สังคม

นายกฯ แถลง ยกระดับคุมเข้มด่านชายแดนกัมพูชา ตัดเน็ต-น้ำมัน สกัดอาชญากรรมข้ามชาติ ขีดเส้นเห็นผลใน 3 เดือน

23 มิ.ย. 2568

44 views

นายกรัฐมนตรี ประกาศยกระดับแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง หลังจาก UN ชี้ว่ากัมพูชาเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก ตั้งเป้า 3 เดือน สถิติลดลง พร้อมระงับการส่งออกน้ำมัน และเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชา ที่จะนำเอาไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายต่างๆ



นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีทั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม / นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม / นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ / พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม / นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย / นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และตัวแทนกองทัพ รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง เข้าร่วมประชุม



หลังประชุมร่วม 2 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรี แถลงข่าว ว่ารัฐบาลกำลังจะประกาศยกระดับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยที่ไทยอาสาเป็นเจ้าภาพในการปราบปราม ในการหาความร่วมมือกับนานาประเทศ ที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมถึงความเชื่อมั่นของประเทศไทยในระดับนานาชาติ อย่างเช่น สแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่ได้รับผลกระทบทั่วโลกซึ่งขอยกระดับในการแก้ไขปัญหา



จากข้อมูลของสหประชาชาติ หรือ UN มีข้อมูลว่ากัมพูชา ถือเป็นแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 600,000 ล้านบาท และมีข้อมูลที่เปิดเผยออกมาว่า 40 ถึง 60% ของจีดีพีกัมพูชามาจากคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการฟอกเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะก็พยามที่จะรักษาในเรื่องของความปลอดภัยของประชาชนประเทศไทย



เรื่องของความมั่นคง จะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการเข้าออกจุดผ่านแดน ทั้งการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดนทั้ง 7 จังหวัด ก็จะมีการห้ามรถยนต์ และบุคคลภายนอก แต่ยกเว้นให้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษาที่ต้องข้ามมาเรียน หรือผู้ป่วยที่ต้องมาใช้โรงพยาบาล และมีการซื้อจับจ่ายอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ณที่ตรงนั้น



ห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้าไปเล่นการพนันในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการเข้มงวดโดยการเดินทางโดยเครื่องบิน โดยไปเสียมราฐเพื่อไปเล่นการพนัน



ส่วนด้านอาชญากรรมเทคโนโลยี ทางกระทรวงดีอี โดยศูนย์ AOC จะตรวจสอบเรื่องของบัญชีม้า และเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติอย่างเข้มงวด รวมถึงการระงับการบริการอินเตอร์เน็ต และประตูอินเตอร์เน็ตใต้น้ำ ที่ไปยังหน่วยงานทางการทหาร และความมั่นคงของรัฐบาลกัมพูชาทั้งหมด



นอกจากนี้ ร่วมมือกับ ปปง. สร้างมาตรการคว่ำบาตรผู้ที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ที่พบว่ามีในเรื่องของการฟอกเงิน รวมถึงยึด หรืออายัดทรัพย์ที่โยกย้ายไปต่างประเทศ



ส่วนเรื่องของการส่งออกไฟฟ้า-น้ำมัน และสินค้าผ่านชายแดน เราต้องระงับการส่งออกที่เกื้อหนุนต่อกิจกรรมของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พิจารณาถึงความเหมาะสม"ในการระงับการส่งออกน้ำมันและเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชา ที่จะนำเอาไปใช้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายต่างๆ"



ด้านการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร และเอสเอ็มอี ที่รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน โดยขอความร่วมมือกับภาครัฐ และภาคเอกชน ในการช่วยรับซื้อสินค้า



ด้านการประสานมือกับนานาชาติ ทางกระทรวงการต่างประเทศ จะประสานกับประเทศต่างๆและองค์กรระหว่างประเทศในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางการปฎิบัติร่วมในภูมิภาค



นอกจากนี้นายกฯ ได้กำหนดไทม์ไลน์ และเคพีไอ ให้ทุกภาคส่วน ในการดำเนินมาตรการอย่างชัดเจน โดยขอให้ "ภายใน 3 เดือนนี้" สถิติการแจ้งความของคนไทย ความเสียหาย การยึดทรัพย์ และการดำเนินคดีเครือข่าย ต้องเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม



รัฐบาลเน้นย้ำว่า ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าตั้งแต่เรามีมาตรการการตัดน้ำ-ตัดไฟ ทางเมียนมาร์มา ก็ทำให้ตัวเลขของคอลเซ็นเตอร์เสียหายประมาณ 30,000 ล้านบาท แต่ว่าเคสที่คนไทยโทรไปแจ้งในเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็เป็นตัวเลขที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด



ผู้สื่อข่าวถามว่า ธุรกิจไทยที่ลงทุนในกัมพูชา จะกระทบต่อมาตรการนี้อย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรีบอกว่า ธุรกิจของคนไทยที่อยู่ในกัมพูชา เราสนับสนุนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการ Support เรื่องการทูต



แต่ที่ผ่านมา ที่กัมพูชาประกาศเรื่องไม่รับน้ำมันเมื่อคืนนี้ ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องของตรงชายแดนที่เกิดขึ้น แต่ว่าถ้าลุกลามมากขึ้น มีการไม่รับน้ำมันมากยิ่งขึ้น ปัญหาที่เกิดขึ้น ตัวทางผู้นำของกัมพูชาจะต้องเป็นคนกำหนดราคาน้ำมัน ซึ่งถ้าไม่รับของไทย ก็คงจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ตนเองก็ไม่แน่ใจว่า ทางกัมพูชาจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร ก็อาจจะต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่ตกอยู่ที่ประชาชนกัมพูชา หรือคนไทยที่อยู่ตรงนั้นด้วย ก็อาจจะมีผลกระทบ ก็จะต้องบอกไว้



ส่วนธุรกิจของไทยในกัมพูชา จากฐานข้อมูล ส่วนใหญ่เป็นประเภทโรงแรม และจะอยู่ในตัวเมือง ซึ่งบริเวณชายแดนยังไม่ค่อยมี แต่ผลกระทบต่อคนไทยที่อยู่ฝั่งเรา คือ ในเรื่องเกษตรกร หรือเอสเอ็มอีต่างๆ ซึ่งอย่างที่บอกไปว่า ทางภาครัฐและภาคเอกชน ก็พร้อมที่จะซัพพอร์ตในการซื้อสินค้า



สำหรับ เรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดน ได้มีการมอบบทบาทให้กับทหารเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายกฯ บอกว่า ได้มีการมอบอำนาจจากที่ประชุม สมช.ไปสัปดาห์ที่แล้ว ในเรื่องของการควบคุมชายแดนเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นก็ขอให้พิจารณาจากหน้างาน คนหน้างานเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็ให้อำนาจทางทหารช่วยดูเลยว่า เราควรจะปิดหรือควรจะเปิดหรืออย่างไร



ส่วนตัวเลขคนไทยถูกหลอกเงินนั้น ของไทยถูกหลอก มีความเสียหายวันละ 80 ล้านบาท



ขณะที่ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรรจแห่งชาติ ระบุว่า ได้มีตั้งศูนย์วอร์รูมขึ้นมา ในการประเมินสถานการณ์ทุกวัน ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ ทและหน่วยงานของประเทศต่างๆ ทั่วโลก องค์กรนานาชาติ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งกัมพูชา ที่พบว่าเป็นแหล่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุด ที่เคลื่อนย้ายจากเมียววดี เมียนมา มายังกัมพูชา และสืบสวนขยายผลจับกุม ออกหมายจับ ผู้ที่เกี่ยวข้อง



ส่วน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวเสริมว่า ทหารจะลาดตระเวนตามจุดช่องทางธรรมชาติมากขึ้น ต้องหาให้ได้ว่าช่องทางธรรมชาติมีจุดไหนบ้างที่ข้าม



รวมถึงการส่งฐานข้อมูลแนวชายแดนทุกวัน ทั้งของกองกำลังป้องกันประเทศ ที่บูรณาการหน่วยความมั่นคง และในส่วนของข้าราชการพลเรือน ที่มีศูนย์สั่งการจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บูรณาการ



และสนับสนุนแนวทางของจเรตำรวจแห่งชาติในการพูดคุยทุกระดับ เพื่อช่วยกันปราบปรามอาชญากรรมในเรื่องของทางเทคโนโลยี


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ZW36LEDGPXg

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ