สังคม
พ่อแม่สุดเศร้า ร้อง สธ. ลูก 9 ขวบ ท้องเสียเข้ารพ. ทำตาบอด-สมองพิการ เหตุหมอฉีดยาเกินขนาด
10 เม.ย. 2568
375 views
ทนายอนันต์ชัยนำครอบครัวน้องฟีฟ่าวัย 9 ขวบ ร้องกระทรวงสาธารณสุขขอความช่วยเหลือจากการรักษาผิดพลาดที่แพทย์ฉีดยาเกินขนาด จนลูกสาว มีความผิดปกติทางสมอง ตาบอด นอนติดเตียง
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช พร้อมด้วยครอบครัวของน้องฟีฟ่า วัย9ขวบ เข้าร้องเรียน กับ นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข จากกรณีลูกสาวเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีความผิดปกติ จากการได้รับยาเกินขนาด ทำให้น้องฟีฟ่า ตาบอด สมองพิการ นอนติดเตียง วันนี้ตนพาครอบครัวของน้อง ฟีฟ่า มาเพื่อขอให้ทางกระทรวงสาธารณสุขให้การช่วยเหลือด้านการรักษา
โดยเล่าว่าเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 68 น้องฟีฟ่า ได้เข้ารับการรักษาที่แห่งหนึ่งใน เขตหนองแขม ด้วยอาการท้องเสีย และอ่อนเพลีย
-ต่อมาตี 2 ของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ น้องมีอาการอาเจียน ชักเกร็ง ความดันลด หมอได้ให้ยาอะดรีนาลีน เพื่อเพิ่มความดัน
-ต่อมาเวลา 3.00 น. ความดันลดลง ไม่ได้สติแพทย์ได้ย้ายตัวน้องฟีฟ่าเข้ารับการรักษาที่ห้องไอซียู
-คุณหมอปรับยาอะดีนาลีน 100 cc ดริป1 ml ต่อชั่วโมง
-ต่อมาน้องฟีฟ่า ตาค้าง นิ่งไม่รู้สึกตัว อาการไม่ดีขึ้น แพทย์จึงส่งตัวต่อไปยัง โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ด้วยภาวะวิกฤต ภายในปอดมีฝ้า หัวใจโต หัวใจเต้นผิดจังหวะ ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
-ต่อมาวันที่ 19 -20 กุมภาพันธ์ 68 อาการเริ่มหนักขึ้น ตาสองข้างบอด มองไม่เห็น พูดไม่ได้ แขนขาไม่มีแรง
ในตอนนั้นแพทย์ได้เรียกพ่อแม่ เข้ามาชี้แจงว่า อาการน้องเป็นแบบนี้เกิดจากสภาวะหัวใจหยุดเต้น ให้พ่อแม่ทำใจ น้องอาจจะกลับมาแต่ไม่เหมือนเดิม พูดแบบนี้พ่อแม่หัวใจสลาย แถมหมอยังพูดว่า รักษานี้เกินสิทธิ30 บาทแล้วจะเอาอะไรอีก และหมอแจ้งว่าเกิดจากการฉีดยาอะดรีนาลีน กระตุ้นควมดันที่ฉีดให้น้องตั้งแต่วันแรก ทำให้น้องช็อก หัวใจหยุดเต้น และมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆอยู่ด้วย น่าจะมาจากผลข้างเคียงของฤทธิ์ยา
โดยในคลิปเป็นภาพที่น้องฟีฟ่า รับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ น้องยังไม่สามารถมองเห็นได้ เดินไม่ได้แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถโต้ตอบ สื่อสารได้
พ่อและแม่ของน้องฟีฟ่า ยังยืนยันว่าทางครอบครัวไม่ได้ต้องการดำเนินคดีกับแพทย์ เพราะมีความเข้าใจว่าในกระบวนการรักษามีโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ แต่อยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือด้านการรักษาให้ลูกสาวกลับมาเป็นปกติหรืออย่างน้อยสามารถดูแลตนเองได้ เนื่องจากขณะนี้ภรรยาต้องลาออกจากงานเพื่อมาเฝ้าอาการป่วยและดูแลลูกสาวที่ยังมองไม่เห็น ไม่สามารถเดินได้ด้วยตนเองและไม่สามารถกินอาหารเองได้
ขณะที่ทนายอนันต์ชัย ระบุว่าหลังได้รับเรื่องน้องฟีฟ่า และได้ไปเยี่ยมน้อง พบว่าตามองไม่เห็น สมองพิการ และได้นัดขอคุยกับ ผอ.รพ. ซึ่งได้ยอมรับว่ามีการฉีดอะดีนาลีน เกินขนาดจริง จนน้องถูกส่งตัวไปอีกรพ.
โดยพ่อแม่ของน้องฟีฟ่า มีลูกทั้งหมด 4 คน น้องฟีฟ่า 9 ขวบ เป็นลูกคนโต มีน้องอีก3 คน อายุ 4 ขวบ 3 ขวบ และ 2 ขวบ พ่อแม่มีอาชีพรับจ้าง แม่ต้องออกจากงานมาเลี้ยงลูกที่พิการทางสายตา ที่เกิดจากการฉีดยาผิดของแพทย์
ด้าน รศ.นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ กรรมการแพทยสภา ได้เข้าร่วมรับเรื่องร้องเรียนครั้งนี้ระบว่า จากข้อมูลและหลักฐานในเบื้องต้นสรุปได้ว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติด้านสมองจริง หลังจากรับเรื่องจะนำข้อมูลเข้าสู่ที่ประชุมของแพทยสภา เพื่อรวมหาแนวทางช่วยเหลือผู้ป่วยรายนี้
สำหรับยาอะดรีนาลีน จัดเป็นยาอันตรายควบคุมพิเศษ เป็นกลุ่มยาที่ใช้กระตุ้นหัวใจและหลอดเลือดซึ่งจะใช้ในกรณีคนไข้ที่ต้องการเพิ่มความดัน หรือกลุ่มผู้ที่มีภาวะช็อค จากการแพ้ยาหรือการแพ้อาหาร แต่ในขั้นตอนการใช้ต้องมีแพทย์หรือพยาบาลเฝ้าเฝ้าระวังและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งโดยปกติในร่างกายมนุษย์ก็สามารถผลิตฮอร์โมนอะดรีนาลีนได้เช่นกัน
นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ได้ประสานกรมการแพทย์ในการร่วมพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือด้านการรักษาส่วนการดำเนินการตรวจสอบกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมประสานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ทั้งนี้โรงพยาบาลที่เกิดเหตุเป็นโรงพยาบาลในสังกัด กรุงเทพมหานคร แต่จะให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพช่วยตรวจสอบรวมถึง การดำเนินการยื่นเรื่องขอค่าชดเชยเยียวยาต่างๆตามกฏหมาย
โดยการตรวจสอบหากเป็นความผิดพลาดในการรักษาจะมอบหมายให้ทางแพทยสภา และสภาการพยาบาลเข้าร่วมตรวจสอบจริยธรรมของแพทย์และพยาบาลที่ให้การรักษาในครั้งนั้น
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ps-njKkJA30
แท็กที่เกี่ยวข้อง