ภารกิจแรก! "แพทองธาร" สั่งเบรก ขอทบทวนส่งคืนวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กัมพูชา

อีกเรื่องของนายกรัฐมนตรี วันนี้ระหว่างการประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีวัฒนธรรม พูดถึงกระแสข่าวเรื่องของการส่งมอบคืนวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กับ กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากมติ ครม. เมื่อปี 2567



เรื่องนี้เป็นประเด็น ในโซเชียลเมื่อวานนี้ หลังมีการจับตาถึงการทำหน้าที่ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของ น.ส.แพทองธาร ท่ามกลางปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งหนึ่งในภารกิจของกระทรวงวัฒนธรรม คือการส่งมอบคืนวัตถุโบราณ ที่ไทยยึดได้ และมีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นของกัมพูชาส่งกลับไปยังกัมพูชา



ปรากฏว่า ในโซเชียลก็มีการนำข่าวนี้ไปวิจารณ์ อย่างเพจเจ๊จุกคลองสามมีการโพสต์บอกว่า ภารกิจแรกของ รมว.วัฒนธรรม นั่นคือ คืนโบราณวัตถุทุกอย่างให้กัมพูชาไปเลย รวมทั้งปราสาทต่างๆ ก็คืนให้เขาไป หวังว่า Uncle คงจะพอใจ และไม่ฮุบทองของตระกูลหนูที่ฝากไว้ที่นั่นนะคะ



เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีก็ชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง บอกว่า อยากจะขอชี้แจงเรื่องข่าวปลอม เรื่องการส่งคืนวัตถุโบราณจำนวน 20 รายการ ให้กับประเทศกัมพูชา ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะการคืนวัตถุโบราณให้กับประเทศกัมพูชามีมาตั้งแต่สมัยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ.2558 ซึ่งประเทศไทยได้คืนไปแล้วจำนวน 23 รายการ หลังตรวจสอบว่าเป็นของประเทศกัมพูชา จึงดำเนินการส่งมอบคืน จากทั้งหมด 43 รายการ ที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์ ในปี พ.ศ.2543



และเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 มีมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้ส่งมอบคืนวัตถุโบราณจำนวน 20 รายการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ หลังกรมศิลปากร และผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันว่าวัตถุโบราณดังกล่าวมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศกัมพูชา และปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณของกรมศิลปากร ซึ่งได้รับรายงานว่า งบประมาณในปีปัจจุบันไม่เพียงพอ และเป็นเรื่องไม่เร่งด่วน จึงไม่สามารถของบกลางได้ และจะต้องมีการส่งเรื่อง เพื่อตั้งงบประมาณของกระทรวงฯ และรายงาน ครม. เพื่อทราบ เป็นขั้นตอนต่อไปในการหาหน่วยงานที่จะมาสนับสนุนงบประมาณในการส่งคืน



นายกรัฐมนตรี ยังบอกด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างประเทศไทย และกัมพูชา ขณะนี้ ทางกระทรวงวัฒนธรรมจึงมีความเห็นให้ทบทวน เรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสม ก่อนย้ำว่า ให้ทบทวนก่อน ส่วนเรื่องตั้งงบประมาณค่อยมาว่ากันอีกที ซึ่งที่เหลืออยู่ก็จะยังไม่ส่งมอบคืน และบอกว่า ในการปล่อยข่าวของการปลุกปั่นต่างๆ ที่ทำให้เกิดผลเสีย และเกิดผลกระทบ ตนต้องดำเนินการแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยข่าว



ทั้งนี้ ถ้าไปดูข้อมูลตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ปี2567 มีการไล่ไทม์ไลน์ การส่งมอบวัตถุโบราณ มาตั้งแต่ปี 2552 แล้ว เนื่องจาก พ.ศ. 2543 (สมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย) กรมศุลกากรได้ตรวจยึดโบราณวัตถุเขมรที่นำเข้าโดยผิดกฎหมายซึ่งนำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์ จำนวน 43 รายการ และต่อมากรมศิลปากรได้มีการตรวจสอบและมอบโบราณวัตถุคืนให้กัมพูชาตามมติ ครม. 24 กุมภาพันธ์ 2552 (รัฐบาล คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และมีมติ ครม. ส่งมอบ เป็นครั้งที่ 2 วันที่ 13 มกราคม 2558 รัฐบาล พลเอกประยุท์ จันทร์โอชา รวมส่งไปแล้ว 23 ชิ้น คงเหลือ อยู่ 20 ชิ้น



วันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ครม.ยุคนายกฯ เศรษฐา มีมติอนุมัติให้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร มอบโบราณวัตถุ 20 รายการ คืนให้ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีของความตกลงทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และกัมพูชา รวมทั้งเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา และแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นภาคีที่ยึดมั่นและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในความตกลงทวิภาคีอย่างเคร่งครัด จึงเป็นที่มาของการเตรียมการที่จะมีการส่งมอบในปีนี้ ซึ่งตามข้อมูลของพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เตรียมส่งคืนในเดือนสิงหาคม 2568 แต่วันนี้ พอเป็นประเด็นนายกฯ สั่งทบทวนแล้ว

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/znIvxIz7Z3o