สังคม
สั่งจำคุก 2 อดีตอัยการ "เนตร-ชัยณรงค์" ช่วยคดีคดี "บอส อยู่วิทยา" ด้าน "สมยศ" โล่ง ศาลยกฟ้อง
22 เม.ย. 2568
353 views
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก 2 อดีตอัยการ "เนตร นาคสุข" และ "ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม" ฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีช่วยเหลือเปลี่ยนความเร็วรถของบอส อยู่วิทยา ที่ขับรถชนดาบตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555
คดีนี้ต้องย้อนกลับไปช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 กันยายน 2555 ดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อ ถูกนาย วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถสปอร์ต ชนและลากไปกับถนนกว่า 200 เมตร ก่อนจะเสียชีวิตคาที่
คดีนี้มีความผิดปกติตั้งแต่แรก เพราะวันที่ชนมีความพยายามเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา อ้างว่า พ่อบ้านเป็นคนชน ก่อนที่ "บิ๊กแจ๊ส" พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลขณะนั้น จะเข้าไปเอาตัว "บอส" และพาไปรับทราบข้อหาที่ สน.ทองหล่อ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางออกนอกประเทศแล้วไม่กลับมาอีกเลย
กระทั่งผ่านไป 7 ปี ในปี 2563 นาย เนตร นาคสุข ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" ในคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย // ก่อนจะส่งสำนวนกลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจโท เพิ่มพูน ชิดชอบ รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้นไม่แย้งคำสั่งดังกล่าว ทำให้ไม่มีการฟ้องในคดีนี้
แต่คดีนี้ก็พลิกอีก เมื่อนาย สมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด พบพยานหลักฐานใหม่ว่า "บอส อยู่วิทยา" เสพยาเสพติดด้วย ก่อนจะตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวใหม่ จึงตั้งเรื่องฟ้องใหม่อีกครั้งช่วงปลายปี 2563
และตรวจสอบพบว่ามีการแก้พยานหลักฐานเรื่องความเร็วรถของ "บอส อยู่วิทยา" จากเดิมผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกซ์คำนวณในปี 2555 น่าจะอยู่ที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อมาในปี 2560 มีการคำนวณใหม่ โดย รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักฟิสิกส์ อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ ม.เทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ คำนวณใหม่เหลือความเร็วเพียง 76 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
และจากการคำนวณครั้งที่ 2 นี้เอง ทำให้มีผู้ถูกดำเนินคดีถึง 15 คน ทั้งข้าราชการ อดีตข้าราชการ นักวิชาการ และอัยการ ในจำนวนนี้มี 8 คนที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีอาญา ได้แก่ 1. พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
2. พลตำรวจตรี ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐาน 3. พันตำรวจเอก วิรดล ทับทิมดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ทองหล่อ 4. นาย เนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด 5. นาย ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส
6. นาย ธนิต บัวเขียว 7.นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร และรศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักฟิสิกส์ อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมิน และความปลอดภัยยานยนต์ ม.เทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ
ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยสนับสนุนช่วยเหลือผู้ต้องหาให้ไม่ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ผ่านการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ และการสั่งไม่ฟ้องคดี กรณีร่วมกันกระทำผิดเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานในคดี ทั้งคำให้การพยาน และความเร็วรถยนต์ เพื่อช่วยเหลือ "บอส อยู่วิทยา"
เช้าวันนี้ (22เม.ย.68) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาในคดีนี้ โดยจำเลยทั้ง 8 คนเดินทางมาศาล ทีมข่าวสังเกตเห็น พลตำรวจเอก สมยศ มาในชุดสูทสีน้ำเงิน มาถึงศาลตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์ สักพักนาย เนตร พร้อมทนายความก็เดินตามมา และกำชับสื่อด้วยว่า "ห้ามถ่ายภาพ"
จากนั้นศาลใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงในการอ่านคำพิพากษา 34 หน้า มีใจความโดยสรุปว่า นาย เนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด และ นาย ชัยณรงค์ พนักงานอัยการอาวุโส มีความผิด ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
พิพากษาจำคุก นาย เนตร 2 ปี เพราะนายเนตรใช้อำนาจสั่งฟ้องคดีนายวรยุทธโดยมิชอบ มีเจตนาช่วยเหลือให้รับโทษน้อยลง จากการรับฟังพยาน 2 ปาก ที่เพิ่งมาให้การ หลังจากที่เหตุเกิดมานานแล้ว ทำให้คำให้การของพยานปากนี้ไม่น่าเชื่อถือ แต่นายเนตรใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ และไม่มีข้อสงสัยยใดๆ ทั้งที่ตัวเองเป็นอัยการระดับสูง ควรที่จะใช้ดุลพินิจโดยรอบคอบ
และจำคุก นาย ชัยณรงค์ 3 ปี โดยศาลให้เหตุผลว่า นายชัยณรงค์เข้าไปอวดอ้างตน กล่าวอ้างสถานะของตนเองให้รู้บทบาท ให้คนอื่นรู้ว่าตนเองเป็นอัยการ ใช้ตำแหน่งแทรกแซงไม่ให้พนักงานสอบสวนทำหน้าที่อย่างอิสระ เป็นการกระทำความผิดส่วนตัว
ศาลเห็นว่าเป็นการวินิจฉัยคดีโดยไม่อยู่บนข้อเท็จจริง และใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ทั้งๆ ที่ควรนำตัวนายวรยุทธ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทำให้องค์กรอัยการเสียหาย โดยทั้งคู่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามทุจริต 2561 มาตรา 172ส่วนจำเลยที่เหลือ "ยกฟ้อง" แต่ให้มีหมายขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ เว้นแต่จะมีการประกันตัว
หลังฟังคำพิพากษาจบ บิ๊กอ๊อก พลตำรวจเอก สมยศ ก็ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า รู้สึกโล่งใจและสบายใจ เหมือนปลดล็อคความรู้สึกที่ตกเป็นจำเลยของสังคมมาตลอดระยะเวลานาน โดยวันนี้กระบวนการยุติธรรมชี้ให้เห็นแล้วว่าตนเองบริสุทธิ์ ส่วนคำพิพากษาที่ลงโทษจำคุกอดีตอัยการ 2 ท่าน ก็มีการพูดคุยกันในห้อง แต่ไม่ขอก้าวล่วงคำพิจารณาของศาล
หากนับจนถึงวันนี้ก็เกือบ 13 ปีแล้ว เดิมที บอส อยู่วิทยา ถูกดำเนินคดี 5 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อายุความ 1 ปี ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย อายุความ 1 ปี ไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควร อายุความ 5 ปี เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) แต่ 4 ข้อหาหมดอายุความไปแล้ว เหลือเพียง ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และมีอายุความ 15 ปี ซึ่งจะหมดอายุความในปี 2570 นี้
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/HTD4b7IKlTI
แท็กที่เกี่ยวข้อง