สังคม

'ชูวิทย์' แฉ 'ตู้ห่าว-นายหม่า' สนิท 'อดีตเลขาธิการ ปปง.' อำ ผบ.ตร.ปอดแหก-ผบช.น.ทำคดีผับจินหลิงหละหลวม

โดย weerawit_c

17 ธ.ค. 2565

123 views

วานนี้ (16 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมเดวิส สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง ติดเข็มยุติธรรมธำรง แถลงครั้งที่ 5 ความคืบหน้าหลังจากเข้าร่วมรับประทานอาหาร พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.โดยมีพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจกันหลายเรื่องหลักจากนายชูวิทย์ นำหลักฐานเปิดโปงเครือข่ายทุนจีนสีเทา



โดยนายชูวิทย์ อยากขอบคุณ ผบ.ตร .และ รอง ผบ.ตร ที่ให้ความสำคัญในคดีนี้ พร้อมชี้แจงว่าตนเองได้รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนจะเปิดเผยข้อมูลกับสื่อมวลชน นายชูวิทย์ เปิดเผยข้อมูลอีกว่า จากจำนวนประชากรจีนจาก 14,000 ล้านคน ตนเองเชื่อมั่นว่าในจำนวนนี้ .5% ( ร้อยละ จุด 5) หรือ 7 ล้านคน อาจเป็นกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยบุคคลเหล่านี้จะเลือกไปลงทุนที่ประเทศ ที่มีระบบราชการอ่อนออ่อนแอ เช่น เวียดนาม 7 ล้านคน, กัมพูชา 1 ล้านคน , สปป.ลาว 1 ล้านคน, ฟิลิปปินส์ 2 ล้านคน และไทย 3 ล้านคน



บุคคลเหล่านี้ถือพาสปอร์ต วานู อาตู และมอลต้า ที่ขบวนการเหล่านี้ใช้เงินไปแปลพาสปอต์หรือเปลี่ยนสัญชาติ เพื่อมาก่ออาชญากรรมข้ามชาติในประเทศไทย ยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ บ่อนพนันออนไลน์ หลอกคนจีนด้วยกันฯ จาก 5 เสือ มาเฟียทุนจีนสีเทา ก็จะมีทั้ง หยูฉางเฟย ทำธุรกิจคลัปวัน พัทยา ,หมิง ดูแลธุกิจ TOPONEโดยมีพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดูแลในคดี ส่วนคดีผับจินหลิง พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผบช.น. ดูแล



สำหรับกลุ่มทุนจีนเทา เมื่อเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ก็จะหาช่องทางซื้อบ้าน คอนโด ที่ดิน จากนั้นก็ทำธุรกิจผิดกฎหมายและนำท่องเที่ยวในผับมีบริการ เช่น การให้เสพยาในสถานบริการ เช่นในผับ TOPONE และผับจินหลิง ที่ถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งที่ผ่านมาตนเองได้เดินหน้าไปร้องเรียน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงยุติธรรม ให้ช่วยดำเนินคดีดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง เช่น การฟอกเงิน , ยาเสพติด , และเข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติ



นายชูวิทย์ ยังกล่าวว่า ตามที่ ผบช.น. แถลงในนายธนบดี ที่รับเป็นผู้ดูแลไม่ใช่ รปภ.ผับจินหลิง นั้น ได้ดำเนินคดี จับขัง ต่อมาพบหลักฐานไม่ใช่ผู้ดูแลก็ได้ปล่อย แล้วกลับมาเป็นพยาน ทำไมไม่เป็นดูหลักฐานว่าบริษัทนั้นเป็นบริษัทการ์ดหรือ รปภ.หรือไม่ ให้ตรวจสอบว่ามีนายธนบดี เป็นพนักงานหรือไม่ เพราะวันจับผับจินหลิงนั้น มีการจับคนไทย 26 คน มีทั้ง รปภ. เด็กเสิร์ฟ



สำหรับนักเที่ยวจีนผับจินหลิง มี 260 คน ปัสสาวะสีม่วง 104 คน แล้วส่งปัสสาวะไปตรวจโรงพยาบาล จาก 104 เหลือ 77 คน หายไป 27 คน ซึ่งผับแห่งนี้ไม่ใช่สถานบริการ แต่เป็นสถานที่มั่วสุมยาเสพติด เท่ากับที่เหลือกว่า 150 คนที่ปัสสาวะสีปกติ และ 27 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวไปเลย ตรงนี้ถือเป็นข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะยาเสพติดในที่เกิดเหตุเยอะมาก ไม่ใช่สถานบริการทั่วไป แล้วเอา 77 คนไปขัง ตม. และไม่แน่ใจว่าตรวจหมดหรือไม่ กำลังตำรวจ น้ำยาตรวจ พอหรือไม่ “ใน 77 คนมีข้อน่าสังเกต ที่หายไปที่เกิดเหตุ นายเดวิด ฮอลล์ เป็นตัวการสำคัญ หลานตู้ห่าว หนี โดยตำรวจ”



นายชูวิทย์ กล่าววกรณีมีคำสั่งเด้ง พ.ต.ท.คมไพร ทองลาด รอง ผกก.จร.สน.ลาดพร้าว, พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ พิมมานนท์ สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา และ ร.ต.อ.สมยศ บุญณะแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา มีเพราะเกี่ยวกับคดีจับผับจินหลิง นั้น ในคำสั่งสาเหตุโยกย้าย ทำให้พบว่านายเดวิด ฮอลล์ อยู่ในจำนวน 170 กว่าคน นี้ จึงเห็นความสะเพร่าของตำรวจชุดนี้



“ผมติด้วยความหวังดี ไม่ได้แย่งตำแหน่งเป็น ผบช.น. แล้วดูว่าแต่งตั้งใครเป็นประธานกรรมการสอบ พบว่าเป็น พ.ต.อ. เป็นรองผบก.อำนวยการ บช.น. เอาคนทำงานธุรการ จัดซื้อจัดจ้างมาเป็นประธานสอบ ทำไมไม่เอา รอง ผบก.น.1-9 ที่เชี่ยวชาญงานสอบสวนมาเป็นประธานสอบ ฝากถาม บช.น.”



นายชูวิทย์ ยังระบุว่าว่า “วันนี้ไปร่วมกินข้าวกับท่าน ผบ.ตร. ผมได้แหย่ท่านไป บอกท่านว่าไปหาหมอใหญ่ รพ.ตำรวจหน่อย ผบ.ตร.ปอดไม่ดีนะ ผบ.ตร.บอกปอดเป็นไร ผมบอกว่าเป็นปอดแหก” นายชูวิทย์ กล่าวพร้อมป้องปากหัวเราะ และว่าได้ขอโทษ ผบ.ตร. ที่ต่อว่าตำรวจ แต่ที่ว่านั้นไม่ได้พูดถึงองค์กรตำรวจ แต่พูดถึงตัวบุคคล



ซึ่งนายชูวิทย์ ตั้งข้อสังเกตว่าคดีดังกล่าว ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แต่ ปปง.กลับเพิกเฉย ไม่ยอมตรวจสอบ จึงได้ตั้งข้อสังเกตต่อว่า อาจเป็นเพราะ ผู้บริหารใน ปปง. ตำแหน่งระดับประธาน ยศ ‘พล.ต.ต’ ที่มีความสนิทสนมกับนายตู้ห่าว และนายหม่า เครือข่ายธุรกิจสีเทาหรือไม่ จึงไม่ออกมาร่วมตรวจสอบในคดีดังกล่าว



เพราะที่ผ่านมานายชูวิทย์ ยืนยันว่ามีหลักฐานว่านายตู้ห่าว เคยไปเดินทางที่สำนักงาน ปปง. อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งพบว่าทั้ง 2 ฝ่าย เคยกินทานอาหารร่วมกัน นอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริหารคนดังกล่าวยังมีความร่ำรวยผิดปกติ สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ใน ประเทศญี่ปุ่นได้



นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตลอดมีข่าวคดีทุนจีนเทา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เงียบฉี่ ปปง.ไปไหน ตั้งชื่อให้ใหม่ “ปิด-ปิง-เงิน” มีภาพวงจรปิดชนแก้วไวน์กับบิ๊ก ปปง. นักธุรกิจเดินขึ้นลงถือกระเป๋าไวน์ เมื่อก่อนมี บิ๊ก ปปง. สนิทกับบิ๊กตำรวจ มีสติ๊กเกอร์ตราโล่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของผู้บริหารระดับสูงของ ปปง. ไปติดบนรถตู้ของนายตู้ห่าว ที่ตำรวจไปตรวจค้นเมื่อวันก่อน เสียศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการ แนะนำให้ลาออกยกทีม ถ้าไม่ออกจะเอาข้อมูลแจ้งอัยการ ในฐานะตนเป็นพยาน แล้วเปิดพยานหลักฐานทั้งหมด มีการคุยโทรศัพท์กัน  ไม่เกรงกลัวหากตนเองจะถูกฟ้องร้องที่ออกมาแฉในเรื่องดังกล่าว



นายชูวิทย์ กล่าวว่า กลุ่มจีนเทาเข้ามา โดยสำนักตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เป็นด่านแรก เกี่ยวกับเปลี่ยนประเภทวีซ่า เจ้าหน้าที่กรมที่ดินเวลาไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่มีหน่วยงานไม่ซื่อสัตย์ ทั้งที่กินภาษีอาการประชาชน ทำความผิด จีนหิ้วไวน์ไปหาไม่เกรงใจเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน เห็นคนจีนเดินขึ้น เดินลงมาเคลียร์ ต่อรอง เคลียร์กันไม่งั้นขยายผลสอบเส้นทางการเงิน การฟอกเงิน ถือว่าระบบข้าราชการอ่อนแอ



นอกจากนี้นายชูวิทย์ ระบุอีกว่า หากตำรวจจับกุมผู้กระทำความผิดในกลุ่มธุรกิจสีเทาก็จะวิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ซึ่งกลุ่มทุนจีนสีเทาบางรายยัดสินบนให้เจ้าพนักงานหลักหลายสิบล้านบาท เพราะหากเคลียร์ไม่ลงตัวก็เสี่ยงถูกขยายผล ซึ่งกลุ่มนักธุรกิจทุนจีนสีเทา ก็จะยอมจ่ายเพื่อไม่ถูกดำเนินดี



ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าของสถานบันเทิงและอดีตนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ปิด-ปิง-เงิน ป.ป.ง. ย่อมาจาก “ป้องกัน ปราบปราม ฟอกเงิน” แต่ผมว่า ปิดปาก “ป.” ด้วยเงิน เสียมากกว่า



ตำรวจ อัยการ ป.ป.ส. ดีเอสไอ ร่วมกันทำงานหน้าดำคร่ำเครียดเรื่องตู้ห่าว เพราะโดนสังคมจับจ้อง แต่หน่วยงานไหนที่ชิลๆ หายแว๊บ ไม่โผล่ ตำรวจเรียกไป 2-3 ครั้ง ก็ทำตัวล่องหน



ป.ป.ง. เป็นแดนสนธยามานาน ไม่เคยเห็นออกหน้าคดี “ตู้ห่าว” คอยมุด คอยหลบเลี่ยงไปมาตลอด



ประธาน “ป.” ที่เป็น “อดีตเลขา” ยึดออฟฟิตชั้น 3 ปล่อยให้ “แก๊งจีนเทา” พาเหรดเดินขึ้นเดินลง สร้างสัมพันธ์ จีนเทา-ไทยเทา กันครื้นเครง



เพราะมีหัวหน้าแก๊งจีนเทา “ตู้ห่าว” สิงสถิตย์เป็นบ้านหลังที่สอง จนเด็กๆ เค้านินทา ตั้งชื่อเป็นเกียรติว่า “ห้องประชุมตู้ห่าว”



หิ้วกระเป๋า หิวไวน์ ไปนั่งจิบสังสรรค์กับใครไม่รู้ จนบรรดาเจ้าหน้าที่เขาอึดอัด มีคนเคลียร์นามย่อ “ยาว” มาก!! เชื้อเชิญประสานหน้างาน ส่วน “ออนไลน์” คนเคลียร์ชื่อ “อั้ม PSV” อยู่ในเครือ “เป็นต่อ” คอยเป็นหน้าเสื่อว่าจะเอาถึงแค่ไหน?



หากเคลียร์ตำรวจได้ จบที่นี่ สำนวนดำดิน หรือแกล้งหลับตาไม่ขยายผลเส้นทางการเงิน ขอให้เงินถึง “ป.” เป็นเรียบร้อย หลังๆ หิวเงินหนัก เรียกเป็นหลัก 100 ล้าน วันนี้เพิ่งโดน “พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช” รวบตัวพร้อมเงินสด ทรัพย์สิน 700 ล้าน



รวยขนาดนาฬิกาหรูเรือนละ 20 ล้าน ไฟไหม้ในโรงแรมหรูยังไม่รู้สึกมาแล้วในอดีต เพราะเงินหมุนเวียนเกือบหมื่นล้าน ผมแถลงข่าวจบปุ๊บ โดนจับปั๊บ ยังกับเสกเรื่อง แถมศาลไม่ให้ประกันตัว โดนเทไปนอนคุกทั้งผัว ทั้งเมีย ยังมีจีนเก๊ “สมศักดิ์ แซ่หม่า” หรือไอ้หม่า (สมศักดิ์ แซ่เบ๊) สวมบัตรประชาชนปลอม เป็นพวก “จีนหลอกจีน” หาเหยื่อมาให้ตกถึงที่ในบ่อข้างปทุมวัน



โดย “ป.” มีคนนามย่อ “ก.” เป็นผู้ช่วย ตำแหน่งขึ้นลิฟต์ 4 ชั้นในหนึ่งปี เพราะรับเป็นมือเก็บ และผู้ช่วยอีกคนเป็น “เทพ” จรวดเรียกพี่ นอมินี ทายาทของ “ป.” ที่ไม่ยอมไปไหน กะจะนั่งให้รากงอก ขนาดขึ้นเป็นประธานก็ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สองสามเดือนมาประชุมเป็นพิธี แต่ยึดออฟฟิศเก่าเป็นที่ตั้งโต๊ะเจราจาเงินเทาที่ฟอกไม่ออก ไม่ใช้ไฮเตอร์



นับเป็นพี่น้อง ไทย-จีน สมานฉันท์แท้ ทุกเคสส่งให้ท่าน “ป.” เขานินทากันว่า ในสำนักงานถอด CCTV ออกหมดแล้ว หากใครไม่เชื่อเรื่องนี้ ลองโยงมือถือ 3 เบอร์ดูว่าเจรจาอะไรกันกับเบอร์ของตู้ห่าว



คนแรก “ป.” 095-992-XXXX

อีกคนชื่อ “เพ้นท์สี” 087-519-XXXX

หรือจะเช็คกับคนชื่อย้าวยาว 095-564-XXXX

แล้วดูว่าเบอร์เก่าตู้ห่าว 061-195-6499 ได้โทรเชื่อมโยงกันไหม ? กับใคร ?



ก่อนเข้าคุก นัดกันเคลียร์เท่านั้นเท่านี้ นายสั่งต้องแบ่งหลายที่ มีหลายกอง ได้ข่าวว่า “ป.” ทำตัวจ๊นจน ตอนอยู่เมืองไทย แต่ที่ไหนได้ มีบ้านที่ญี่ปุ่นโอนทรัพย์สินไปหมดรอเกษียณ และทิ้งทายาทไว้ให้ “องค์เทพ” เป็นนอมินี สืบอำนาจต่อ เพราะยังไม่พอ กินไม่เลิก กินเลอะเทอะ กินไม่รู้จักเวล่ำเวลา งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เงินได้ไปเยอะแล้ว แยกย้ายกันได้แล้ว เพราะหลักฐานมีมาก สาวถึงตัว



หากไม่เลิก เอกสารถึง ป.ป.ช. แทนที่จะทำงานให้แผ่นดิน กลับฟอกเข้าตัวเอง เลวระยำจริงๆ เรื่องนี้อย่าให้ผมแฉขึ้นมานะครับ หัดรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เดี๋ยวจะพังทั้งกระดาน แล้วอย่าหาว่าชูวิทย์ไม่เตือน ให้เวลาถึงสิ้นปีนี้ “ลาออกยกกระบิ” ไม่งั้นมีภาค 2 หลังปีใหม่ นี่แค่หนังตัวอย่าง ภาคหน้าโหดกว่าเยอะ


https://youtu.be/sRybqWpjSfE

คุณอาจสนใจ

Related News