เปิดนาทีช่วย นศ.สาวถูกแก๊งคอลฯ ลวงไปกักตัว ก่อนโทรเรียกค่าไถ่กับพ่อแม่ สูญเกือบ 1.5 ล้านบาท

สาวนักศึกษา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญเงินเกือบ 1.5 ล้านบาท โดยให้เหยื่อโทรขอเงินจากพ่อแม่ ให้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ก่อนออกอุบายซ้ำ โทรหาพ่อแม่เหยื่อ อ้างว่าลูกถูกลักพาตัว ให้จ่ายเงินค่าไถ่ ก่อนครอบครัวประสานตำรวจสภ.คลองหลวง ตามช่วยเหลือปลอดภัย



วินาทีที่ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของตำรวจ สภ.คลองหลวง เข้าไปช่วยเหลือนักศึกษาหญิง ชั้นปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในห้องพักย่านคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตอนประมาณ 10.00 น. ของวันนี้ หลังเหยื่อถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกให้โอนเงิน 1,495,000 ล้านบาท แล้วคนร้ายออกอุบายว่าจะถูกทำร้าย ให้เหยื่อ ย้ายจากหอพักเดิมที่ย่านคลองหลวง ไปอยู่ที่ใหม่ เหยื่อจึงไปเช่าห้องพักที่อยู่ใกล้ๆกัน ตามที่คนร้ายบอก



ซึ่งการช่วยเหลือครั้งนี้ ทางน้องผู้เสียหายค่อนข้างหวาดผวา ทำให้ตอนที่ตำรวจมาถึง เจ้าตัว กลัวว่าจะเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ จึงยังไม่กล้าเปิดสายยูคล้องประตู จนต้องเกลี้ยกล่อมอยู่สักพัก จึงยอมเปิดประตู



เมื่อเข้าไปถึง จะเห็นได้ชัดว่าผู้เสียหายมีอาการหวาดวิตกอย่างหนัก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้าไปปลอบ โดยยังพบว่าโทรศัพท์ ยังมีการวิดีโอคอลอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่



เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้หยิบโทรศัพท์มือถือซึ่งยังวิดีโอคอลค้างอยู่กับแก๊งคอลเซนเตอร์ขึ้นมาดู ทางฝ่ายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ถามขึ้นมาว่า "มึงเป็นใครเนี่ย" ก่อนที่ตำรวจจะบอกว่า "พ่อมึงมั้ง " จากนั้น คนร้ายก็ได้ด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อ ว่า ไอ้ควาย ทางตำรวจชุดเลยบอกว่า "เดี๋ยวเจอกัน ไอ้น้อง จะตามจับมึงให้ได้ เดี๋ยวเจอกัน"



ตำรวจได้คุยกับน้องผู้เสียหายสั้นๆ เจ้าตัวเล่าเหตุการณ์ว่า มีคนโทรศัพท์มา อ้างว่าถูกเอาเลขบัตรประชาชนไปติดตั้งเราเตอร์ไว้หลอกฉ้อโกง และให้เดินเรื่อง



จากนั้นมีคนอ้างตัวเป็นตำรวจ โทรศัพท์มาคุยบอกว่ามาจาก สภ. ป่าตอง



จากนั้นจึงได้พาตัวน้องผู้เสียหายมาที่สภ. คลองหลวง ซึ่งเจ้าตัวยังคงมีอาการหวาดวิตก และร้องไห้ และยังไม่สามารถให้สัมภาษณ์หรือพูดคุยกับสื่อมวลชนได้ ยังอยู่ในอาการตกใจ เพราะถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ข่มขู่



ทีมข่าว พูดคุยกับ พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผู้กำกับการ สภ. คลองหลวง ให้ข้อมูลว่า กรณีนี้ทางผู้ปกครองได้มาแจ้งความที่สภ. ตั้งแต่ตอนประมาณตีสอง ของวันนี้ หลังจากติดต่อลูกสาว ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ของมหาวิทยาลัยชื่อดังหายไปจากหอพัก และสงสัยว่าจะถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอก



ตำรวจจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตาม ไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด และพบว่าน้องนั่งรถแท็กซี่ออกจากหอพักย่านคลองหลวงไปอย่างรีบร้อน และไปเช่าหอพักอีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่ย่านคลองหลวง ใกล้ๆหอเดิม ก่อนเข้าช่วยเหลือเมื่อตอน 10:00 น. ของวันนี้



สอบถามผู้เสียหายเล่าว่า ถูกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาอ้างว่ามาจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เจ้าหนึ่ง บอกว่าตัวน้องผู้เสียหายมีการเปิดซิมผี ที่ใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ใช่ ทางแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จึงให้น้องส่งข้อมูลส่วนตัวไปยืนยัน



สักพัก ก็มีคอลเซ็นเตอร์อีกทีม ที่อ้างตัวเป็นตำรวจ สภ.ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต โทรศัพท์มาและบอกว่าตัวน้องผู้เสียหายเปิดบัญชีม้า มีการกระทำความผิด ก่อนที่จะวีดีโอคอลมา ซึ่งพื้นหลังเห็นเป็นคำว่า สภ. ป่าตอง ก่อนจะออกอุบายให้โอนเงินมาเพื่อตรวจสอบ แล้วจะสามารถช่วยเรื่องทางคดีได้ ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนไปจนไม่มีเงินแล้ว



ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังออกอุบายให้น้องผู้เสียหายบอกกับพ่อแม่ ว่าได้ทุนการศึกษา ไปเรียนต่อต่างประเทศ ต้องใช้เงินประมาณหนึ่งล้านบาท ซึ่งผู้ปกครองก็โอนมาให้ และน้องก็โอนไปให้คนร้าย



แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่หยุดเท่านั้น ยังออกอุบายให้น้องผู้เสียหาย ออกจากหอพักที่อาศัยอยู่ โดยอ้างว่าแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ตัวจริง รู้ที่อยู่ของผู้เสียหายแล้ว และจะมาทำร้าย ให้หลบออกไปอยู่ที่อื่นก่อน ผู้เสียหายจึงย้ายออกจากหอพักย่านคลองหลวง ไปเช่าหอพักที่อยู่ใกล้เคียงแทน



จากนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งได้ข้อมูลส่วนตัวจากน้องผู้เสียหาย รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ของพ่อแม่ จึงโทรไปหาพ่อแม่ของน้อง และออกอุบายว่า ลูกสาวถูกเรียกค่าไถ่ ให้โอนเงินมาอีก 300,000 บาท แต่ในช่วงที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มานั้น เป็นช่วงที่พ่อและแม่ของน้องมาแจ้งความที่ สภ. คลองหลวงแล้ว



ไทม์ไลน์ นักศึกษาถูกคอลเซ็นเตอร์หลอก สุดท้ายสูญเงินเกือบ 1.5 ล้านบาท



3 กุมภาพันธ์ 2568

13.00 น. น.ส.อรินดา xxxx ได้ติดต่อกับแม่ทางเฟซบุ๊ก มีการบอกว่าได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายจึงได้ขอเงินกับแม่ โดยโอนจากบัญชีของพ่อไปยังบัญชีของ น.ส.อรินดา และโอนต่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์



ครั้งที่ 1 เวลา 14.21 น. จำนวน 49,999 บาท

ครั้งที่ 2 เวลา 14.23 น. จำนวน 25,002 บาท

ครั้งที่ 3 เวลา 17.16 น. จำนวน 30,000 บาท

ครั้งที่ 4 เวลา 17.16 น. จำนวน 20,000 บาท

ครั้งที่ 5 เวลา 17.17 น. จำนวน 20,000 บาท



จากนั้น แม่ของ น.ส.อรินดา ได้ไปโอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม โดยโอนจากบัญชีของแม่ไปยังบัญชีของ น.ส.อรินดา และโอนต่อให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์



ครั้งที่ 1 เวลา 16.38 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 2 เวลา 16.39 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 3 เวลา 16.40 น. จำนวน 200,000 บาท

ครั้งที่ 4 เวลา 16.42 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 5 เวลา 16.43 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 6 เวลา 16.44 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 7 เวลา 16.49 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 8 เวลา 16.49 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 9 เวลา 16.49 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 10 เวลา 16.49 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 11 เวลา 16.53 น. จำนวน 50,000 บาท

ครั้งที่ 12 เวลา 16.53 น. จำนวน 50,000 บาท



4 กุมภาพันธ์ 2568

แม่ของ น.ส.อรินดา ได้ให้น้าชายของ น.ส.อรินดา โอนเงินเข้าบัญชีเพิ่ม

ครั้งที่ 1 เวลา 12.40 น. จำนวน 600,000 บาท



รวมทั้งหมดเป็นเงิน 1,495,001 บาท



ต่อมา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกอุบายให้ น.ส.อรินดาย้ายที่พัก อ้างว่าแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ตัวจริงรู้พิกัดแล้วจะไม่ปลอดภัย จากนั้นประสานไปหาพ่อ-แม่น.ส.อรินดา และเรียกค่าไถ่ 300,000 บาท บอกว่าลูกถูกลักพาตัว



แต่พ่อ-แม่ น.ส.อรินดา ประสานกับตำรวจไว้ก่อนแล้ว จึงไม่ได้โอนเงินเพิ่มให้



เช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 10.00 น. ตำรวจเข้าช่วยเหลือ น.ส.อรินดา ที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ย่านคลองหลวง



รวมยอดผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงินไป 1,495,000 บาท โอนไปปลายทาง 5 บัญชี และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ซิมโทรศัพท์ (ซึ่งเป็นซิมม้า) โทรมาหาเหยื่อทั้งหมด 4 หมายเลข



ขณะนี้สภาพจิตใจของทั้งตัวน้องผู้เสียหาย รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ยังมีอาการขวัญเสียและร้องไห้ เพราะถูกข่มขู่อย่างหนัก เนื่องจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้มีจิตวิทยาสูง



โดยหลังจากนี้ ได้ให้หัวหน้าอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาดูคดี รวมถึงเส้นทางการเงินทั้งหมด เบื้องต้นอายัดบัญชีเรียบร้อยแล้ว และสั่งขยายผลแกะรอยต่อ



ทั้งนี้เฉพาะในพื้นที่ของสภ. คลองหลวง ในช่วง 2-3 ปีมานื้ พบว่ามีนักศึกษาที่ถูกหลอกในลักษณะนี้ถึง 3 รายแล้ว จึงฝากเตือนทุกคนว่าหากมีการโทรศัพท์มาอ้างว่าถูกนำไปเปิดซิมม้า หรือซิมผี อย่าหลงเชื่อ ให้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพัก หรือแจ้งผู้ปกครอง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/61-rLOOlb6g