สังคม

นายกฯ ลงพื้นที่ ตึก สตง.ถล่ม ติดตามภารกิจค้นหาผู้สูญหาย สลดล่าสุด พบอีก 1 ศพแรงงาน

โดย panwilai_c

31 มี.ค. 2568

310 views

เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอาคารก่อสร้าง สตง. หลังใหม่พังถล่ม เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าการช่วยเหลือ และค้นหาคนงานที่ยังติดอยู่ในซากอาคาร



นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงราว เที่ยง 10 นาที เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปยังเต็นท์กองอำนวยการที่เคยเป็นพักคอยของญาติพี่น้องผู้สูญหายทันที สักพักนายกรัฐมนตรีก็ได้เดินเท้าจากกองอำนวยการเพื่อมายังจุดเกิดเหตุ โดยระหว่างทางได้แวะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยที่ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ แต่ตำรวจได้ขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนปักหลักทำข่าวอยู่บริเวณแนวรั้วริมเกาะกลางถนน เพื่อความปลอดภัยและความเรียบร้อย



แต่ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ ได้มีตัวแทนกลุ่มแรงงานชาวเมียนมาร์ที่ทำงานในประเทศไทย ได้เข้ามาพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี แล้วมีตัวแทนแรงงานพยายามที่จะก้มลงกราบเท้านายกรัฐมนตรี ทำให้นายกรัฐมนตรี และผู้ติดตามต้องห้าม ก่อนจะดึงตัวขึ้นมา แล้วหลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีจึงเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ



นายกรัฐมนตรีใช้เวลาเข้าไปด้านในราว 20 นา ก่อนจะกลับออกมา จากจุดเกิดเหตุ โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับสื่อมวลชน แล้วเดินขึ้นรถเดินทางออกจากพื้นที่เกิดเหตุทันที



มีรายงานว่า สาเหตุที่นายกรัฐมนตรีต้องรีบเดินทางกลับ เนื่องจากคณะทำงานสามารถตรวจจับสัญญาณชีพของผู้สูญหายได้ 1 คนและต้องอาศัยความเงียบในการตรวจสอบสัญญาณชีพที่ยังอ่อน จึงทำให้ท่านต้องเดินทางกลับอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบกับการปฏิบัติงานซึ่งต้องการความเงียบ



ผ่านมากว่า 72 ชั่วโมงแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังเร่งค้นหาผู้สูญหายกว่า 70 คน ที่คาดว่าอยู่ใต้ซากอาคาร สตง. อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเจอเพิ่มอีก 1 ศพ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 12 ศพ สูญหายอีก 75 ราย



ปฏิบัติการวันนี้เจ้าหน้าที่ค้นหา 2 จุดใหญ่ คือ บริเวณโซน B หลังจากเมื่อคืนนี้ตรวจพบสัญญาณของผู้สูญหาย 6 รายอยู่ในบริเวณดังกล่าว และโซน E คือ บริเวณกึ่งกลางบนยอดสุดของตึกที่ถล่ม เพราะเมื่อคืนได้ใช้อุปกรณ์พิเศษตรวจจับความร้อน พบสัญญาณชีพ 5-7 จุด



แต่เมื่อช่วงบ่าย 2 โมงที่ผ่านมา ที่บริเวณโซน B เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ศพเป็นเพศหญิง ก่อนจะลำเลียงศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ขณะนี้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ศพ เป็นชาย 8 ศพ หญิง 4 ศพ สูญหายอีก 75 ราย



รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหาย เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ สตง.นำแบบแปลนอาคารการก่อสร้างมาให้ทีมกู้ภัย เพื่อจะระบุตำแหน่งและจุดสำคัญต่าง ๆ ภายในอาคาร เช่น บันไดหนีไฟและลิฟท์ ซึ่งจะทำให้การกู้ภัยทำได้ไวมากขึ้น และทุกคนยังมีความหวังแม้จะผ่าน 72 ชั่วโมงไปแล้วก็ตาม



ส่วนประเด็นที่หลายคนถามว่า ทำงานล่าช้าไปหรือไม่ และทำไมไม่เจาะทะลุเข้าไปในซากอาคาร สาเหตุเพราะหากผู้สูญหายยังมีชีวิตอยู่ การกระทำใด ๆ ที่สั่นสะเทือนและรุนแรง อาจเสี่ยงทำให้ซากอาคารถล่มซ้ำ จะทำให้เกิดความเสียหายและสูญเสียมากขึ้น ดังนั้น ในช่วง 1-2 วันแรกต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์พื้นที่และประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ



ส่วนการลงพื้นที่ของนายกฯ ในวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์และรับทราบถึงความยากลำบากในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะช่วยให้การประสานความร่วมมือต่าง ๆ เป็นไปได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการขอความช่วยเหลือในระดับนานาชาติ



และเมื่อช่วงบ่าย 3 โมง 45 นาทีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากประเทศอิสราเอล เดินทางเข้าพื้นที่สนับสนุนภารกิจค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารถล่ม โดยมาพร้อทกับอุปกรณ์จำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยของประเทศอิสราเอล ถือว่าเป็นหน่วยที่มีความเชี่ยวชาญในการเผชิญเหตุกู้ภัยภายใต้ซากอาคารถล่ม



1 ในเจ้าหน้าที่กู้ชีพที่ร่วมปฏิบัติงานอย่างแข็งขันแทบจะทั้งวันทั้งคืน คือ สุนัขอาสาสมัคร K-9 ที่เข้าไปดมกลิ่นสำรวจหาผู้ประสบภัยบนกองซากปรักหักพัง ปรากฎว่าน้องสุนัขบางตัวได้รับบาดเจ็บจากเศษวัสดุ ที่ทิ่มแทงเท้า อย่าง สายฟ้า อายุ 7 ขวบ สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน มีแผลถลอกที่เท้าจากการเดินเหยียบย่ำเศษอิฐปูน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวไปรักษาและพักเพื่อดูอาการก่อน



ล่าสุดเมื่อช่วงบ่าย 2 โมงที่ผ่านมา ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าไปเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นที่เสารับน้ำหนักตัวหลัก ทั้ง 4 จุดของอาคาร หลังกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้เข้ามาเก็บตัวอย่างไปตรวจสอบเมื่อวานนี้ (30มี.ค.68) และพบความผิดปกติ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีในการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง



นอกจากนี้จะเข้าไปเก็บพยานหลักฐานที่บริเวณชั้น 4 ของตัวอาคารรองที่ไม่ถล่มลงมา เนื่องจากมีข้อมูลว่า ในบริเวณดังกล่าวมีเอกสารการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างที่ใช้ในไซต์งาน และยังมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ใช้ในการทำงานหลงเหลืออยู่



ส่วนบรรยากาศที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ยังคงมีญาติของผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวเข้ารับศพอย่างต่อเนื่อง ภรรยาของนาย นอย ธิชะ อายุ 53 ปี เป็น 1 ในครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนที่รักจากเหตุการณ์นี้ เล่าทั้งน้ำตาว่า วันศุกร์ราว 11 โมง 45 นาที ก่อนออกจากบ้านสามีบอกกับเธอว่า เย็นนี้กลับมากินหมูกระทะกัน แต่ผ่านไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง มีคนมาบอกว่า ตึกที่สามีซึ่งเป็นช่างเชื่อมเหล็กทำงานอยู่ถล่มลงมา เธอจึงพยายามโทรหาสามีตอนบ่ายโมง 36 นาที แต่ไม่มีคนรับ จึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุตอนแรกแม้จะเห็นสภาพตึกก็ยังภาวนาว่าสามีน่าปลอดภัย กระทั่งเห็นรายชื่อผู้เสียชีวิตที่ทางการประกาศในเฟซบุ๊ก จึงรีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อดูให้แน่ใจ และก็เป็นสามีเธอจริงๆ จะนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดใน ต.ป่าแลวหลวง อ.สันติสุข จ.น่าน



และเมื่อช่วงบ่าย 2 โมงที่ผ่านมา ภรรยาของคนขับเครนที่ตกลงมาจากคอนโดมิเนียมย่านบางโพ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็เข้ารับศพแล้วเช่นกัน แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะสะเทือนใจกับภาพการตายของสามีที่ถูกเผยแพร่ซ้ำๆ ในทุกช่องทาง



ขณะที่พลตำรวจตรี วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ บอกว่า สามารถส่งศพคืนให้ญาติได้แล้ว 6 ราย อีก 4 ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากการพิมพ์ลายนิ้วมือได้แล้วว่าเป็นใคร ที่เหลือต้องตรวจ DNA เพราะสภาพศพเริ่มเน่าเปื่อย จึงจะต้องนำดีเอ็นเอไปตรวจพิสูจน์เพื่อยืนยัน ดังนั้นหากว่าญาติของผู้สูญหายรายใด ที่ยังอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ และยังไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอ ก็ขอให้เดินทางมาที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเก็บดีเอ็นเอในการเอาไปเปรียบเทียบกับร่างของผู้เสียชีวิตที่เจอในที่เกิดเหตุ



แต่ในการเก็บ DNA ต้องเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดทางสายเลือด เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือลูก จะเป็นภรรยาหรือแฟนไม่ได้ เพราะไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด



สำหรับแนวทางการเยียวยา ช่วยเหลือแรงงานจากเหตุตึก สตง. ถล่ม นายบุญธรรม ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรุงเทพมหานครพื้นที่ 9 นัดผู้รับเหมาที่ทำงานในโครงการนี้กว่า 20 บริษัท เพื่อรวบรวมข้อมูลว่า ในวันเกิดเหตุมีพนักงานบริษัทใดบ้างที่เข้าทำงาน บาดเจ็บกี่คน รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใด รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายกี่คน เพื่อนำข้อมูลไปรือเรื่องการเยียวยาลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ ทั้งจากบริษัทผู้รับเหมาและสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานรัฐ



เบื้องต้น ทราบว่ามีรายชื่อผู้เข้าปฏิบัติงานในโครงการนี้ 401 คน จำนวนนี้เป็นคนงานสัญชาติเมียนมาร์ กัมพูชา ลาวและไทย แต่เนื่องจากในช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาพักเที่ยง ทำให้มีผู้เข้าไปในพื้นที่ขณะเกิดเหตุประมาณ 128 คนเท่านั้น ซึ่งก็มีทั้งคนที่หนีออกมาได้ทันและไม่ทัน


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/jjg7bxFEKbM



แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ