บุกตรวจโรงงานเหล็ก "บ.ซินเคอหยวน" สร้างตึกสตง. สอบเหล็กที่ใช้ได้มาตรฐานหรือไม่

กระทรวงอุตสาหกรรม บุก โรงงานเหล็ก บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จ.ระยอง ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยสั่งปิดไปแล้ว เพื่อดูว่า ของกลางที่เคยอายัดไว้ยังอยู่ครบหรือไม่ หลังพบว่า ที่ตึก สตง. ที่ถล่มลงมา มีเหล็ก 2 ไซส์ไม่ได้มาตรฐานของบริษัทอยู่ด้วย ระหว่างลงพื้นที่มีบางช่วงเจ้าหน้าที่โต้เถียงกับคนของบริษัท



วันนี้ (2 เมษายน 2568) ตั้งแต่เช้าเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ คณะทำงานของรัฐมนตรีอุตสาหกรรม หรือหัวหน้าทีมตรวจสุดซอย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้เดินทางมาร่วมตัวกันที่เขตประกอบอุตสาหกรรม ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เพื่อจะเข้าไปตรวจสอบบริษัท ซินเคอหยวน สตีล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเหล็กไม่ผ่านมาตรฐาน



สิ่งแรกที่คณะทำงานไปตรวจสอบ คือ ขอดูบิลค่าไฟ เพื่อเปรียบเทียบที่บริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ และช่วงที่ถูกให้ระงับกิจการ โดยดูของเดือนพฤศจิกายน 2567 (บริษัทยังทำงานอยู่) พบว่า มีค่าไฟอยู่ที่ 134 ล้านบาท ช่วงเดือนธันวาคมหลังมีการสั่งระงับกิจการในวันที่ 19 ธันวาคม ค่าไฟลดลงเหลือ 73 ล้านบาท มกราคม 2568 ค่าไฟเหลือ 1.2 ล้านบาท กุมภาพันธ์ 2568 ค่าไฟเหลือ 6.4 แสนบาท



ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังขอเอกสารบิลค่าไฟในเดือนมีนาคมกับทางบริษัท และเอกสารจัดซื้อจัดจ้างการขายเหล็กเพื่อนำไปสร้างตึกสตง.ด้วย เพื่อดูว่า ใช้เหล็กล็อตไหน และมีจำนวนมากเท่าไหร่ซึ่งทางตัวแทนบริษัทยินดีที่จะให้ความร่วมมือ และให้สื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบในโรงงานด้วย ส่วนเรื่องเอกสารการซื้อขายเหล็ก จะขอรวบรวมส่งภายใน 7 วัน เนื่องจากทางบริษัทไม่ได้มีการขายตรงกับทาง สตง. แต่เป็นการขายผ่านเอเจนซี่ซึ่งเป็นพ่อค้าคนกลางอีกทอดหนึ่ง ส่วนจำนวนเหล็กทั้งหมดหลังถูกอายัดไปยืนยันว่ายังอยู่ครบถ้วนทุกเส้น



จากนั้นคณะทำงานได้ขอตัดตัวอย่างเหล็กที่ได้มีการอายัดเอาไว้ โดยเฉพาะเหล็กที่มีขนาด 32 มิลลิเมตร ที่ตรงกับเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร สตง. ไปตรวจสอบอีกครั้งที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย จังหวะนี้มีการโต้เถียงกันเล็กน้อย เพราะ ตัวแทนบริษัท



ขอให้เจ้าหน้าที่ นำตัวอย่างเหล็กที่ปส่งตรวจกับสถาบันยานยนต์ ควบคู่กับสถาบันเหล็กด้วย พร้อมโชว์เอกสารให้สื่อมวลชนดูว่ามาตรฐานสารโบรอนของทั้ง 2 สถาบันมีความแตกต่างกัน โดยของสถาบันเหล็กกล้ามีมาตรฐานอยู่ที่ 0.0009 เปอร์เซ็นต์ ถึง 0.0025 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของสถาบันยานยนต์จะมีมาตรฐานค่าโบรอนอยู่ที่ 0.0004 เปอร์เซ็นต์ ถึง 0.0066 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ คณะทำงานอธิบายว่า ตอนที่บริษัทไปขอมาตรฐาน มอก. ก็นำเหล็กไปตรวจกับสถาบันเหล็กฯ ทำไมตอนนี้ถึงไม่ยอมรับผลการตรวจสอบ และบอกว่าพร้อมให้ส่งตรวจคู่กัน 2 สถาบัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ฝั่งตัวแทนบริษัท ตอบกลับว่า ความจริงก็ยอมรับ ไม่ได้ไม่ยอมรับ แต่แค่อยากให้ตรวจคู่ขนานกัน



ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีประเด็นว่า มีคนเห็นรถบรรทุกฝุ่นแดงซึ่งเป็นส่วนผสมของการผลิตเหล็ก เข้าออกบริเวณโรงงาน ตัวแทนบริษัทชี้แจงว่า ฝุ่นแดงที่มีการบรรทุกเข้าออกโรงงาน เป็นฝุ่นแดงที่เก็บไว้ตั้งแต่เปิดโรงงานในช่วงปี 2554 ซึ่งไม่ได้นำออกมาผลิตเหล็กแต่อย่างใด เพราะทางบริษัทเคารพกฎของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้มีการระงับการผลิต แต่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้มีการออกคำสั่งว่าห้ามให้มีการขนย้ายฝุ่นแดงเข้าออกโรงงาน ซึ่งประเด็นนี้ก็ถือว่าตัวของบริษัทไม่ได้ทำอะไรผิด



ส่วนเรื่องเหล็กที่ขายไปสร้างตึกสตง.ไม่ได้มาตรฐาน ทางตัวแทนบริษัทบอกว่า เพิ่งทราบจากข่าวว่าเป็นเหล็กของบริษัท เพราะการขายเหล็ก ขายผ่าน เอเจนซี่ คนกลาง เมื่อถามย้ำว่า พอทราบแล้ว อยากสื่อสารอะไรหรือไม่ ทางตัวแทนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกให้ทนายเป็นคนตอบ



ด้านทนายความของบริษัทชินเคอหยวน ชี้แจง ว่า เหล็กของอาคาร สตง. ที่ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการนำไปตรวจสอบ แล้วพบว่าเหล็กของบริษัทซินเคอหยวน ไม่ผ่านค่ามาตรฐาน ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าเหล็กของบริษัทที่ได้นำไปก่อสร้างอาคาร ระหว่างนั้นเหล็กอาจจะไปโดนความร้อน โดนปูน หรือส่วนผสมในการก่อสร้าง จนทำให้มีการส่งผลต่อคุณภาพของเหล็ก และก็ยังไม่รู้ว่าในโครงการก่อสร้างอาคาร สตง. มีการใช้เหล็กของบริษัทในอัตราสัดส่วนเท่าไหร่ ทั้งนี้ ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย



ด้านนางสาวฐิติภัสร์ บอกว่า หลังจากที่ได้คุยก็รู้สึกว่าข้อมูลย้อนแย้ง แปลกๆ ทั้งๆที่ในตอนแรกมาตรวจกับสถาบันเหล็ก พอผลออกมาไม่ผ่านถึง 2 ครั้ง กลับเสนอให้ตรวจในส่วนของสถาบันยานยนต์เพิ่มเติม เมื่อถามว่าทั้งหมดนี้สะท้อนอะไรหรือไม่ นางสาวฐิติภัสร์ บอกว่า ก็ให้ไปคิดต่อกันเอง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ETOGUzQ5Bzs