สังคม
เปิดใจ "เจ๋ง ดอกจิก - ศรีสุวรรณ" จ่อยื่นอุทธรณ์ต่อ หลังศาลให้ประกันตัว คดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมข้าว
17 ก.ย. 2568
29 views
ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาราว 1 ชั่วโมง พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่คุณเจ๋ง ต่อสู้ว่าไม่ใช่เจ้าพนักงานของรัฐ ฟังไม่ขึ้น เพราะขณะเกิดเหตุเป็นคณะทำงานตรวจราชการที่ 11 และได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครอง
พยานหลักฐานที่โจทก์นำมาแสดงเป็นคลิปบันทึกภาพและเสียง 40 คลิป จากภรรยาของอธิบดีกรมการข้าวศาลส่งตรวจพิสูจน์แล้วไม่มีการตัดต่อ ซึ่งคุณเจ๋ง คุณศรีสุวรรณ และนางสาว พิมณัฏฐา ไม่ได้ปฏิเสธว่าคลิปและภาพดังกล่าวไม่เป็นความจริง และคลิปและภาพดังกล่าวแสดงเหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอนตามที่ภรรยาของอธิบดีกรมการข้าวให้การ จึงมีน้ำหนักรับฟังขึ้น
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าคุณเจ๋ง และคุณศรีสุวรรณ แถลงข่าวที่รับสภาว่ามีการทุจริตในกรมการข้าว จะไปตรวจสอบแล้วจะนำเรื่องมาแจ้งต่อนักข่าว ก่อนจะโทรหาอธิบดีกรมการข้าวเพื่อเรียกรับเงิน 3 ล้าน แลกกับการไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ แล้วต่อรองกันเหลือ 1 ล้าน 5 แสนบาท
ยังมีหลักฐานจากบทสนทนาในไลน์ ระหว่างนางสาว พิมณัฏฐา กับอธิบดีกรมการข้าวหลายครั้ง เกี่ยวกับการนัดหมายและเรียกรับเงิน แถมยังเชื่อมโยงถึงนาย เอกลักษณ์ และนางสาว ณพัชญ์ปภา ภรรยาของคุณศรีสุวรรณด้วย
กระทั่ง 26 มกราคม 2567 ที่ภรรยาของอธิบดีกรมการข้าวเอาเงินของกลาง 5 แสนบาท ไปแขวนไว้ที่หน้าประตูบ้านนายศรีสุวรรณ แล้วภรรยานายศรีสุวรรณเป็นคนออกมาเอาเงิน โดยหยิบใส่ถุงดำซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติ แปลว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นด้วย
ดังนั้นศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้งหมดกระทำความผิดจริง ฐานเป็นพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนเจ้าพนักงานงานให้ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบ พิพากษาจำคุก เจ๋ง ดอกจิก เป็นเวลา 6 ปี เพราะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ส่วนนายศรีสุวรรณและพวก รวม 4 คน พิพากษาให้จำคุก 4 ปี
จำเลยทั้ง 5 คน ใช้หลักทรัพย์ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี คนแรกที่เดินลงมาจากศาล คือ คุณเจ๋ง ดอกจิก บอกว่า ใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 6 แสนบาท ยื่นขอประกันตัวชั่วคราว และศาลมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งคำพิพากษาของศาลในวันนี้นำโทษ คดีคาร์ม็อบ 2 คดี ในพื้นที่เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานครเมื่อปี พ.ศ. 2564 ที่สั่งจำคุก 4 เดือน แต่รอลงอาญา มารวมกับการพิจารณาในครั้งนี้ด้วย ทำให้คุณเจ๋ง มีโทษจำคุกรวม 6 ปี 4 เดือน
คุณเจ๋ง บอกว่า เคารพคำพิพากษาของศาล แต่ในชั้นอุทธรณ์จะต่อสู้ในประเด็นที่ว่า "เขาไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ" เพราะการแต่งตั้งของนาย พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในตอนนั้นเป็นการแต่งตั้งเฉพาะตัว และหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น เงินเดือน แต่เขาไม่ได้มีเงินเดือน
นอกจากนี้จะต่อสู้ว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับจำเลยที่เหลือ นื่องจากไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากจำเลยทั้งหมด
ขณะที่คุณศรีสุวรรณ ลงมาจากศาลรอยยิ้มเจื่อนลงไปเล็กน้อย ยอมรับว่า "ผิดคาด" เพราะศาลพิจารณาพยานหลักฐานของตำรวจเท่านั้น ส่วนข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและพยานหลักฐานของกลุ่มจำเลยศาลไม่ได้นำมาเข้าสู่กระบวนการตามที่คาดหวังไว้ แต่หลังจากนี้จะนำพยานหลักฐานเหล่านี้เข้าต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์
ส่วนการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว คุณศรีสุวรรณใช้หลักทรัพย์เดิมเป็นโฉนดที่ดินในกรุงเทพ ซึ่งมีมูลค่าสูงอยู่แล้ว และศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/49a39rQfdg8
แท็กที่เกี่ยวข้อง