สังคม
"บิ๊กเต่า" ขีดเส้น 12 มี.ค. ผู้ป่วยแก๊ง "ทุจริตยารพ." ไม่เข้าให้ข้อมูล จะเป็น "ผู้ต้องหา" ทันที ย้ำมีชื่อทุกคนแล้ว
6 มี.ค. 2568
154 views
ความคืบหน้าขบวนการทุจริตยาและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก วันนี้ (6 มี.ค.68) "บิ๊กเต่า" ลงพื้นที่สอบปากคำผู้ร่วมขบวนการที่จังหวัดลพบุรี ขีดเส้นให้เวลาถึงวันพุธหน้า ถ้ายังไม่มาให้ข้อมูลจาก "พยาน" จะเป็น "ผู้ต้องหา" ทันที
พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พาพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการ ปปป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปอท. เจ้าหน้าที่ ปปช. และเจ้าหน้าที่สำนักงานสงเคราะห์ทหารส่วนกลาง รวมประมาณ 50 นาย มาสอบปากคำ "ผู้ร่วมขบวนการ" ทุจริตยา โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ที่สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตลพบุรี จังหวัดลพบุรี
โดยนัดหมาย "ผู้ป่วยทิพย์" ไว้ทั้งหมด 70 คน แต่ปรากฏว่ามีเพียงบางส่วนที่ให้ความร่วมมือ เข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งทั้งหมดเป็นสมาชิกของครอบครัวทหารช่วงอายุระหว่าง 45-70 ปี เป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจ และโรคกระดูกพรุน เป็นต้น
"บิ๊กเต่า" บอกว่า คนที่เข้าให้ข้อมูลตอนนี้ถือว่าเป็น "พยาน" แต่หลังจากนี้ต้องตรวจสอบว่า เป็นเหยื่อที่ถูกหลอกจริงหรือไม่ โดยจะต้องนำหลักฐานข้อมูลต่าง ๆ ไปพิจารณาอีกครั้ง ว่าเข้าข่ายค้ามนุษย์ด้วยไหม จากนั้นจะส่งให้ ป.ป.ช.
สำหรับใครที่ยังไม่เข้าให้ข้อมูลตำรวจจะให้เวลาถึงวันพุธที่ 12 มีนาคม ถ้ายังนิ่งจะถือว่าเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมบอกด้วยว่าตำรวจมีรายชื่อของทุกคนอยู่แล้ว โดยดึงประวัติมาจากเวชระเบียนที่เคยไปรักษา
เมื่อนักข่าวสอบถามถึงเรื่องยาที่จ่ายมา ถูกนำไปจำหน่ายที่ไหน อย่างไร "บิ๊กเต่า" ยืนยันว่า ยาที่เบิกจ่ายออกไปยังหมุนเวียนอยู่ในประเทศ ซึ่งยาที่เจอส่วนใหญ่เป็นยานอกบัญชี ที่แพทย์เจาะจงสั่งจ่ายให้กับผู้ป่วยแต่ละราย
สอดคล้องกับข้อมูลของ แพทย์หญิง จิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ยอมรับว่า พฤติกรรมของแพทย์มีความผิดปกติ เพราะจ่ายยานอกบัญชีให้กับผู้ป่วยที่เข้าพบตั้งแต่ครั้งแรก เนื่องจากตามหลักแล้วการจ่ายยานอกบัญชี ตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง สามารต้องจ่ายยาให้กับผู้ป่วยได้ ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยทานยาในบัญชีแล้วไม่ได้ผล หรือแพ้ยาบางชนิดจึงจำเป็นต้องใช้ยานอกบัญชี ซึ่งยาในบัญชีจะมีราคาถูกกว่ายานอกบัญชี 30-40 บาทต่อเม็ด ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่กระบวนการต้องการที่จะขอยานอกบัญชี ส่วนแพทย์หญิงที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการขณะนี้ถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว ส่วนเข้าข่ายผิดในเรื่องของจรรยาบรรณแพทย์หรือไม่ ต้องให้แพทยสภา และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันพิจารณา
มีรายงานว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นของ 4 หน่วยงานหลัก พบว่ามีมูลความจริง และสร้างความเสียหายกว่า 1,600 ล้านบาทในรอบ 8 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2568
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/oJnuWPKg2BQ
แท็กที่เกี่ยวข้อง