สังคม

เพลิงโรงงานย่านลาดกระบัง ยังไม่สงบ ควันดำคลุมทั่ว ชาวบ้านร้องแสบตา-จมูก บางส่วนต้องอพยพหนี

12 พ.ค. 2568

71 views

ผ่านมากว่า 24 ชั่วโมงแล้ว จนถึงขณะนี้ไฟที่ลุกไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ในซอยฉลองกรุง 55 ก็ยังไม่ดับ ด้านเจ้าหน้าที่เผยมีเชื้อเพลิงเม็ดพลาสติกสูงถึง 300 ตันในโรงงาน ทำให้ค่ามลพิษอากาศพุ่งสูง เร่งอพยพชาวบ้านด่วน



เหตุเพลิงไหม้เริ่มขึ้นตั้งแต่ 4 โมงเย็นวานนี้ (11พ.ค.68) เป็นโกดังเฟอร์นิเจอร์ ยี่ห้อ "เฟอร์นิเจอร์คิงส์" ของบริษัท สยามเฮ้าส์ แอนด์ โฮม จำกัด ตั้งอยู่ซอยฉลองกรุง 55 ย่านลาดกระบัง กรุงเทพฯ



ทีมข่าวสังเกตบริเวณผิวถนนด้านหน้าโรงงานที่เกิดเหตุ เต็มไปด้วยเม็ดพลาสติกขนาดเล็กจำนวนมากซึ่งเป็นส่วนประกอบในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ที่ไหลมากับน้ำที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าไปดับด้านใน



นาง วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ภายในโกดังของโรงงานมีเม็ดพลาสติกมากถึง 300 ตัน หรือราว 3 แสนกิโลกรัม ซึ่งขณะนี้เผาไหม้จนเกือบหมดแล้ว และจากการตรวจสอบจุดความร้อนด้านใต้โรงงาน พบว่า ยังคงมีเปลวเพลิงเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่บริเวณอาคารหลังที่ 3 อีกประมาณ 20% จึงให้เจ้าหน้าที่นำรถแบ็คโฮ และเครื่องจักรหนักไปทุบเจาะกำแพงโรงงานทางด้านซ้าย เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถนำสายยางไปฉีดน้ำสกัดเพลิงได้ คาดว่าจะสามารถควบคุมเพลิงได้ทั้งหมดเร็วๆ นี้ ก่อนจะมีฝนตกลงมาในพื้นที่ เพราะหากมีฝนตกจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่า เนื่องจากสารพิษจะกระจายออกด้านข้างโรงงานได้



จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ พบว่า มีปริมาณฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน อีกทั้งกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ยังเต็มไปด้วยสารพิษ ทั้งคาร์บอนมอนนอกไซด์ / เจอรีน / ฟอร์มาลดีไฮด์ และอื่นๆ คาดว่าแพร่กระจายอยู่ในระยะรัศมี 300 เมตร และจะอยู่ในอากาศนาน 3-7 วัน ทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน จึงจำเป็นต้องอพยพชาวบ้าน และปิดศูนย์พักพิงทั้ง 4 แห่ง แล้วย้ายไปที่วัดสุทธาโภชน์ และที่โรงเรียนวัดปลูกศรัทธา ซึ่งอยู่ห่างจากจึดเกิดเหตุออกไปประมาณ 7 กิโลเมตรแทน



พร้อมแนะนำการปฏิบัติตัวให้กับชาวบ้าน ห้ามเปิดแอร์ แต่ให้เปิดพัดลมละบายอากาศ และอย่าออกนอกบ้าน แต่หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งต้องเป็นหน้ากาก N95 จึงจะสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับสารพิษทางอากาศ อาจมีอาการวิงเวียนศรีษะ แสบเยื่อบุตา หรือระคายเคืองผิว ซึ่งสามารถแก้อาการได้ด้วยสบู่และน้ำสะอาด



ขณะที่ศูนย์อพยพโรงเรียนลำพะอง เมื่อช่วงบ่าย 2 โมงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้ประชาชนย้ายจุด เพราะทิศทางลมเปลี่ยนทำให้ได้รับผลกระทบจากสารพิษ ประกอบกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้สารพิษกระจายออกมากยิ่งขึ้น



นาง ทัศนีย์ ชื่นตา ชาวบ้านที่อพยพออกมา บอกว่า เมื่อวานตอนไฟไหม้ ก็ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่มาสูบน้ำจากบ่อหลังบ้าน แต่สักพักได้ยินเสียงคล้ายระเบิด ไม่รู้ว่าเป็นเสียงระเบิดหรือกระจกแตก เลยรีบพากันหนีออกมาทั้งหมด ซึ่งเมื่อคืนก็นอนที่หอประชุมของโรงเรียนลำพะอง แต่เป็นห่วงบ้านมากพอเจ้าหน้าที่ประกาศว่าต้องอพยพไปที่อื่นอีก คิดว่าจะไม่ไป



ด้านนาย ชูชัย ชาวบ้านชุมชนหลังโรงเรียนลำพะอง เปิดเผยว่า โรงงานแห่งนี้เพิ่มสร้างเมื่อปี 2557 เจ้าของตัวจริงเป็นชาวไต้หวัน ซึ่งตลอด 10 ปี ที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการทำงานของโรงงานแห่งนี้มาตลอด ทั้งกลิ่นสารเคมี เพราะมีการขึ้นรูปเม็ดพลาสติก และมีเสียงดังรบกวน เคยเรียกร้องให้ทำกำแพงกั้นระหว่างชุมชนกับโรงงาน แต่ทางโรงงานบอกว่าให้ออกคนละครึ่ง สุดท้ายทางโรงงานทำกำแพงเมทัลชีทขึ้นมา แต่ก็ไม่แข็งแรงและใกล้พังแล้ว



เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ อยากให้ทางโรงงานออกมารับผิดชอบกับทางชุมชนด้วย แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นว่าทางโรงงานจะเข้ามาดูแล หรือช่วยเหลืออะไร



ทีมข่าวได้เจอกับเจ้าของโรงงานซึ่งเป็นคนไทย บอกว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ เพราะเมื่อวานเป็นวันหยุด ต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ และยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ พร้อมยืนยันว่าจุดที่เกิดไฟไหม้เป็นจุดเก็บสินค้าสำเร็จรูปที่รอจำหน่ายเท่านั้น ไม่ได้ผลิตหรือทำงานที่จุดนี้ ส่วนที่ชาวบ้านบอกได้กลิ่นทินเนอร์ เจ้าของโรงงานถามนักข่าวกลับว่า แล้วคุณได้กลิ่นไหม? มีแต่กลิ่นควันไฟที่เกิดจากการเผาไหม้



สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ คือ ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน และดูแลคนงานหลังจากนี้ให้ดีที่สุด พร้อมขอโทษคนในชุมชนที่ทำให้เดือดร้อน ส่วนเม็ดพลาสติกที่เก็บไว้ในโรงงานเป็นยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด แต่เป็นตัวที่ขึ้นรูปสำเร็จหมดแล้ว อยู่ระหว่างรอส่งให้ลูกค้า



ขณะที่นางสาว ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าชุดสุดซอย ของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมบอกว่า จุดนี้เป็นโกดังเก็บสต๊อกสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว และเป็นที่เก็บเม็ดพลาสติกของบริษัท ตัวโรงงานจริงอยู่อีกซอยหนึ่ง และก่อนหน้านี้ทางโรงงานได้สั่งเม็ดพลาสติกมาเพิ่มอีก 300 ตัน มาไว้ที่ชั้นใต้ดินโรงงาน แต่จะดัดแปลงเป็นโรงงานผลิตหรือไม่ขอตรวสอบก่อน หากดัดแปลงจริง จะมีโทษจำคุก 2 ปี



ส่วนการดับเพลิงทางหน่วยงานเอกชนได้สนับสนุนโฟมมาช่วยดับ แต่ทาง ปภ.กทม. ได้ขอใช้น้ำในการดับเพลิงก่อน เนื่องจากการใช้โฟม เจ้าหน้าที่จะต้องเข้าไปใกล้จุดเพลิงถึงจะฉีดได้ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ และอุปสรรคสำคัญ คือ เม็ดพลาสติกเก็บความร้อน ทำให้ความร้อนระอุปะทุขึ้นมาตลอดเวลา ตอนนี้เหลืออีกราว 30% ที่ยังดับไม่ได้




รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/xpatrjds-FE

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ