สังคม

'ทนายตั้ม' โผล่กองปราบ แจงคดี 'เจ๊อ้อย' ยันไม่เคยหลอกลวง จี้สื่อบางสำนักหยุดคุกคาม

โดย panisa_p

6 ชั่วโมงที่แล้ว

29 views

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา "ทนายตั้ม" มาขอเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม หลังเงียบหายไปหลายวันจนหลายคนสงสัยว่ายังอยู่ในไทยหรือไม่? เพราะคาดว่าจะโดนหมายจับ หลังมีตำรวจไปตามเฝ้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืน



เมื่อเวลา 09.50 น.นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ก็เดินทางที่กองบังคับการปราบปราม ในชุดสูทสีครีม ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ไม่ได้แจ้งสื่อล่วงหน้า ทันทีที่มาถึงสื่อก็ถามทนายตั้มทันทีว่า หายไปไหนมา เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้หายไปไหน อยู่บ้าน



ก่อนจะให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่มากองปราบวันนี้ว่า เพราะถูกตำรวจกองปราบปราม 6 นาย ใช้รถยนต์ 3 คัน ตามไปเฝ้าหน้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืน พอเดินเข้าไปถามว่ามาทำอะไร ตำรวจก็บอกว่าไม่ได้มาเฝ้า ตอนเช้า 7 โมง ตำรวจก็มาเฝ้าอีก ทนายตั้มก็เดินเข้าไปคุยอีก ว่าจะเข้ากี่โมงครับ เพราะต้องไปส่งลูกที่โรงเรียน เลยบอกไปว่าถ้าจะมาค้นก็เข้าเลย ไม่ต้องรอ และตำรวจไม่ต้องมาเฝ้าไม่ได้ไปไหนอยู่ที่บ้านตลอด ก่อนที่ทนายตั้มจะเดินกลับเข้าบ้าน พอกลับออกมาก็พบว่าตำรวจที่มาเฝ้าหายไปหมดแล้ว



จากนั้นก็เริ่มพูดถึงชนวนปัญหาระหว่าง นาง จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย กับตัวเขา เรื่องเงิน 71 ล้าน 39 ล้าน และรถเบนซ์ที่โดนกล่าวหาว่าเอาไปให้กลุ่มจีนเทาเช่า ทนายตั้มยืนยันว่าสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น อย่างเรื่องรถเบ็นซ์ จี 400 AMG พรีเมี่ยม เป็นชื่อของเจ๊อ้อย แล้วทนายตั้มจะเอารถไปเข้าไฟแนนซ์ได้อย่างไร และเขาได้ครอบครองรถคันนี้แค่ไม่กี่เดือน เจ๊อ้อยก็เอารถคืนไป ไม่เคยเอาไปให้กลุ่มจีนเทาเช่าด้วย



เรื่องเงิน 39 ล้านบาท ยืนยันว่า ไม่ได้ร่วมกับอีก 2 คนมาหลอก และข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อมวลชนนั้น เป็นหนังคนละม้วนกัน เรื่องนี้เริ่มจาก เจ๊อ้อย ชอบดาราจีนคนหนึ่ง ไปกดฟอลโล่ในอินสตราแกรม แล้วมีคนทักมาอ้างว่าเป็นดาราจีนคนนี้ คุยกันมานาน จนเจ๊อ้อยเชื่อว่าเป็นตัวจริง จะติดต่อให้มาไทยเพื่อออกงาน ทางนั้นก็บอกว่าต้องโอนเงินมา แต่ให้โอนเป็นบิทคอยน์ ทนายตั้มบอกว่าทำไม่เป็นเลยให้น้องที่รู้จัก ชื่อ "นุ" เป็นคนโอน พอโอนก้อนแรกคนที่อ้างว่าเป็นดาราก็บอกว่ายังมาไม่ได้ ต้องโอนเงินเพิ่ม ทำให้เขาสงสัยว่าน่าจะเป็นพวกสแกรมเมอร์ ยังปรึกษากับเลขาเจ๊อ้อยเลย เคยห้ามเจ๊อ้อยแล้ว แต่เจ๊อ้อยกลับบอกว่า "มันเป็นเงินของพี่ พี่จะโอนให้ใครมันก็คือเงินของพี่" สุดท้ายก็โอนไปรวมแล้ว 39 ล้านบาท



ส่วนเงิน 71 ล้าน ทนายตั้มถามว่า ที่เรียกเจ๊อ้อยมาสอบปากคำตั้งหลายครั้ง เพราะการให้ปากคำไม่ตรงกับพยานหลักฐานที่มีหรือเปล่า วอนตำรวจอย่าให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือ เนื่องจากข้อมูลที่เจ๊อ้อยบอกมา ไม่ตรงกับความจริงเลย ตอนนี้พร้อมที่อยากจะเปิดหลักฐานต่างๆ ทั้งการโอนเงิน แชทไลน์ และพยานบุคคล ให้กับพนักงานสอบสวนพิจารณา และจนถึงวันนี้ยืนยันว่า เงิน 71 ล้าน เป็นการให้โดยสเน่หา ไม่ได้ฉ้อโกงแน่นอน



กรณีที่ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ออกมาบอกว่า มีเขางอกบนหัว ทนายตั้มบอกว่า คนที่มีพฤติกรรมเขางอกที่หัว เป็นเพราะเมียมีชู้ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ทนายคนอื่นฟังด้วย



นอกจากนี้ทนายตั้มยังพาดพิงถึงสื่อช่องหนึ่งที่ไปคุกคามเขาถึงบ้าน ไปคุยกับเพื่อนบ้าน ตามไปถึงหน้าบ้าน สุดท้ายต้องปิดเบอร์มือถือที่เคยใช้ไป เพราะโดนตามคุกคามอย่างหนัก และในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ยังปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อบางสำนักด้วย ก่อนจะเดินเข้าไปให้ข้อมูลกับตำรวจ



สื่อได้ถามทนายตั้มว่า ที่เคยบอกว่า 3 คน ที่ไม่แตะ แต่ปรากฏว่าแตะไปแล้ว 2 คน ทนายตั้มก็บอกว่า แตะไปแล้ว 2 คน คือ คุณชูวิทย์ และคุณ สนธิ เพราะต้องปกป้องชื่อเสียงตัวเอง ไม่ต้องเชื่อเขา แต่ให้เชื่อในพยานหลักฐาน



จากนั้นทนายตั้มเข้าไปลงบันทึกประจำวันที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยใช้เวลาแค่ 15 นาที จากนั้นกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่ออีก บอกว่าขอให้รักษากฎระเบียบด้วย เบื้องต้นตำรวจได้นัดวันเข้ามาให้ปากคำแล้วจะแจ้งนักข่าวอีกครั้ง



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/nUQuPdeyigI

คุณอาจสนใจ

Related News