สังคม

ตร.ยอมรับไม่รู้ 'บอส อยู่วิทยา' อยู่ที่ไหน หลังพบข้อมูลเดินทางออกนอกประเทศปี 2560

โดย weerawit_c

27 พ.ย. 2564

301 views

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงความคืบหน้าคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา ซึ่งในการประชุมกมธ.ตำรวจ ที่ได้เชิญตัวแทนจเรตำรวจ ผู้แทนกองการต่างประเทศ และผู้แทนสน.ทองหล่อ เข้าร่วมชี้แจง ว่า กองการต่างประเทศได้ส่งหนังสือไปประเทศต่างๆ เกือบ 100 ประเทศ มี 70 ประเทศ ส่งหนังสือตอบกลับมาแล้ว ว่าไม่มีตัวผู้ต้องหาในประเทศนั้น


อย่างไรก็ตาม พบว่ามีวีซ่า 1 เล่ม ในประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นแหล่งพื้นที่ธุรกิจของกระทิงแดง จึงเกี่ยวโยงได้ว่านายบอส ได้รับวีซ่าจากออสเตรีย แต่วีซ่าเล่มนี้ไม่เคยใช้ และหมดอายุแล้ว กมธ.จึงแจ้งกับผู้แทนกองการต่างประเทศ ว่าถ้าวันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังทำงานแบบนี้ไม่มีทางที่จะได้ตัวผู้ต้องหา แต่ต้องทำงานเชิงรุกด้วย


ส่วนที่บอกว่าไม่มีงบประมาณในการส่งเจ้าหน้าที่กองการต่างประเทศ ไปดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหานั้น ทางกมธ.ตำรวจ ขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จัดสรรงบให้กองการต่างประเทศ เพื่อไปติดตามตัวผู้ตองหามายังประเทศไทย


คดีบอส อยู่วิทยา มีความน่าสนใจ และมีความละเอียดอ่อน วันนี้ กมธ. ให้คะแนนตำรวจว่ายังสอบตก และการที่จเรตำรวจบอกว่าจะดำเนินการเรื่องวินัยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 18 ราย และบุคคลที่ให้ความเห็นเรื่องความเร็ว 4 คน ภายในเดือน ธ.ค.นี้ หากการดำเนินการยังเป็นลักษณะนี้คงไม่แล้วเสร็จ


ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงกรณีมีข่าวการนำเสนอข่าวอ้างว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีงบประมาณไปติดตามตัว นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปต่างประเทศนานหลายปีว่า การชี้แจงและรายละเอียดดังกล่าวได้มอบหมายให้กองการต่างประเทศและผู้ที่เกี่ยวข้องจัดแถลงชี้แจงตอบข้อซักถามในทุกประเด็นที่สงสัย


แต่โดยขั้นตอนแล้วสำหรับการติดตามตัวผู้ต้องหาและเสาะแสวงหาถิ่นพำนักยอมรับว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจถึงแม้ว่าจะอยู่ต่างประเทศก็จะต้องทราบข้อเท็จจริง ส่วนการติดตามจับกุมไม่สามารถนำกำลังเข้าไปจับผู้ต้องหาในประเทศนั้นได้ เพราะเป็นอำนาจอธิปไตยของประเทศนั้นๆ แต่ตำรวจกองการต่างประเทศจะเป็นหน่วยงานที่จะประสานร่วมมือระหว่างประเทศในการนำหมายจับไปชี้แจงให้ประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนรับทราบ


ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ให้ประสานกับสถานทูตฯไทยในต่างประเทศ / สถานทูตฯต่างๆประจำประเทศไทย และตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โปล จำนวน 195 ประเทศ ซึ่งนายวรยุทธ ถูกออกหมายแดง นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังทำคำร้องเพื่อขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไว้แล้ว เมื่อได้รับแจ้งข้อมูลถิ่นที่อยู่ จะสามารถประกอบคำร้องเสนอให้อัยการสูงสุด ดำเนินการตามขั้นตอนได้


นอกจากนี้ ยังยอมรับว่า กองการต่างประเทศ ไม่มีข้อมูลว่า นายวรยุทธไปหลบอยู่ในสถานที่ใด หลังพบข้อมูลการเดินทางออกจากประเทศไทยในปี 2560


ขณะที่ในส่วนของการดำเนินการเอาผิดทางวินัยกับตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายวรยุทธ พลตำรวจโทเชษฐา ชี้แจงว่า จเรตำรวจสอบสวนเอาผิดทางวินัย กับตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีของนายวรยุทธ และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงมาแล้ว 3 ชุด ช่วงระหว่างปี 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยมีตำรวจถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงไป รวมแล้ว 17 นาย ซึ่งในจำนวนนี้บางส่วนมีคำสั่งให้ลงทัณฑ์กักขัง และบางส่วนยุติเรื่อง และยังมีบางส่วนที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริง


ประเด็นที่คณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่า ตำรวจไม่มีงบประมาณเพียงพอในการบินไปจับตัวนายวรยุทธ ที่ต่างประเทศนั้น ข้อเท็จจริงคือ การติดตามตัวนายวรยุทธ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ใช้ช่องทางการส่งหมายแดงประสานกับตำรวจสากล อีกทั้ง ตำรวจไทยไม่สามารถนำกำลังเข้าไปจับตัว นายวรยุทธ ที่ต่างประเทศได้ เพราะเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตย


ดังนั้น หน้าที่ของกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำได้เพียงการขอความร่วมมือยังตำรวจสากล เพื่อสืบสวนถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา และใช้ช่องทางการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนผ่านอัยการสูงสุด ซึ่งการที่จะมีงบประมาณหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นการจับนายวรยุทธ เพราะถึงมีงบประมาณก็ไม่สามารถไปจับตัวนายวรยุทธในประเทศอื่นได้


นอกจากนี้ พลตำรวจตรียิ่งยศ ยังยอมรับว่า มีการสอบถามไปยังประเทศออสเตรีย ว่านายวรยุทธอาศัยอยู่ในประเทศหรือไม่ ทางประเทศออสเตรีย ยังไม่ได้ตอบกลับ อีกทั้งรายชื่อของนายวรยุทธ ยังไม่ปรากฏในฐานข้อมูลของตำรวจสากลในประเทศออสเตรีย ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังอยู่ระหว่างการรอประเทศออสเตรียประสานข้อมูลกลับมา


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/YBOl4O4nMVA

คุณอาจสนใจ

Related News