สังคม

หลานคลั่งยา-ป่วยจิตเวช หลอนอ้างตี๋ใหญ่เข้าสิง จะข่มขืนป้า-ย่า ก่อนช็อกดับคาบ้าน พ่อลั่นไม่เสียใจลูกตาย

โดย petchpawee_k

24 ก.ย. 2565

448 views

หลานชายคลุ้มคลั่ง! สวมวิญญาณตี๋ใหญ่ พยายามข่มขืนป้าสะใภ้หนีทัน -ปีนหลังคาบ้านย่าวัย 74 กัดหน้าอก ลากลงโซฟาจะข่มขืน ย่าไม่ยอมใช้มีดแทงบาดเจ็บ ถือมีดขู่ “ใครเข้ามาจะฆ่า” พ่อเข้ามาเห็นคร่อมย่าตบให้คืนสติ ชาวบ้านช่วยกันจับช็อคหมดสติเสียชีวิต พ่อเผยป่วยจิตเวช-เสพยา ลั่นไม่เสียใจเลยที่ลูกชายตาย เคยคลั่งต่อยปากลุงฟันปลอมหลุด

เมื่อเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ของวันที่ 23 ก.ย. 65 พ.ต.ท.ประสงค์ อินเสมียน สว.สอบสวน สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่หมู่ 3 ถนนเพชรหึงษ์ ซอยเพชรหึงษ์ 12 ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ  จุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ปลูกติดกัน 2 หลัง ในเนื้อที่ประมาณ 30 ตารางวา พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ชื่อนายณัฐวุฒิ อายุ 32 ปี นอนอยู่กลางบ้านชั้นล่าง


 สภาพศพผู้ตายใส่เสื้อชุดฟุตบอลสีแดง มีบาดแผลเขียวช้ำที่เบ้าตา โหนกแก้ม กกหูข้างซ้าย ที่ข้อมือทั้งสองข้าง และขาทั้งสองข้างมีร่องรอยการถูกรัดด้วยเชือกคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบมีร่องรอยการต่อสู้ และมีคราบเลือดกระจายอยู่เต็มพื้นบ้าน บริเวณโซฟาและที่นอนที่อยู่ใกล้กัน


ทีมข่าวลงพื้นที่สอบถามญาติ ทราบว่านายณัฐวุฒิ หรือแม็ค ผู้ตาย อาศัยอยู่บ้านกับลุงและป้าสะใภ้ รวม 3 คน นายณัฐวุฒิ มีอาการคลุ้มคลั่ง ได้มุดมุ้งเข้าไปหาป้าสะใภ้ อายุ 58 ปี พยายามจะทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศป้าสะใภ้ แต่ป้าสะใภ้พยายามต่อสู้ขัดขืนหลบหนีได้ พานายมานะ สามี อายุ 54 ปี ไปนอนที่บ้านของนางประทุม (ย่าคนตาย) ส่วนย่าอายุ 74 ปี อาศัยอยู่บ้านอีกหลังปลูกติดกัน


ปรากฎว่านายณัฐวุฒิ ปีนหน้าต่างชั้น 2 ของบ้านออกมา แล้วเดินไต่หลังคาก่อนจะกระโดดเข้าบ้านย่า ผ่านทางหน้าต่างห้องครัว ใช้มีดจิ้มแทงย่าจนได้รับบาดเจ็บและพยายามข่มขืน ต่อมาญาติและชาวบ้านได้ช่วยจับตัวไว้ได้และมัดมือมัดเท้า ระหว่างนั้นนายณัฐวุฒิ เกิดอาการช็อคและนิ่งหมดสติไป เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาดูทราบว่าเสียชีวิตแล้ว ตำรวจได้มอบศพให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ้ง นำศพส่งสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ก่อนจะมอบศพให้ญาติรับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป


นางสาววันเพ็ญ ป้าสะใภ้ผู้ตาย เล่าว่า ประมาณ 1 ทุ่ม นายณัฐวุฒิ (ผู้ตาย) เข้ามาลากตนออกมานอกมุ้ง จึงรีบสะบัดมือออกและเดินไปนอนกับแม่ที่บ้านอีกหลังเนื่องจากกลัวอันตราย ส่วนสามียังอยู่ที่บ้านหลังเดิม และถูกนายณัฐวุฒิ จะทำร้ายร่างกาย จนต้องหนีตามมานอนที่บ้านของแม่ (ย่าของผู้ตาย) เช่นกัน โดยที่ย่าก็นอนอยู่บนเตียงในบ้าน สักพักได้ยินเสียงและสังเกตบนหลังคา ตอนแรกนึกว่าตัวเงินตัวทองปีนขึ้นไป


แต่พบว่าเป็นนายณัฐวุฒิ  สวมแว่นตาดำ อยู่บนหลังคา และปีนจากหน้าต่างชั้นสองลงมาในบ้านของย่าบริเวณหน้าต่างห้องครัว พร้อมบอกว่า "ตี๋ใหญ่มาแล้ว" โดยในถือมีดอยู่เล่มหนึ่ง ตนจึงพาสามีเข้าไปหลบในห้อง ก่อนที่นายแม็คจะเข้าไปหาคุณย่าซึ่งนั่งอยู่โซฟาข้างเตียงนอน โดยนำมีดไปจี้คอย่า และบอกว่า “ใครเข้ามาจะฆ่า” หลังจากนั้นแม่ก็ร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากหลานชายจะเข้าไปข่มขืนแต่คุณย่าไม่ยอม


 จากนั้นนายแม็ค หลานชายได้ใช้มีดแทงบริเวณลำตัวหลายแผลและกัดนม ตนรีบออกไปบอกเพื่อนบ้านและญาติ ๆ มาช่วย  แม่ (ย่าผู้ตาย) ร้องโหยหวนมาก ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเพราะกลัวเนื่องจากนายแม็คถือมีดไว้ในมือ 2 ข้าง เห็นแม่ร้องเจ็บปวดแต่ช่วยอะไรไม่ได้ กระทั่งพ่อของนายแม็ค มาถึงเข้าไปล็อคตัว และช่วยกันควบคุมตัวไว้ นายแม็คหลอนไม่เป็นตัวของตัวเอง บางครั้งเคยมาทำร้ายสามีอยู่บ้านกับนายแม็ค ก็ระแวงจะตายเมื่อไหร่ไม่รู้ แม็คเคยเสพยาเสพติดแต่ตอนนี้เลิกแล้ว


ด้านนายมานะ ลุงของผู้ตาย/สามีของนางสาววันเพ็ญ เล่าว่า ตนนอนตามปกติกับภรรยาบนเตียง ตอนนั้นตนหลับไปแล้ว ส่วนผู้ตายเป็นหลานชายก็นอนอยู่บนชั้นสองของบ้านเหมือนกันแต่อยู่คนละมุม เวลาประมาณ 19.30 น. ผู้ตายเป็นหลานได้มากระชากนางสาววันเพ็ญ ภรรยาของตนออกจากมุ้งเพื่อจะข่มขืน     


จากนั้นตนกับภรรยาจึงลงจากบ้านไปนอนบ้านของแม่ (ย่าผู้ตาย) ล็อคประตูบ้าน แต่นายแม็คก็ปีนหลังคาเข้ามาที่บ้านของย่า ตนหลบอยู่ในห้องนอนของหลานอีกคน ดูพฤติกรรมของนายแม็ค ออกไปช่วยแม่ไม่ได้เพราะกลัวสู้แรงนายแม็คไม่ได้ ก่อนหน้านี้นายแม็ค หลอนเคยเตะตนเองหงายหลัง ต่อยปากจนฟันปลอมหลุด


ด้านย่าของนายแม็ค ได้รับบาดเจ็บหลังถูกนายแม็คใช้มีดทิ่มแทง ตอนนี้กลับมารักษาตัวที่บ้านแล้ว ตามร่างกายยังเต็มไปด้วยบาดแผลที่ปิดผ้าไว้ ทั้งที่โหนกแก้มซ้าย แขนและมือซ้าย นิ้วโป้งขวา และที่ข้อเท้าขวา คุณย่าเล่าว่า ตนนั่งห้อยขาอยู่โซฟาข้างเตียงนอน เห็นนายแม็คหลานชายกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง ด้วยอาการคลุ้มคลั่ง ก่อนก็วิ่งไปจุดเตาแก๊ส ย่าเลยตะโกนให้ปิดเพราะกลัวไฟไหม้บาน



จากนั้นนายแม็ค พูดว่าหิวข้าว แล้วก็วิ่งไปเปิดตู้เย็น เอาเนื้อหมูดิบ ไก่ดิบมานั่งเคี้ยวกิน ก่อนพ่นใส่หน้า และหยิบมีดขึ้นมา 2 อัน ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปกัดขา กัดหน้าอก (นม) และกัดตามร่างกาย ตนตะโกนให้คนช่วย แต่นายแม็ค บอกว่า “มึงไม่ต้องเรียกใครช่วย” จากนั้นนายแม็ค ก็ลากย่าลงจากโซฟาไปนอนกับพื้นบ้านใช้มีดทิ่มแทงตามร่างกาย


จากนั้นนายแม็ค ขอมีอะไรกับย่า คุณย่าจึงตะคอกเสียงใส่ “ไอ้แม็คมึงอะไรกับกูนักหนา” แล้วมันก็ใช้มีดเฉือนผ้าถุงจนขาดลุ่ย ย่าก็พยายามเรียกให้คนมาช่วย ตอนนั้นย่าบอกว่าอย่าทำย่าเลย แต่นายแม็คใส่แว่นบอกว่า “มึงไม่ใช่ย่ากู กูคือตี๋ใหญ่” มันไม่รู้ตัว


นายมานพ พ่อของผู้ตาย เผยว่า ตนอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง มีคนโทรศัพท์มาบอกว่าลูกตนอาละวาด ตอนนั้นคิดว่าไม่รุนแรงเพราะมีคนอยู่ในบ้านหลายคน พี่สาวก็มาตามบอกว่า "มันเอามีดจี้คอแม่" (ย่าของผู้ตาย) พอไปถึงเห็นลูกชายกำลังขึ้นคร่อมย่าตัวเอง และถือมีดในมือ 2 ข้าง "มาเห็นลูกชายตัวเองกำลังขึ้นคร่อมย่า ถือมีดไว้ทั้งสองข้างเป็นมีดเล็กกับมีดใหญ่ ส่วนย่ามีเลือดไหลออกบริเวณรอบๆ คอ ตนจึงเข้าไปกดหัว และมีคนมาช่วยกดมือและล็อคตัวไว้ได้"


ทั้งนี้ ลูกชายมีประวัติการรักษาอาการจิตเวชอยู่ มีอาการจิตเวชประมาณ 10 กว่าปี ก่อนเป็นทหารอีก


ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากการเสพยาเสพติดและไม่ได้กินยาจิตเวชต่อเนื่อง เพราะไม่มีใครบอกว่า ยาลูกชายหมด ก่อนหน้านี้ก็มีอาการคลุ้มคลั่งเป็นประจำ เตะย่าตัวเองจนซี่โครงหัก ครั้งนี้อาการหนักสุด


ส่วนที่ลูกชายเสียชีวิต น่าจะเกิดจากอาการชักเกร็ง เพราะตอนที่ลูกถูกล็อคตัว มีอาการสั่นและกัดฟัน ส่วนตาที่เขียวนั้น ตนเป็นคนตบให้หยุดอาการคลุ้มคลั่ง ตบให้รู้สึกตัว นายมานพ ยังบอกอีกว่า มีลูกทั้งหมด 5 คน มีคนนี้คนเดียวที่เกเร และไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ลูกชายเสียชีวิต "ลูกชายจะนอนบ้านหลังติดกันกับย่า และเข้ามาก่อเหตุโดยการปีนหลังคาเข้ามา ก่อนหน้านี้ก็เคยก่อเหตุกับน้าสาว จนทุกคนหวาดกลัวกันหมดแล้ว"


พ่อของผู้ตาย ระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิต เกิดจากหัวใจล้มเหลว เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ ลูกชายได้รับประทานยาจิตเวชเป็นจำนวนมาก จึงคาดว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ ลูกชายเคยมีประวัติเสพยาเสพติด ส่วนสาเหตุที่คุ้มคลั่งเกิดจากอาการป่วยทางจิตเวช ซึ่งเป็นมาเกินกว่า 20 ปีแล้ว เมื่อได้รับยาจากทางโรงพยาบาล ก็รับประทานยาเอง โดยไม่ให้ใครเข้าไปจัดการการจัดยาให้ จึงฝากเตือน ครอบครัวที่มีบุคคลที่ป่วยทางด้านจิตเวช ให้ดูแลเรื่องการรับประทานยาอย่างใกล้ชิด เพราะหากปล่อยให้ทานเองอาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเหมือนกับกรณีของลูกชายตน


ครอบครัวได้นำร่างของนายณัฐวุฒิ จากสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ มาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดคันลัด อำเภอพระประแดง ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายนนี้

ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/7hKjGGiIxNk

คุณอาจสนใจ

Related News