สังคม

สธ.จ่อถกเพิ่มสูตรวัคซีน ‘แอสตราฯ 3 เข็ม’ หลังผลศึกษาชี้ สู้ ‘โอมิครอน’ ได้

โดย nicharee_m

25 ธ.ค. 2564

716 views

สธ.จ่อถกเพิ่มสูตรวัคซีนเข็มกระตุ้น ‘แอสตราเซเนกา’ หลังผลการศึกษาชี้ สู้ ‘โอมิครอน’ ได้


กรณีมีรายงานว่า แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เปิดเผยผลการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สนับสนุนการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา เป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน หรือ โอไมครอน (Omicron) ข้อมูลจากการศึกษาในห้องปฏิบัติการล่าสุด บ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 (Booter Dose) มีประสิทธิภาพสูงในการเพิ่มระดับแอนติบอดี (Antibody) ต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีนี้ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ให้นโยบายไว้ในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้ง12/2564 หลังมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดออกมาข้อมูลมาว่าวัคซีนแอสตราเซเนกา 3 เข็มมีประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน พอ ๆ กับ 2 เข็มที่สู้กับสายพันธุ์เดลตา

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่ออกมาล่าสุด ขณะนี้กรมควบคุมโรคจึงต้องประสานขอข้อมูลจากอังกฤษ เพื่อนำข้อมูลไปให้คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนได้พิจารณา ก่อนจะนัดประชุมเพื่อพิจารณาอีกครั้งว่าจะปรับสูตรฉีดวัคซีนอย่างไร เนื่องจากเดิมไทยใช้สูตรแอสตราเซเนกา 2 เข็ม แนะนำให้บูสเตอร์วัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 อาจจะเปลี่ยนเป็นบูสเตอร์ด้วยแอสตราเซเนกาอีก 1 เข็ม เป็นสูตร Triple A ‘AAA’

สำหรับแผนการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลในปี 2565 นั้น มีจำนวน 120 ล้านโดส เป็นวัคซีนแอสตราเซเนกาจำนวน 60 ล้านโดส โดยรัฐบาลมีข้อตกลงกับบริษัทผู้ผลิตว่า สำหรับวัคซีนที่จัดส่งให้แก่ประเทศไทยนั้น จะต้องเปลี่ยนเป็นวัคซีน Generation ใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และรองรับการกลายพันธุ์ของไวรัสทันทีที่งานวิจัยต่างๆ เสร็จสิ้น

ขณะที่ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่าที่ประชุมเห็นชอบและนำคำแนะนำของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ในการฉัดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุ 5-11 ปี โดยให้เป็นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา คือ วัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งตอนนี้เป็นวัคซีนชนิดเดียวที่ อย.อนุญาตให้ฉีดในเด็กเล็กได้

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี เห็นชอบงบประมาณแผนการจัดซื้อวัคซีนกระทรวงสาธารณสุข เสนอ ซึ่งทางบริษัทไฟเซอร์มีแผนที่จะส่งวัคซีนให้กับประเทศไทยโดยเฉพาะสูตรที่ฉีดในเด็ก 5-11 ปีจำนวน 10 ล้านโดส ซึ่งจะมีการเร่งประสานการจัดส่งให้ได้เร็วที่สุด

ทางคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติให้การฉีดวัคซีนในเด็ก 5-11 ปี เป็นไปตามความสมัครใจ / โดยการฉีดวัคซีนให้ใช้ระบบเดิมที่ฉีดในเด็กโต12-18 ปี ซึ่งใช้สถานศึกษาเป็นสถานที่ฉีด รวมถึงจะเพิ่มจุดบริการฉีดวัคซีนที่สถานพยาบาลด้วย

โดยมีข้อพิจารณาเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นการฉีดวัคซีนในเด็กเล็ก ต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้ดี ซึ่งผู้ปกครองต้องแสดงความประสงค์สมัครใจที่จะให้บุตรหลานฉีดวัคซีนโควิด


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/09H4HbTE9RQ

คุณอาจสนใจ

Related News