได้วิ่งหลบหนี และถูกควบคุมตัวไว้ได้ ต่อมาพร้อมด้วย นายณัฐนันท์ฯ ได้นำพาเจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจยึดของกลางซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้นายประสิทธิ์ฯเมื่อหลบหนีไปได้



ด้านนายณัฐนันท์ ได้ทำการบันทึกให้ถ้อยคำเขียนด้วยลายมือพอสรุปได้ว่าเวลาประมาณ 06.30 น.ได้เดินทางมาถึงศาลอาญาได้นำกระเป๋าที่บรรจุรองเท้าของข้าพเจ้า 3 คู่ไปสับเปลี่ยนที่ตู้ล็อกเกอร์รับฝากของ เมื่อไปถึงได้สลับกระเป๋าด้านในไม่ทราบว่าบรรจุอะไร หลังจากนั้นได้กลับมาที่ศาลอาญา ขึ้นไปยังห้อง 903 เห็นนายประสิทธิ์ มีพฤติกรรมแปลกๆ ถึงได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ให้จับตาดู นายประสิทธิ์ให้ดี ต่อมาเห็น นายประสิทธิ์วิ่งหลบหนีลงบันไดตนจึงได้วิ่งตามเพื่อช่วยจับกุมตัว เมื่อมาถึงชั้นสามพบเจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ควบคุมตัว นายประสิทธิ์ไว้ได้แล้ว



โดยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการจับกุมตรวจยึด คือนายวศิน บุญสนอง เจ้าหน้าที่ ราชทัณฑ์ ส่วนอีก3 รายคือ ร.ต.อ.ตฤณ รัตนแก้ว, ว่าที่ ร.ต.อ.ณัฐกร จันทร์งาม ,จ.ส.อ.ประพันธ์ สุทธหลวง,ส.ต.อ.บัณฑิต ปราทะกา เป็นเจ้าพนักงานตำรวจศาลอาญา



จากการรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณี นายประสิทธิ์ หลบหนีจาก การควบคุมของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ขณะพิจารณาคดี มีนายสมประสงค์ เป็นผู้ส่งมอบเสื้อผ้าให้ 2.น.ส.กัญญามาส เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของเงินที่พบยึดได้จากตัว นายประสิทธิ์ ขณะหลบหนีถูกจับกุม 3.ดอกกุญแจที่ใช้สำหรับไขกุญแจที่สวมใส่นายประสิทธิ์ ยังไม่ทราบว่าได้มาจากที่ใดใครเป็นคน มอบให้



ต่อมานายวศิน บุญสนอง ผู้กล่าวหา เป็นเจ้าหน้าที่กำกับดูแลเจ้าหน้าที่เรือนจำประจำศาลอาญาได้รับ มอบอำนาจจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ให้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากวันที่ 22 ธ.ค.65 เวลาประมาณ 09.30 น.น. นายวศิน บุญสนอง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กำกับดูแลเรือนจำประจำศาลอาญาได้ไปรับตัวผู้ต้องขังห้องพิจารณาคดีห้อง 903 ระหว่างนั้นนายสุวรรณ โคตรพัฒน์ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้โทรศัพท์ ติดต่อนายวศิน แต่นายวศิน ไม่ได้รับเพราะอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในห้องพิจารณา



ต่อมาเวลาประมาณ 10.15 น. นายวศิน ได้เสร็จจากการพิจารณาคดีในห้อง 903 นายวศิน จึงโทรศัพท์หานายสุวรรณ แล้วได้รับแจ้งว่า นายประสิทธิ์ ได้หลบหนีระหว่างที่ควบคุมแต่ขณะนี้สามารถจับตัวได้แล้วกำลังนำตัวมาที่ห้องควบคุมประจำศาลอาญานายวศิน จึงได้เดินทางไปดู นายสุวรรณ แจ้งว่านายประสิทธิ์ได้หลบหนีและตกลงมาจากบันได ชั้น 4 มาที่ บริเวณชั้น 3 จนได้รับบาดเจ็บ



สอบถามจากนายสุวรรณ ได้ความว่าเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65 เวลาประมาณ 09.30 น. นายสุวรรณ ได้เบิกตัวนายประสิทธิ์ ไปยังห้องพิจารณาคดี ห้อง 903 เพื่อทำการพิจารณาคดี ต่อมาเวลา ประมาณ 09.50 น. ระหว่างที่อยู่ในห้องพิจารณานั้นนายประสิทธิ์ ได้ขอเข้าห้องน้ำ นายสุวรรณ จึงได้พาเดินทางมา โดยที่ขาทั้งสองข้างของนายประสิทธิ์ ได้ใส่กุญแจมือที่ขาไว้ เมื่อถึงห้องน้ำ นายสุวรรณได้ให้นายประสิทธิ์ เข้าไปในห้อง ส่วนขับถ่ายภายในห้องน้ำ โดยนายสุวรรณ ยืนรออยู่ภายในบริเวณห้องน้ำ ซึ่งนายสุวรรณ ไม่เห็นว่านายประสิทธิ์ เข้าห้องน้ำที่ห้องใด นายสุวรรณจึงเฝ้าอยู่



ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. นายสุวรรณ สังเกตเห็นมีคนเดินออกมาโดย สวมเสื้อสีฟ้า สวมกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าหนังสีน้ำตาล โดยไม่ได้ใส่ชุดเรือนจำ ใส่หน้ากากอนามัย แต่นายสุวรรณ จำได้ว่า คือ นายประสิทธิ์จึงเรียกให้หยุด แต่นายประสิทธิ์ไม่หยุดกลับวิ่งหลบหนี นายสุวรรณ จึงวิ่งไล่ติดตามลงมาจนถึงบริเวณชั้น 3 ซึ่งนายประสิทธิ์ ตกลงมาถูกราวบันไดจนได้รับบาดเจ็บ นายสุวรรณ จึงได้จับกุมตัวไว้ได้ หลังจากนั้นนายสุวรรณจึงได้แจ้งเหตุการณ์ให้นายวศิน ได้ทราบเหตุการณ์ที่นายประสิทธิ์จะได้หลบหนี



ต่อมาผู้ต้องหาที่ 2-3 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า ผู้ต้องหาที่ 2,3 ถูกกล่าวหาว่าร่วมกระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นขบวนการ และอุกอาจ ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาอาจจะหลบหนี จึงให้ยกคำร้อง



จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาทั้งสาม ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป



ขณะที่พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า นายสมประสงค์ คนสนิทนายประสิทธิ์ ที่ช่วยพานายประสิทธิ์ หลบหนี เป็น 1 ในผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์ จํานวนกว่า 10 ล้านบาท แต่ยังคงเชื่อว่าหากไม่แจ้งความร้องทุกข์ และคอยติดตามช่วยเหลือเรื่องคดีให้นายประสิทธิ์ จะได้รับเงินจํานวนดังกล่าวคืน และยังมีกลุ่มอดีตพนักงาน กลุ่มเลขานายประสิทธิ์ฯ รวมทั้ง กลุ่มผู้ช่วยทนายความ ให้การช่วยเหลือและรู้เห็นในการวางแผนหลบหนีครั้งนี้



ซึ่งจากการตรวจค้นล็อกเกอร์ย่านสามย่านเมื่อคืนนี้ เป็นสถานที่ที่นายประสิทธิ ให้ลูกน้องนำของไปเก็บไว้ โดยคาดว่าหากหนีไปได้ จะไปเอาของที่ล็อกเกอร์นี้ เพื่อใช้ในการดำรงชีพหลังการหลบหนี แต่สุดท้ายทีมงานได้เอาของออกจากล็อกเกอร์ไปเก็บไว้ในรถแล้ว ที่ตรวจเจอมีทั้งเสื้อผ้า สบู่ ยาสระผม รองเท้า วิกผม ฯลฯ รวม 53 รายการ



นอกจากนี้ทางการข่าวของเจ้าหน้าที่ยังพบว่ามูลว่า ทีมงานของนายประสิทธิ์ ได้จ้างเพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่งทำบัตรประชาชนปลอมให้กับนายประสิทธิ์ แต่กลับถูกเพจดังกล่าวโกงหลอกเอาเงิน และไม่ส่งบัตรประชาชนปลอมให้ ทำให้ทีมงานยังไม่ได้บัตรประชาชนปลอมดังกล่าวมาให้นายประสิทธิ์



นอกจากนี้ยังให้ตรวจสอบเอกสารจดหมายเปิดผนึกของนายประสิทธิ์ที่ส่งออกไประหว่างอยู่ในเรือนจำย้อนหลังไปกว่า 230 ฉบับ ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ด้วย แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติ



ส่วนจดหมายที่ อี๋ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ มาลองให้กระทรวงจะทำตรวจสอบ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงญที่ทำเนี่ยได้ชี้แจงว่าจดหมายดังกล่าว เป็นจดหมายเปิดผนึก และจากการตรวจสอบก็ได้ระงับจดหมายดังกล่าว การส่งออกจดหมาย แต่สามารถที่จะส่งออกไปเป็นเอกสาร ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์คิวอาร์โค้ด และจดหมายดังกล่าวจากการตรวจสอบ ว่าจดหมายดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการหลบหนีในครั้งนี้หรือไม่ แต่ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ได้พูดว่า ตัวของนายประสิทธิ์มีความฉลาดมากในการชักชวน จูงใจบุคคลอื่นๆ ก็อาจจะอาศัยตรงนี้ในการพูดจากับคนอื่นๆ



อีกคนที่กำลังหลบหนีคือ ผู้หญิง ชื่อ นิว วนัสนันท์ คาดิวี่ แซนด์ เปรียบเสมือนญาตินายประสิทธิ์เป็นผู้บริหารทีมสหกิจชุมชน เป็นคนที่นายประสิทธิ์ไว้ใจและให้คอยประสานงาน และมีฝน ฉัตรฉกฎ คอยสร้างมวลชนสนับสนุนให้ถอนฟ้องเพื่อใช้เป็นอีกช่องทางในการแถลงศาลขอประกันตัวนายประสิทธิ์



ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายประสิทธิ์ ได้ถูกเบิกตัวจากเรือนจำคลองเปรมไปขึ้นศาลเป็นประจำ จนเกิดเห็นช่องโหว่งที่สามารถจะใช้ในการหลบหนี



ส่วนตู้เก็บอุปกรณ์เครื่องพันธนาการเป็นเพียงตู้ไม้เก่าธรรมดาและจุดดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด ส่วนวันเกิดเหตุ ได้อธิบายว่า มีเจ้าหน้าที่พัสดี 1 คน ในการดูแลตั้งแต่การนำผู้ต้องขังมาจากเรือนนอน มายังจุดที่มีการใส่กุฐแจข้อเท้า แต่ในขบวนการต่างๆ รวมถึงการใส่กุญแจโซ่ตรวนจะมีเจ้าหน้าที่ผู้ช่วย ที่เป็นนักโทษชั้นดี คอยช่วย / และในวันดังกล่าวมี ผู้ต้องขัง 3 คน และผู้ต้องขังที่จะได้ปล่อยตัวอีก 3 คน รวมเป็น 6 คน และการตรวจค้นร่างกายผู้ต้องขังจะต้องมีการตรวจค้นร่างกาย ประมาณคนละ 30 นาที



ส่วนกุญแจความมั่นคงสูง แบบ 2 ชั้น โดยจะต้องใช้ลูกกุญแจ 2 แบบ ทั้ง แบบปกติ และลูกกุญแจเข็มในการแทงสลักแม่กุญแจ ต้องแทงเข็มสลักก่อนและค่อยหมุน และจากการเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้ทดสอบถอดกุญแจ ทั้ง 2 แบบ จากพวงกุญแจทั้งหมด ใช้เวลา ประมาณ 20 วินาที เท่านั้น



ส่วนตู้ดังกล่าวเป็นเพียงตู้ไม้ธรรมดา สูงจากพื้นมาประมาณ 60 เซ็นติเมตร และด้านในและมีกุญแจปิดล็อก และหลังเกิดเหตุ จนท.ได้มาตรวจสอบก็พบว่า กุญแจเข็มสลักจาก 5 ดอก และกุญแจปกติ 4 ดอก ก็หายไปอย่างละ 1 ดอกเช่นกัน



นอกจากนี้สิ่งที่ผิดสังเกต คือปกตินายประสิทธิ์จะชอบพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เวลามารับตัว แต่วันที่เกิดเหตุนายประสิทธิ์พูดน้อยมาก แทบจะไม่คุยกับเจ้าหน้าที่เลย จึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าจะซ่อนกุญแจทั้ง 2 ดอกไว้ในปาก เพราะเป็นกุญแจดอกเล็ก อีกทั้งยังใส่หน้ากากอนามัยทับ อย่างไรก็ตามล่าสุดตำรวจตรวจยึดกุญแจที่หายไปทั้ง 2 ดอกคืนมาได้แล้ว


https://youtu.be/tAETjEmm8X8

คุณอาจสนใจ

Related News