สังคม

ศาลสั่งจำคุก ครูฝึก-รุ่นพี่ สูงสุด 20 ปี ทำร้ายทหารเกณฑ์วัย 18 ดับคาค่าย แม่โวย เบาไป จ่อยื่นอุทธรณ์

27 พ.ค. 2568

156 views

ศาลพิพากษา จำคุกครูฝึก 20 ปี และรุ่นพี่ โดนคนละ15 และ 10 ปี คดีทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายจนเสียชีวิต และความผิดตาม พรบ. อุ้มหาย กรณีทำร้ายทหารเกณฑ์วัย 18 ปี เสียชีวิตในค่ายแห่งหนึ่งจ. ชลบุรี



ทนายเกิดผล แก้วเกิด โพสต์เฟซบุ๊ก ระบว่า ศาลพิพากษาจำคุกครูฝึกทหารเกณฑ์ 20 ปี



จากกรณีที่ พลทหารวรปรัชญ์ หรือ น้องเน อายุ 18 ปี สมัครใจเข้ารับการเป็นทหารเกณฑ์ ถูกครูฝึก ’ซ่อมวินัย’ เสียชีวิต หลังเกณฑ์ทหารไม่ถึง 3 เดือน แพทย์ระบุสมองบวม ซี่โครงหัก 2 ข้าง ปอดฉีก ปอดรั่ว ไหปลาร้าหัก กระดูกสันหลังหัก



ต่อมาพนักงานอัยการ ได้ยื่นฟ้อง ครูฝึกและผู้ช่วยครูฝึกรวมทั้งหมด 13 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การทรมานและป้องกันการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ 2565 มาตรา 5



ซึ่งในวันนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้อ่านคำพิพากษา โดยสรุป เนื้อความ ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นครูฝึกทหารใหม่ ของค่ายนวมินทร์ โดยมีจำเลยที่ 3 ถึง 13 เป็นทหารเกณฑ์และได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นผู้ช่วยครูฝึกทหารเกณฑ์ ร่วมกันทำร้าย ผู้ตาย หลายครั้ง หลายเวลา ต่างกรรมต่างวาระ อย่างทารุณโหดร้าย จน ผู้ตายได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา



พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อ เนื่องจากพยานส่วนใหญ่เป็นทหารใหม่และเป็นทหารเกณฑ์ในค่ายนวมินทร์ที่จำเลยทั้ง 13 สังกัดอยู่ และเห็นเหตุการณ์ซึ่งถือว่าเป็นประจักษ์พยานโดยตลอด หากไม่เป็นความจริง พยานซึ่งเป็นทหารเกณฑ์และเป็นทหารใหม่ก็คงไม่กล้าใส่ความหรือใส่ร้ายป้ายสีทั้งไม่มีสาเหตุโกรธเครื่องกับจำเลยทั้ง 13 แต่อย่างใด



นอกจากนั้น คำให้การ ของจำเลย ทั้ง 13 ก็ยังมีพิรุธสงสัย และมีการต่อสู้โดยปฏิเสธลอยๆ ทั้งๆที่ ในชั้นพัฒนาสอบสวนเมื่อ พระนเรศวรแจ้งข้อหาว่า จำเลยทั้ง 13 เรื่องการทำร้ายร่างกาย พลทหาร ให้ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยทั้ง 13 ให้การรับสารภาพ โดยไม่ให้รายละเอียดใดๆ



แต่ต่อมาภายหลังจากที่พลทหารเสียชีวิต เมื่อพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหา เพิ่มเติม เป็นข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จำเลยทั้ง 13 ก็ให้การปฏิเสธลอยๆ โดยไม่ให้รายละเอียด



ซึ่งในทางพิจารณาคดี พยานหลักฐานทของโจทก์และของจำเลยก็รับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 13 ได้มีส่วนร่วมกันกระทำความผิดจริงตามฟ้อง เพียงแต่ต่างคนต่างทำ แต่ระยะเวลาและสถานที่ชัดเจนที่สุดว่าพลทหารเสียชีวิตในเวลาต่อมาเกิดจากการกระทำรุนแรงของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นครูฝึกได้ใช้ไม้ ทำร้ายโดยการทุบตี พลทหารจนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา



ศาลจึงมีคำพิพากษา ว่าการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 13 มีความผิดตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ 2565 มาตรา 5 และมาตรา 35 วรรค 3



พิพากษา

จำคุก จำเลยที่ 1 20 ปี

จำคุกจำเลยที่ 2 15 ปี

จำคุกจำเลยที่ 3 ถึง 13 คนละ 10 ปี



ในส่วนของพ่อแม่พลทหารที่เสียชีวิตยังติดใจคำพิพากษาเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโทษน้อยเกินกว่าที่กระทำ ควรได้รับโทษมากกว่านี้ และจะได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป



ในส่วนคดีแพ่ง หลังคัดคำพิพากษาได้แล้วผมจะยื่นฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลยเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนให้กับพ่อแม่ของน้อง ตามกฎหมายต่อไป



ทหารกระทำความผิด ตามพรบ.อุ้มหาย ไม่ได้ขึ้นศาลทหารนะครับ ต้องขึ้นศาลพลเรือนและติดคุกพลเรือนนะครับ อย่าหาทำ ไมว่าจะในค่าย หรือในคุก ก็ไม่ควรมีการตายฟรี



ทนายเกิดผล ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว ระบุว่าศาลพิพากษา ครูฝึกซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และผู้ช่วยครูฝึกซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ที่ได้รับการแต่งตั้งจำเลยที่ 3-13 ได้ร่วมทำร้ายร่างกาย น้องทหารเกณฑ์ (นายเน )จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนคนที่ลงมือรุนแรงที่สุด เป็นเหตุให้น้องเสียชีวิตก็คือ สิบเอก ที่เป็นครูฝึกจำเลยที่1 ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาว่าครูฝึกได้กระทำทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับอันตราย จนเสียชีวิต และความผิดตาม พรบ. อุ้มหาย มาตรา 5 ซึ่งคดีนี้ ถือเป็นคดีแรกในประเทศไทย หลังประกาศใช้ พรบ.อุ้มหาย



ด้านพ่อแม่ ของนายเน ผู้เสียหาย ช่วงที่ฟังคำพิพากษา ทนายบอกว่า ได้สังเกตเห็นแม่ของผู้เสียชีวิต ช่วงที่ศาลอ่านคำพิพากษา ร้องไห้ตลอดเวลา ส่วนพ่อมีสีหน้านิ่งเฉย



ส่วนฝั่งจำเลย ทหารเกณฑ์ที่เป็นครูฝึก ผู้ช่วยครูฝึก น่าจะรู้ชะตากรรมตัวเอง ดูกังวลใจและดูมีสีหน้าเครียด ก้มหน้าตลอดเวลาขณะที่ศาลอ่านคำพิพากษาจากชีวิตลูกชาวบ้านแท้ๆ ต้องมาติดคุกเพราะคสามคึกคะนอง เสียอนาคตเสียเวลาไป10 ปี กับสิ่งที่ไม่คใรทำ แต่ก็เป็นบทเรียนที่ดีอย่างหนึ่ง สำหรับทหารใหม่ที่ชอบใช้กำลังทำร้ายทหาร รุ่นน้อง โดยคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องความจริงมันเป็นประเพณีที่ห่วยแตกมาก มันไม่ควรจะต้องทารุณกรรมใครแล้ว



ในส่วนของครอบครัวผู้เสียชีวิต พึงพอใจในคำพิพากษาบางส่วน แต่ยังไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาในส่วนของจำเลยที่ 1 (ครูฝึก) มองว่าได้รับโทษน้อยไป เพราะสิ่งที่ครูฝึกกระทำกับลูกของเขา มันทารุณโหดร้ายและรุนแรงมาก โดยครอบครัวจะยื่นอุทธรณ์ คดีนี้เพื่อให้การลงโทษหนักกว่าเดิม



ย้อนคดีสลด เมื่อวันที่14 สิงหาคม 2567 ทหารเกณฑ์ วัย18 ถูกครูฝึกค่ายดังชลบุรี ซ่อมวินัย จนเสียชีวิต แพทย์เผยสาเหตุร่างกายถูกทำร้ายหนัก ทั้งสมองบวม ซี่โครงหักทั้ง 2 ข้าง ปอดฉีก ปอดรั่ว ไหปลาร้าหัก และกระดูกสันหลังหัก



น้องเน อายุ18 ปี ไปสมัครเป็นทหารเกณฑ์ เพื่อฝันอยากมีโอกาสต่อยอด ได้เป็นทหารอาชีพ เป็นนายสิบต่อ จะได้มีงานทำที่มั่นคง พร้อมจะเรียนต่อไปด้วย ในอนาคต จะได้ช่วยแบ่งเบาช่วยเหลือแม่ได้



วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ที่ค่าย แห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี



วันที่ 26 พค 2567 ถึงวันพบญาติครั้งแรก แม่และยาย น้อง 2 คน ก็ไปเยี่ยม น้องเน ที่ค่าย แม่เห็นน้องเน น้ำหนักลดลงไปอีก 10 กก ภายใน ไม่ถึง 1 เดือน แม่ถามว่าไหวมั๊ย เขาก็บอกว่าไหว แต่ไม่ได้เล่าเรื่องฝึกอะไรให้แม่ฟังเลย เขาบอกแม่ว่า แม่อย่าทิ้งผมนะ ต้องมาเยี่ยมผมนะ แม่บอกมาแม่ต้องมาเยี่ยมซิ



คืนวันที่ 22 มิถุนายน แม่ได้รับแจ้งว่าน้องชีพจรต่ำ ติดเชื้อในกระแสเลือด ให้แม่ไปที่ ร.พ. พอแม่ไปถึงน้องเนไม่ได้สติ ใส่ท่อช่วยหายใจ ร่างกายบวม ทราบผลจากการตรวจของหมอ

สมองบวม ซีโครงหักทั้ง 2 ข้าง ปอดฉีก ปอดรั่ว

ไหปลาร้าหัก กระดูกสันหลังหัก

สอบถามได้ความว่าน้องโดนครูฝึกซ่อมวินัย 2 รอบ



รอบแรกน้องเน ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครพาไปโรงพยาบาล ให้ กินยา รักษาแผลที่ขา ในห้องพยาบาลในค่ายทหาร แล้ว ทำให้เหมือน ครูฝึกได้ข่าวว่าน้องเนจะฟ้องผู้พัน หัวหน้าจริงๆ น้องเนยังไม่ได้ฟ้องเลย ก็เลยมาโดนครูฝึกซ้อมรอบที่ 2 อาการหนักกว่าเก่า และใช้ไม้ตีด้านหลังด้วย มีคนพบเห็นท่อนไม้ด้วย



ครูฝึก ยศสิบเอก อายุ 33 ปี เป็นคนอยู่กับห้องเน คนสุดท้าย ตอนช้อม เพื่อนได้ยินเสียงน้อง ร้องออกมาจากในห้อง สักพัก เสียงเงียบหายไป เพื่อนเลยวิ่งออกมาดู เปิดห้องเข้าไป ก็เห็นครูฝึก คนนี้ กำลังปั๊มหัวใจทำ CPR ที่หน้าอก// แม่ น้องเน ไม่แน่ใจว่า เป็นการ ทำ CPR เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนไข้หรือ ทำCPR ซ้ำเพื่อให้เสียชีวิตเร็วขึ้น กระดูกหน้าอกก็ช้ำมาก



น้องเน หมดสติหยุดหายใจประมาณ 14 นาที ก็ไม่เร่งรีบพาไปส่งโรงพยาบาล ร.พ. ทันที รอสักพักใหญ่ๆ ถึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาล ก็ทำการปั๊มหายใจขึ้นมา และใส่ท่อช่วยหายใจ อยู่ได้ 2 คืน ส่งต่อ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในกรุงเทพฯ น้องเนก็ไม่ฟื้น จนมาเสียชีวิต ในวันที่2 สิงหาคม รวมเวลาทั้งหมด 40 วัน



ครูฝึก รู้ว่าน้องเน เสียชีวิต ก็พยายามหนี จะข้ามฝั่งไปประเทศลาว ไปถึงนครพนมแล้ว ได้ผู้พัน หัวหน้า ของ น้องเน สั่งทีมทหาร ตำรวจ สกัดและให้รวบตัวมาทำคดี



พ่อน้องเน ไปแจ้งความทำร้ายร่างกาย ตอนนั้นน้องเนยังไม่เสียชีวิต อัยการให้ปล่อยตัวครูฝึก ได้รับการประกันตัวออกมา

ครูฝึกปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ว่าไม่ได้ทำ แม่มารู้ทีหลังๆน้องเนเสียชีวิตแล้ว ว่าน้องเน ได้แชตคุยกับแฟน บอกแฟนมาโดนตี โดนต่อย อยู่เฝ้าเวรยันเช้า



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/m7TYWxwZPbQ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ