สังคม

ดับสลด! หญิงคลอดลูกแฝด ตกตึก รพ.ชั้น 18 ญาติไม่รู้เหตุจูงใจ ไม่กล้าบอกหลานว่าแม่เสียชีวิต

27 ม.ค. 2568

844 views

เกิดเหตุสลด หญิงคลอดลูกแฝด อยู่ระหว่างพักฟื้น กระโดดตึกโรงพยาบาลสูง 18 ชั้น เสียชีวิต ญาติไม่ทราบมูลเหตุจูงใจ ยังไม่กล้าบอกหลานว่าแม่เสียชีวิต เพื่อนสนิท เชื่อผู้ตายเครียดลูกฝาแฝดไม่ค่อยแข็งแรง

โดยก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ภาพวงจรปิดภายในโรงพยาบาล จับภาพผู้เสียชีวิตเดินวนไปมา คาดว่าจะเดินมาดูที่หน้าต่างริมลิฟ์ที่ชั้น 8 ก่อนที่จะเดินเข้าทางบันไดหนีไฟขึ้นมาบนชั้น 18 เพียงคนเดียว และได้กระโดดตรงหน้าต่าง

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 18 ชั้น อยู่ด้านหลังโรงพยาบาล ร่างไปตกอยู่ที่นอกระเบียงชั้น 2 ตึกใหม่ โรงพยาบาลปทุมธานี และใช้ผ้าขาวห่อร่างที่ไร้วิญญาณไว้

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปทุมธานี พร้อมแพทย์นิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม และอาสาร่วมกตัญญู ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิต คือ นางสาวสายสุนีย์ อายุ 36 ปี เป็นชาวอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ สภาพศพยังสวมชุดคนไข้ของโรงพยาบาล พบสภาพร่างแหลกเหลว แขนขาหัก

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่เล่าว่า ผู้เสียชีวิตมาคลอดลูกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นลูกฝาแฝด เพศหญิง โดยทำการผ่าคลอดก่อนกำหนดเมื่อวันที่ 22 มกราคม และเพิ่งนำลูกแฝดมารักษาด้วยอาการธาลัสซีเมีย เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ห้องธาลัสซีเมีย (เกี่ยวกับโลหิตจาง) ที่ชั้น 8

ก่อนหน้านี้ทราบว่าผู้เสียชีวิตมีอาการเครียด เพราะหลังคลอดได้มีเพื่อนบ้านมาเยี่ยมเล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ผู้ตายมีปัญหาครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูกกับสามีคนแรก 2 คน แต่แยกทางกัน แล้วมามีสามีใหม่ มีลูกแฝด ร่างกายไม่แข็งแรง ทำให้ผู้เสียชีวิตเครียดเรื่องการดูแลลูก

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่นำร่างส่งนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม เพื่อชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ และจะประสานญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป

ขณะที่ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ห้องเช่าของผู้เสียชีวิต ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตำบลบางพูด อำเภอเมืองปทุมธานี โดยมีเจ้าหน้าที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี ลงพื้นที่มา เพื่อพาลูกชาย อายุ 6 ขวบ และลูกสาว อายุ 11 ขวบ ของผู้ตาย ที่กลับจากเลิกเรียน เพื่อไปที่โรงพยาบาล

โดยเมื่อช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมงกว่ากว่า ทางญาติได้ไปรับเด็กกลับมาจากโรงเรียน ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ พมจ.ปทุมธานี จะเข้าไปสื่อสารและพูดคุยกับเด็ก เพื่อนำตัวไปโรงพยาบาล และให้ญาติที่ใกล้ช้ดเป็นคนแจ้งเด็กทั้ง 2 คน

ทีมข่าวได้คุยกับญาติห่างๆ ของผู้ตาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นยายของผู้ตาย เล่าว่า ตนเองเป็นคนมารับหลานและจะพาไปโรงพยาบาล ตนเองยังไม่กล้าบอกหลาน ส่วนมูลเหตุในการก่อเหตุ ตนเองไม่ทราบ เพราะที่ผ่านมาผู้ตายก็ไม่เคยมาเล่าอะไรให้ฟัง

แล้วตอนเดือนธันวาคมช่วงก่อนปีใหม่ก็ยังกลับบ้านเพชรบูรณ์ด้วยกัน พร้อมกับหลานหลานชายและหลานสาว ซึ่งตอนนั้นผู้ตายยังตั้งครรภ์อยู่ประมาณเจ็ดเดือน ทุกอย่างก็ดูปกติ ไม่มีสัญญาณอะไร ยังพูดคุยกันตามปกติ หัวเราะ ตอนนี้พอทราบข่าวก็รู้สึกใจหาย ไม่กล้าบอกหลาน

ขณะที่ทีมข่าวได้คุยกับป้านิด เพื่อนบ้านของผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายอยู่อาศัยกับลูกชาย และ ลูกสาว 2 คน ซึ่งผู้ตายดูแลลูกดีมาก

เดิมผู้ตายทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่พอตั้งครรภ์แก่ก็เซ็นออกจากงาน และที่ผ่านมาผู้ตายก็ไม่เคยมาบ่นว่าเครียดเรื่องอะไร และหลังจากว่างงาน ผู้ตายก็มารับจ้างเสียบไก่ 100 ไม้ 80 บาท หรือ ล้างจาน

พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้รู้สึกกังวลแทนเด็กๆ ตอนไปเจอเด็กๆ ทั้ง 2 คน ก็ไม่กล้าบอก เป็นห่วงความรู้สึก จึงทำเฉไฉถามเด็กๆ ไปว่า จะกลับบ้านหรือยังลูก รู้สึกสงสารเด็ก และอยากให้หน่วยงานมาดูแลน้องต่อ เพราะเด็กทั้ง 2 เป็นเด็กดี เรียนดี

นทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์กับคุณกวาง เพื่อนสนิท ที่เป็นคนไปเยี่ยมผู้ตาย และอาศัยอยู่ข้างห้อง เล่าว่าเจ้าตัวไม่ได้บ่นปัญหาอะไรฟัง เพราะไม่ค่อยพูด แต่ผู้ตาย เคยบ่นกับตนเองว่าเป็นห่วงลูกที่อยู่ที่บ้าน ส่วนประเด็นที่ก่อเหตุ อาจเป็นไปได้ว่า เครียดเรื่องที่ลูกสาวฝาแฝดสองคน ที่ยังไม่ค่อยแข็งแรง และเมื่อคืนยังอาเจียน ต้องเข้าตู้อบอีก

ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ตัวผู้ตายไม่ได้โทรหาตนเอง แต่ทราบว่าได้โทรหาลูกชาย ที่อยู่ที่บ้านแล้วร้องไห้ ส่วนเรื่องของการจัดการศพก็จะมีการรับศพในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้มีข้อมูลว่า ผู้เสียชีวิต แยกทางกับสามี ที่เป็นพ่อของลูกวัย 11 และ 6 ขวบ ส่วนพ่อของเด็กแฝด ไม่ได้อยู่ด้วยกัน (ติดคุก)

ล่าสุดมีรายงานว่า เด็กทั้งหมดน่าจะถูกส่งไปอยู่กับญาติที่เพชรบูรณ์ ส่วนรายละเอียดต้องรอญาติหารือกัน



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/35-VlrmDyRo

คุณอาจสนใจ