สังคม

หญิงร่ำไห้ แก๊งคอลฯ อย่างเนียน จดทะเบียนเป็นบริษัท หลอกโอนเงินหมดตัว 1.2 ล้าน เกือบคิดจบชีวิต

28 ม.ค. 2568

1.7K views

ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อคุณสุนิสา โพสต์ข้อความแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เล่าเรื่องราวของคุณแม่ของเธอ ซึ่งถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงินไปกว่า 1.2 ล้านบาท ปรากฏว่า เมื่อไปแจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่บอกว่า นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เห็นว่า บัญชีปลายทางที่ถูกหลอกเงิน เป็นชื่อ บริษัทไม่ใช่ชื่อบุคคลธรรมดา



เฟซบุ๊ก ชื่อ คุณสุนิสา โพสต์ความ แชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์! ใครมีวิธีอะไรช่วยแนะนำที ทุกอย่างบังเอิญหรือถูกกำหนดแล้ว? โดยเธอบอกว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเงิน 1,235,200 บาท ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเอง



เธอเล่าแจกแจงรายละเอียด พร้อมกับแนบภาพประกอบเป็นสลิปโอนเงิน และ ข้อมูลการจดทะเบียนของบริษัทที่แม่เธอโอนเงินไป



สรุปคือ

21 มกราคม 2568

มีสายโทรเข้าหาแม่โน้มน้าวให้ซื้อสินค้า คุยด้วยประมาณ 30 นาที

(คาดเดาว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ถูกหลอก)



22 มกราคม 2568

09.44 น. มีเบอร์ 082-436-xxxx โทรเข้ามาพูดคุยกัน 30 นาที อ้างว่าเป็น สายจาก AIS แจ้งว่าบัญชีถูกใช้เป็นบัญชีม้า ตอนคุยกันพอรู้ว่าแม่อยู่คนเดียว ก็ข่มขู่ และบอกว่าเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่โทรหา



10.15น. มีเบอร์ 094-317-xxxx โทรเข้ามาพูดคุยกัน 15 นาที 29 วินาที อ้างว่าเป็น ตำรวจบอกข้อมูลส่วนตัวของแม่ถูกต้องครบถ้วน และบอกว่าชื่อของแม่ถูกใช้เป็นบัญชีม้า ทำให้แม่ตกใจเพราะเป็นโรคแพนิคอยู่แล้ว



ปลายสายบอกให้แอดไลน์ไปคุย เมื่อแอดไปพบว่าชื่อไลน์เขียนว่า ศปก.สภ.เมืองตาก



จากนั้นสั่งให้แม่ถ่ายรูปทรัพย์สิน บัญชีธนาคารทั้งหมดส่งให้ และสั่งห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร มีการขู่ว่าครอบครัวจะซวยถูกจับทั้งหมด



ช่วงเย็น

แม่ขอให้พ่อพาไปธนาคารเพื่ออัพเดตสมุดบัญชีธนาคารเพราะมีการบอกว่าจะดึงเงินออกจากบัญชี เมื่อเห็นว่าเงินอยู่ครบแม่จึงวางใจ



23 มกราคม 2568

คนร้ายโทรมาสั่งให้แม่โอนเงินสด 700,000 บาท ไปยังบัญชีปลายทาง บริษัท 1986 อมุนดิ สมาร์ท จำกัด อ้างว่าจะตรวจสอบ ไม่งั้นจะอายัดเงินทั้งหมด

(ภายหลังทราบว่ามีคนปลอมตัวเป็นแม่ใช้เบอร์ 094-317-xxxx โทรไปแจ้งแบงก์ ว่าโทรศัพท์หาย ขอให้บล็อคแอปพลิเคชันธนาคารเพื่อให้เชื่อว่าสามารถอายัดเงินในบัญชีได้)



24 มกราคม 2568

คนร้ายโทรมาอีกครั้ง หลอกให้แม่นำทองไปจำนำอ้างว่าไม่งั้นจะถูกยึด และให้โอนเงินเพิ่ม 535,200 บาท ไปยังบัญชีปลายทาง บริษัท 1986 อมุนดิ สมาร์ท จำกัด

รวมความเสียหาย 1,235,200 บาท



เมื่อรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพหลอกจึงโทรไปแจ้งตำรวจไซเบอร์ 1441 และไปแจ้งความที่ สภ.เมืองปทุมธานี ตำรวจบอกว่าจะอายัดบัญชีปลายทางให้



ตำรวจแจ้งว่ากรณีนี้ เป็นกรณีแรกที่พบว่า เงินถูกโอนไปยังปลายทางที่เป็นชื่อบริษัท ไม่ใช่ชื่อบุคคลที่เป็นบัญชีม้า



ในโพสต์นี้ เธอแนบภาพสลิปการโอนเงิน 2 ครั้ง และ ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท ชื่อว่า บริษัท 1986 อมุนดิ สมาร์ท จำกัด มาด้วย พบว่า เพิ่งจดทะเบียนตั้งเมื่อ 9 มกราคม 2568 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ อยู่ที่ อ.เมืองสมุทรปราการ และมีชื่อ กรรมการว่า นายกฤษดา



ทีมข่าวเรื่องเด่นเย็นนี้ได้คุยกับคุณป้านงคราญ อายุ 62 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า วันที่คุยกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ คนร้ายให้เธอเขียนจดหมายด้วยลายมือตัวเอง



เนื้อหาในจดหมาย ระบุว่า ได้รับเรื่องจาก...(ค่ายมือถือ)... สำนักงานใหญ่ พนักงานผู้แจ้ง ชื่อ น.ส.วิสาชล ...... รหัส.... ขอแจ้งความว่า มีคนแอบนำบัตรปชช. และข้อมูลส่วนตัวของ ข้าพเจ้า นางนงคราญ ..... ไปเปิดใช้งานเบอร์ดังกล่าวได้นำไปผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปลงทะเบียนที่ศูนย์ เทเลวิต สาขาบิ๊กซี จ.จาก (เพราะดิฉันไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตาก.) ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11.20 น. หมายเลขเอกสาร 11853/2567 ให้เจ้าหน้าที่ส่งใบรับรองแจ้งความและภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิด (ตำรวจ) ส่งไปที่สำนักงานใหญ่ ภายใน 2 ชั่วโมง



คุณป้านงคราญ ยังเล่าด้วยว่า ส่วนสายที่อ้างเป็นตำรวจ สั่งให้เธอถ่ายรูปทรัพย์สินทั้งหมดที่ทั้งภาพสมุดบัญชี ทองรูปพรรณ รวมถึงรูปบ้าน เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ก่อนที่วันต่อมาคนร้ายจะให้ตนโอนเงินเข้าบัญชีโดยปลายทางเป็น บัญชีบริษัท



คุณป้านงคราญ ตั้งข้อสังเกตว่า แต่ละสายที่โทรศัพท์เข้ามา พยายามหลอกถามข้อมูล และจดหมายที่คนร้ายส่งมาให้ดูก็จะมีตราประทับของทางราชการ และเมื่อคุยอะไรกับคนร้ายเสร็จ คนร้ายก็จะให้ลบข้อความใน LINE ออกทั้งหมด พร้อมข่มขู่ไม่ให้บอกคนในครอบครัวเพื่อนบ้านหรือคนรอบตัว เพราะเดี๋ยวข้อมูลจะหยุดรอดออกไป



คุณป้าบอกว่าเงินก้อนแรกที่โอนไป 700,000 บาทเป็นเงินเก็บตลอดชีวิต และเงินเกษียณของสามีด้วย ส่วนเงินอีก 500,000 กว่าบาทที่โอนไปนั้น ก็มาจากการที่ตนเองเอาทองที่เก็บหอมรอมริบ 11 บาท 50 สตางค์ ไปจำนำ ซึ่งได้เงินมา 485,200 บาท และคนร้ายให้นำไปรวมกับเงินที่ค้างอยู่ในบัญชีอีกประมาณ 50,000 กว่าบาท ซึ่งเป็นเงินทั้งชีวิตที่เก็บของรีบมา



และตอนที่โอนไปปลายทางเป็นบัญชีบริษัทตนเองก็ยังถามย้ำไปที่ปลายสาย แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์บอกว่าจะตั้งชื่อเป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้ ก็เลยต้องโอนเข้าบัญชีของ หจก. ไปก่อน และบอกย้ำว่าไม่ต้องเป็นห่วงได้คืนแน่



นอกจากนี้ ก่อนที่ตนเองจะบอกเรื่องราวกับทางครอบครัวว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก วันศุกร์ที่ 24 มกราคม คนร้ายได้นัดหมายให้ ให้ไปรับเช็คเงินคืนที่ สภ. ปากเกร็ด ตนเองก็นั่งแท็กซี่ไปแต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้ จนในที่สุดถึงรู้ตัวว่าถูกหลอก และพอจะแจ้งความก็ต้องกลับไปแจ้งท้องที่เกิดเหตุคือที่ สภ.เมืองปทุมธานี



ยอมรับว่าหลังจากเกิดเหตุ ตนเองเกือบจะคิดสั้น ซึ่งคุณยาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า มันรู้สึกสุดๆ สงสารทั้งลูกและสามี สงสารตัวเองหาเงินมา ก็ให้คนอื่นเอาไป ตอนแรกบอกกับลูกว่าแม่อยากตาย ลูกก็เลยบอกมาว่าแม่ตายลูกก็ตาย ก็เลยคิดได้และไม่ทำแบบนั้น เสียเงินไปแล้ว ไม่ควรตายกับเรื่องแบบนี้



ส่วนตัวยอมรับว่าไม่คาดหวังว่าจะได้เงินคืน แต่อยากให้หน่วยงานหาบุคลากรมาเพิ่มเวลามีเรื่องก็ขอให้ตรวจสอบให้ดี



ด้านคุณมะปราง ลูกสาวของผู้เสียหาย บอกว่า คุณแม่ไม่กล้าบอกใครเลยซึ่งตนมาทราบในวันศุกร์ที่ 24 มกราคม โดยรู้จักญาติ ตอนนั้นตกใจจนมือสั่นไปหมด



ซึ่งพอไปตรวจสอบสลิปการโอนของแม่ก็พบว่าบัญชีปลายทางเป็นบัญชีของ หจก. 1986 อมุนดิ สมาร์ท จำกัด ซึ่งตรวจสอบไปที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่ายังดำเนินการอยู่ วันนี้ตนเองจึงติดต่อไปที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าเวลาจะจดบริษัทได้มีการตรวจสอบหรือไม่ ทั้งเอกสารข้อมูลและความน่าเชื่อถือ ซึ่งก็บอกว่ามีการตรวจสอบตามเอกสารหากเอกสารครบหมด ตนเองจึงได้ติ่งไปว่าต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนเพราะอาจจะทำให้คนหลงเชื่อได้



ทั้งนี้ตนเองเป็นห่วงความรู้สึกของคุณแม่ เพราะว่าคุณแม่เป็นโรคแพนิคอยู่แล้ว มีร้องไห้และมีทำร้ายตัวเอง คุณมะปรางร้องไห้แล้วบอกว่าตอนที่แม่คิดสั้น ตนบอกกับแม่ว่าถ้าแม่ไม่อยู่ หนูก็อยู่ไม่ได้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์เล่นกับความเชื่อใจ และทำให้คนกลัว อยากได้เงินทำไมไม่ทำงาน ทำไมต้องมาหลอกลวง และเป็นคนไทยด้วยกัน ก็เป็นคนเหมือนกัน ทำไมไม่ทำงานที่มันสุจริต ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน



ทั้งนี้มีญาติของตนไปตรวจสอบที่อยู่ ตามที่ตั้งบริษัทด้วย ซึ่งพบว่าเป็นบ้านของทหารเกษียณ ที่ไม่รู้เรื่องอะไร และก็จะไปลงบันทึกประจำวันแจ้งความ เลยทำให้ตั้งข้อสังเกตว่า ที่กรมการพัฒนาธุรกิจการค้าบอกว่าจะมีการตรวจสอบก่อนจะอนุมัตินั้น มีการตรวจสอบละเอียดหรือไม่



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/aLKtENWDi_4

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ