สังคม
เขมรขนมวลชน พระ-เด็ก-ผู้หญิง ป่วนชายแดน ผู้ว่าฯสระแก้ว ขีดเส้นตาย 10 ต.ค. ต้องออกจากไทย
22 ก.ย. 2568
31 views
ป่วนต่อเนื่อง! เขมรยังเกณฑ์มวลชนปั่นสถานการณ์ 2 จุด บางจุดนอนปักหลักเพิงพักตลอดคืน ขณะที่ผู้ว่าสระแก้ว เปิดใจคั้งแรกในรอบสัปดาห์ แจงหลายปมดรามา ยันไม่ได้เปิดด่าน พร้อมระบุว่า อยากเห็นภาพชาวเขมรที่รุกล้ำพื้นที่ออกไป ในยุคสมัยของตนเอง
เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ภาพมุมสูงจากเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ พบความเคลื่อนไหวบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ในอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่กลุ่มมวลชนชาวกัมพูชาทยอยมารวมตัวกันตรงบริเวณชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ที่มารวมกับชาวกัมพูชาบางส่วนที่ปักหลักอยู่เพิงพักตลอดทั้งคืน
ซึ่งมีรายงานว่าจุดนี้ ได้เกณฑ์ชาวบ้านเด็กและสตรี เข้ามา รวมถึงจัดรถบัสรับ-ส่งจากหลายหมู่บ้าน โดยมีอาหารกลางวัน และอาหารค่ำให้กับผู้ที่มา
เช่นเดียวกับที่บ้านหนองจาน ที่ชาวกัมพูชาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่จุดนี้แตกต่างจากหนองหญ้าแก้ว คือ เน้นการละคร โดยจะเกณฑ์เด็ก ผู้หญิง คนพิการ ผู้สูงอายุมาและอย่างเมื่อวานนี้ ก็มีชายฉกรรจ์ ที่ส่วนใหญ่สวมหมวกกันน็อก พร้อมถืออาวุธ และไม้ติดตัวมาด้วย
นอกจากนี้ ยังมี "พระเขมร" หรือ แก็งแครอท ที่เข้ามาเสริมทัพ และผลัดเปลี่ยนเวรยามสังเกตความเคลื่อนไหวฝั่งไทย โดยแหล่งข่าวด้านความมั่นคงเฝ้าจับตา เพราะอาจเป็นการจัดฉากหรือใช้กลยุทธ์ประชาชนเดินนำหน้า
ทีมข่าวลงพื้นที่ "บ้านหนองจาน" พบว่า สถานการณ์ฝั่งไทยมีเจ้าหน้าที่ทหารตรึงกำลังดูแลพื้นที่ตามปกติ และก็มีชาวบ้านบางส่วนทยอยเดินทางมาติดตามสถานการณ์ และแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ปกป้องอธิปไตย บางท่านเป็นผู้พิการ และขาไม่ค่อยดี ก็มาร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วย พร้อมตั้งคำถามถึงการที่มีพระเขมรมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากว่า ไม่เข้าพรรษาหรือ นี่เป็นหน้าที่ทหาร แล้วพระมาทำไม
สำหรับการขีดเส้นตายวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ชาวบ้านบางคนมองว่า น่าจะจบยาก และ เห็นด้วยกับการสร้างรั้วตามแนวชายแดน และฝากถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีว่า ให้จัดการให้จบ เพราะชาวบ้านตามแนวชายแดนนอนไม่หลับ ไม่รู้กัมพูชาจะยิงมาอีกวันไหน
ขณะที่เดียวกันวันนี้ นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พาสื่อมวลชนลงพื้นที่ด่านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เพื่อยืนยันไม่ได้มีการเปิดด่านตามกระแสข่าวตลอดแนวชายแดน พร้อมชี้แจงประเด็นดราม่าต่างๆหลากหลายประเด็น ที่เกิดขึ้นซึ่งครั้งนี้นับว่าเป็นการเปิดหน้าชี้แจงผ่านสื่อมวลชนครั้งแรกในรอบสัปดาห์
ประเด็นแรก ผู้ว่าฯ สระแก้ว ชี้แจงเรื่องการเปิดปิดด่านตลอดแนวว่า ที่ผ่านมา มี Fake News ว่า ผู้ว่าฯเปิดด่านนั้น และเอาสินค้าเข้าออก ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีการเปิดด่านเลย หลังเกิดเหตุ จึงได้มอบหมายให้นายอำเภอคลองหาด ไปแจ้งความดำเนินคดีสำหรับผู้ที่ลงข่าว Fake News แล้ว เพราะมีการพาดพิงถึงหลายคน รวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย ย้ำว่าไม่ใช่ว่าพอเปลี่ยนนายกฯแล้วจะมาดำเนินการเรื่องนี้ ด้านนายด่านเขาดิน ช่วยย้ำเสริม ว่า ตั้งแต่มีมาตรการปิดด่าน ยังไม่มีการนำเข้า ส่งออกสินค้าแต่อย่างใด ที่ผ่านมาก็ได้มีการสนธิกำลัง ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจับกุม ผู้ที่ลักลอบส่งออกสินค้า ไปยังกัมพูชา อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ยังเล่าย้อนเหตุการณ์ที่ไปประชุมกับผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย ตามมติของที่ประชุม GBC ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งตามปกติตนเองคงไม่ไปคุยกับผู้ว่าฯ ตามลำพังง และผู้ว่าเขาเองก็ทำตามมติของ GBC ที่รัฐมนตรีกลาโหมทั้งสองฝ่ายคุยกัน ต้องเรียนว่า แม้กระทั่งท่านนายกฯ ท่านยังบอกว่าคนรู้จักกันได้ทั้งนั้น แต่เรื่องของบ้านเมืองแผ่นดินยอมกันไม่ได้ ตนทำงานมา ต้องรู้จักผู้ว่าฯเขาอยู่แล้ว การรู้จักเขารู้จักเรา และหากดู 8 ข้อที่ตนเสนอ จริงๆแล้วก็แรงทุกข้อ แต่เขากลับไม่ยอม ซึ่งตนเองก็บอกไปชัดเจนว่าไม่ยอม ให้ไปปฏิบัติตาม 3 ข้อที่ได้แถลงการณ์ไปแล้ว
ส่วนหลังจาก 10 ตุลาคมนี้ ขีดเส้นตายผลักดันเขมร จะทำอย่างไร ต้องนำ 8 ข้อ และ 3 ข้อ เข้าที่ประชุม RBC ก่อน ก่อนยกระดับไปคุย GBC ภายในวันที่ 10 ตุลาคม พร้อมยอมรับว่าเป็นการ "ขีดเส้น" คือ 1.ให้เขาออกภายในวันที่ 10 ตุลาคม 2. และหากเขาไม่ออก ต้องให้ทำแผนมาว่าจะออกเมื่อไหร่? แล้วส่งให้ GBC ก่อนส่งให้รัฐมนตรีกลาโหมคุยว่าทำไมถึงไม่ออก แล้วต้องรอให้กลาโหมสั่งมายังพื้นที่ว่าจะทำอย่างไร นี่คือกระบวนการและขั้นตอน ไม่ใช่ว่าจะเอาปืนไปยิงเขาเลยหรือไล่ออกไปทันที
ช่วงนี้ผู้ว่าฯ สระแก้ว ขอชี้แจงก่อน ว่า หน้าที่ของตน เปรียบเสมือนกับตัวแทนรัฐบาล จะเห็นว่าเขาตอบโต้เราทันที ทั้งฮุนมาเนต และฮุนเซน ซึ่งเป็นเรื่องระดับพื้นที่ทำไปถึงระดับชาติ และระดับชาติส่งกลับมาว่าให้พื้นที่ทำอย่างไร
ส่วนหน้าที่ของทหารคือเรื่องแนวชายแดน ตำรวจควบคุมฝงชนก็คือควบคุมพี่น้องประชาชน ซึ่งฝั่งเราเรียบร้อยดี ฝั่งไทยไม่เข้าไปในรัศมี 500 เมตร แต่กัมพูชาไม่เคารพ ซึ่งต้องไปที่ GBC ว่าจะเอาอย่างไร หากไม่ออกทางการไทยจะว่าอย่างไร ก็เป็นเรื่องระดับนโยบาย และขอประกาศว่า หลังวันที่ 10 ตุลาคม ให้สื่อมวลชนไปถามรัฐมนตรีกลาโหมได้เลยว่าจะให้ทำอย่างไร ตนเองทำหน้าที่ การพิทักษ์พื้นที่ ประท้วงแล้ว ทำหน้าที่แทนรัฐบาลแล้ว เพราะยังไม่มีรัฐบาล หรือเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่หลังจากนี้แถลงต่อรัฐสภาแล้ว ให้สื่อมวลชนถามเลยว่าทำจะอย่างไร? ทั้งนี้ขอยืนยันว่าผู้ว่าฯ สระแก้ว ไม่ได้มีผลประโยชน์ในพื้นที่เหมือนผู้ว่าฯอีกฝั่ง
เมื่อสอบถามอีกว่าหากถึงวันที่ 10 ตุลาคม แล้วเขมรไม่ยอมออกจะทำอย่างไร เพราะชาวบ้านอยากไม่อยากให้ยืดเยื้อ ผู้ว่าฯ สระแก้ว บอกว่า หลังวันที่ 10 ตุลาคม จะเป็นเรื่องระดับนโยบายที่สั่งลงมา คือท็อปดาวน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำหนังสือแจ้งเขาแล้ว ให้ออกจากพื้นที่โดยติดประกาศ 3 ภาษา อันนั้นเริ่มต้นที่จังหวัดสระแก้ว เป็นผลงานของจังหวัด และเราก็ได้รับความร่วมมือจากกองกำลังทุกส่วน แต่หลังจากที่ 10 ตุลาคม จะเป็นหน้าที่ของระดับนโยบายที่สั่งการลงมาในพื้นที่ว่าจะทำอย่างไร ซึ่
ทั้งนี้ หากเกิดกรณีความรุนแรงเพิ่มเติมในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วนั้น ได้วางแผนปฏิบัติตั้งแต่เบาไปหาหนักแล้ว หากยังไม่หยุด หรือทำลายทรัพย์สินราชการ ทำร้ายทหาร หรือคนไทย ทางทหารตำรวจก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ในหน้าแนวแน่นอน ไม่ปล่อยไว้
ช่วงหนึ่งนักข่าวถามว่ากำลังใจยังดีอยู่หรือไหม ผู้ว่าฯ สระแก้ว บอกว่า "อยู่ที่สื่อมวลชนให้กำลังใจผมกับทหารหรือเปล่า" แล้วท่านก็ถามสื่อ มีบางคนตอบ ท่านเลยแซวกลับทำนองว่า ทำไมเสียงเบาจัง!
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ยังขอชี้แจงประเด็น เรื่องเกษียณอายุราชการ ด้วยว่า สำหรับเรื่องเกษียณอายุราชการนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยชี้แจง หากเทียบกับท่านแม่ทัพกุ้ง แม่ทัพภาคที่ 2 ที่เกษียณวันที่ 30 กันยายน เหมือนกับตนเอง 30 กันยายน แต่เป็นปี 2569 ซึ่งในกรณีของตนเองต้องใช้คำว่า "ต่อวาระการดำรงตำแหน่ง"
ทั้งนี้ ช่วงท้ายๆ ระหว่างการลงพื้นที่ นักข่าวถามว่าจากนี้อีก 1 ปี จะเห็นภาพที่เขมรที่มารุกรานออกไปจากพื้นที่คือไม่ ผู้ว่าฯสระแก้ว บอกว่า "อยากเห็นๆๆ อยากให้จบในสมัยผมนี่แหละ"
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/iQ2-u_OgssY
แท็กที่เกี่ยวข้อง