'ชาล็อต' มีลุ้นได้เงินคืน ตร.ตามอายัดได้แล้ว 8 แสน จ่อขยายผลหลังจับเจ้าของบัญชีม้า

ตำรวจ สอท.เร่งขยายผลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังจับกุมเจ้าของบัญชีม้า ซึ่งผู้ร่วมขบวนการ หลอกให้ ชาล็อต ออสติน โอนเงินรวม 4 ล้านบาท พบเส้นทางการเงิน ถูกต่อไปบัญชีม้าแถว 2 และ 3 ก่อนโอนแปลงไปเป็นเงินดิจิทัล แล้วโอนต่อไปยังชาวจีน ล่าสุดมีแนวโน้ม ได้เงินคืนให้ชาล็อต



โดยการจับกุมบัญชีม้าครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน หลังจากที่นางสาว ชาล็อต ออสติน ได้โอนเงินรวม 4 ล้านบาท ไปยังบัญชีของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และพบว่าหลังจากโอนเงินไปแล้ว ก่อนที่คนร้ายจะโอนเงิน 4 ล้านบาท ต่อไปยังบัญชีม้าแถว 2 และแถว 3



โดยเมื่อวาน พลตำรวจโทไตรรงค์ได้แถลงผลการจับกุมเจ้าของบัญชีม้า คือ นางสาวปาริฉัตต์ อายุ 40 ปี ที่นางสาวชาล็อต โอนเข้าบัญชี หลังจากพบว่า นาวสาวปาริฉัตต์ ได้เปิดบัญชี ก่อนวันที่นางสาวชาล็อตจะถูกหลอกให้โอนเงิน และได้เดินทางออกนอกประเทศเพื่อสแกนใบหน้า จึงไปจับกุมได้ที่ บริเวณบ้านหนองไผ่ล้อม ต.หนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ



จากการสอบปากคำเบื้องต้น อ้างว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา สามีของผู้ต้องหา บอกว่ามีงานพิเศษให้ทำ เป็นการเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับรายได้ มีค่าตอบแทนให้บัญชีละ 3,500 บาท ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าไม่รู้มาก่อนว่าการรับจ้างเปิดบัญชีมีความผิด และตกลงรับงาน และแยกย้ายกันไปเปิดบัญชี



ต่อมา มีผู้ที่จ้างเปิดบัญชี เดินทางมาที่บ้านของผู้ต้องหาเพื่อถ่ายรูปสมุดบัญชีธนาคารที่เปิดใหม่ และแจ้งว่าทั้งผู้ต้องหา และสามีจะต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชา 2 วัน



จากนั้น ก็มีรถแท็กซี่มารับตนเอง จากจังหวัดนนทบุรี ไปยังตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งในรถมีคนอื่นที่รับจ้างเปิดบัญชีเดินทางไปด้วย



พอไปถึงก็มีรถจักรยานยนต์รับไปส่งที่จุดข้ามแดนใกล้ตลาดโรงเกลือ และต้องเดินเท้าประมาณ 5-10 นาที ผ่านเส้นทางธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นที่รกร้าง และต้องข้ามลำน้ำขนาดเล็ก แพโฟมชักรอกข้ามลำน้ำ โดยมีประมาณ 2-3 คน ช่วยพาข้ามแดน เมื่อข้ามไปแล้วมีรถตุ๊ก ๆ มารับไปส่งยังตึกแถวแห่งหนึ่ง ซึ่งมีคนไทยประมาณ 15-20 คนอาศัยอยู่



ในอาคารนั้น มีการสร้างห้องจำลองเป็นเจ้าหน้าที่ DSI เพื่อหลอกประชาชน และมีชาวจีนประมาณ 3-4 คน เป็นผู้ควบคุม อาศัยอยู่ด้วย และมียามคอยสแกนนิ้วเปิด-ปิดประตูเข้าออกตลอดเวลา มีโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์



พอไปถึง บอสชาวจีนสั่งลูกน้องให้ยึดบัตรประชาชน และสมุดบัญชีธนาคาร และโทรศัพท์มือถือ พร้อมให้บอกรหัส Mobile Banking ในการทำธุรกรรมแอปฯ ธนาคาร



ตลอดเวลาที่อยู่อาคารดังกล่าว ทุกคนโดนขังอยู่ในห้องปิดม่านทึบ และจะถูกเรียกตัวทีละคนไป สแกนหน้าผ่านแอพพลิเคชัน Mobile Banking ที่ได้ลงทะเบียนไว้ โดยแสกนวันละอย่างน้อย 1 รอบ หรือมากกว่านั้น และมีการจ่ายค่าจ้างเป็นเงินสดให้กับผู้ที่สแกนเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งนางสาวปาริฉัตต์ อ้างว่าได้รับเงินจำนวน 14,000 บาท หลังรับเงินก็ถูกส่งตัวกลับประเทศไทยผ่านช่องทางเดิม และกลับมาทำงานอาชีพแม่บ้าน และใช้ชีวิตปกติ



ขณะที่ล่าสุด มีรายงานว่า ตำรวจตรวจสอบและอายัดเงินได้ 7-8 แสนบาทแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบหากเสร็จสิ้นอาจจะสามารถคืนเงินให้ชาล็อตได้



ทั้งนี้ ยังพบว่าคนร้ายกลุ่มนี้ มีความเชื่อมโยงกับเคสไอดีที่เคยแจ้งความไว้ในระบบแจ้งความออนไลน์หลายคดี และจากการขยายผล พบว่ามีอดีตนางงามมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ อักษร ย่อ อ. ก็ถูกขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์ข่มขู่ในลักษณะคล้ายกับของ นางสาวชาล็อต จนสูญเงินไป 3,795,140 บาท เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวมถึงมีผู้เสียหายที่เป็นคนดัง กลุ่มคนมีชื่อเสียงตกเป็นเหยื่อคนร้ายกลุ่มนี้จำนวนมากกว่า 100 เคสไอดี



ขณะเดียวกัน ทางคุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล ระบุเมื่อวานนี้ว่า ผู้ต้องหาน่าจะไม่ใช่แค่บัญชีม้า แต่เป็นผู้ร่วมขบวนการ เพราะมีหลักฐานการออกไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสแกนหน้าเข้า-ออกหลายรอบ



บางช่วงคุณณวัฒน์ บอกว่า มิจฉาชีพนำเงินไปเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดิจิทัล เบื้องต้นมี 1 เส้นเงินที่ถูกอายัดแล้ว และบอกว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่า องค์กรที่เปลี่ยนเงินสดให้เป็นเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะฉะนั้นให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย คุณณวัฒน์ บอกว่า ยังไม่พูดชื่อสถาบัน แต่หากยังไม่ให้ความร่วมมือ หรือไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้ วันที่ 20 ธันวาคมนี้ จะพูดชื่อสถาบันแบบชัดเจนพร้อมหลักฐาน ดังนั้นแอปพลิเคชันหรือสถาบันที่ขึ้นต้นด้วยตัว "B" กรุณารับผิดชอบด่วนที่สุด



ขณะเดียวกัน ยังฝากไปถึงสถาบันการเงินที่รับเงินจากบัญชีผู้ต้องหาให้รีบออกมารับผิดชอบเพราะถือว่าเข้าข่ายรับของโจร



รวมถึงธนาคารด้วย หลังจากนี้เตรียมจะฟ้องเหมือนกัน เพราะแอปพลิเคชันเป็นของแบงก์ ย้ำว่าเคสนี้ธนาคารอย่างน้อยๆ ต้องจ่าย 50% อีกทั้งกฎหมายมีการลงโทษธนาคารในเคสที่ผ่านมา

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/nftBRG4v68k