เปิดใจ 2 แม่ลูก เหตุรถกู้ชีพชนรถเมล์ ทำเจ็บรวม 7 ราย ยันรถเปิดไซเรนตลอดทาง ขอไม่เอาเรื่องใคร

ความคืบหน้ากรณีรถกู้ชีพฝ่าไฟแดงที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วชนกับรถเมล์ จนรถกู้ชีพพลิกคว่ำ มีผู้บาดเจ็บ 7 คน 1 ในนั้นคือผู้ป่วย ทีมข่าวได้เปิดใจคุยกับผู้ป่วยและญาติที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว



ย้อนกลับไปช่วงเกือบบ่ายโมงวานนี้ (13ส.ค.67) เกิดอุบัติหตุรถกู้ชีพศูนย์เอราวัณ ซึ่งกำลังนำตัวสิบตำรวจเอกหญิง กำไล มากทอง อายุ 33 ปี ตำรวจฝ่ายอำนวยการ สน.บางโพ ส่งโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากอาการแน่นหน้าอก ถูกรถเมล์ปรับอากาศสาย 36 ชนเข้าอย่างจังกลางคัน ทำให้รถกู้ชีพเสียหลักพลิกตะแคง คนในรถ 7 คนเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาล 5 คน ผู้ป่วย และญาติ ได้รับบาดเจ็บ



กล้องวงจรปิดในรถพยาบาลจะเห็นว่า ขณะเกิดเหตุคนในรถไม่มีใครได้ตั้งตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ก่อนที่พยาบาลจะตั้งสติได้ แล้วรีบช่วยคนเจ็บที่ตกลงไปอยู่ด้านล่างออกมาจากตัวรถ



ซึ่งอุบัติเหตุในครั้งนี้ พันตำรวจเอกวัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ สน.พญาไท บอกว่า จากการดูกล้องวงจรปิด ทางรถกู้ชีพฝ่าสัญญาณไฟแดงจริง แต่มีเหตุฉุกเฉินที่ต้องส่งผู้ป่วย และเปิดสัญญาณไฟบนหลังคาแล้ว แต่กรณีต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่า ตอนที่รถกู้ชีพพุ่งออกมาได้ทันระวังรถเมล์ที่ได้สัญญาณไฟเขียวหรือไม่ และผู้ป่วยอยู่ภาวะวิกฤติหรือเปล่า แต่จากคำให้การของเจ้าหน้าที่ ระบุว่า ผู้ป่วยที่กำลังนำส่งโรงพยาบาลตำรวจมีภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ



ทีมข่าวจึงเดินทางไปสอบถามกับ 1 ในผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ คือ นาง เรณู มากทอง อายุ 68 ปี แม่ของ สิบตำรวจตรีหญิง กำไล บอกว่า ช่วง 8 โมงเช้าวานนี้ (13ส.ค.67)ลูกสาวมีอาการแน่นหน้าอก จากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ตอนแรกเธอกับลูกจะนั่งรถเมล์ไป แต่อาการลูกไม่ไหวจึงเรียกรถกู้ชีพเอราวัณ เมื่อมาถึง เจ้าหน้าที่ก็ดูแลดี ตรวจวัดคลื่นหัวใจ ให้น้ำเกลือ และแม่ยืนยันว่า ตลอดเส้นทางทางรถกู้ชีพเปิดเสียงไซเรนมาตลอด เมื่อถึงที่เกิดเหตุจำได้ว่าเป็นทางโค้งแล้วทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนนั้นแม่นั่งท้ายรถกู้ชีพ วินาทีแรกที่เห็นหลังเกิด พยายามมองหาแต่ลูก และเมื่อไม่ได้ยินเสียงลูก ก็คิดว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่นอน จนเธอตั้งสติได้ก็เห็นเปลลูกกลิ้งเทมาด้านข้างรถ ส่วนเธอถูกโครงเหล็กทับมาที่ขา และศีรษะกระแทกกับรถ จากนั้นมีคนเข้ามาช่วย ถึงรู้ตัวว่าขาหัก



เมื่อนักข่าวสอบถามถึงค่ารักษาพยาบาล นาง เรณู บอกว่า ทางศูนย์เอราวัณเข้ามารับผิดชอบ ส่วนการฟ้องร้องเอาผิด นางเรณู บอกว่าไม่ได้อยากเอาผิดใคร ไม่อยากให้เป็นคดีความ ขอเพียงแค่ช่วยรักษาเธอและลูกจนหายก็พอ และยังรู้สึกผิดที่เป็นคนเรียกรถกู้ชีพให้มารับแล้วไปเกิดอุบัติเหตุ



ส่วนสิบตำรวจเอกหญิง กำไล บอกถึงอาการบาดเจ็บของตัวเองว่า ศีรษะแตก แน่นหน้าอก และเจ็บตามร่างกาย แต่หมอไม่ได้ให้แอดมิดเพราะเตียงเต็ม ส่วนแม่หมอแจ้งว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่มารู้ภายหลังว่า แม่จะต้องผาตัดที่ขา ก็สงสัยว่าทำไมไม่ให้แม่นอนดูอาการ ซึ่งเธอรู้สึกผิดและเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุพาแม่ไปเจ็บตัว



จากนั้นผู้อำนวยการเขตเดินรถที่ 4 และเจ้าหน้าที่ พร้อมนาย สมศักดิ์ งามสมพล พนักงานขับรถเมล์ เดินทางมาเยี่ยม และมอบเงินเยียวยาพร้อมสอบถามอาการ โดยนายสมศักดิ์ ได้เข้าไปไหว้ขอโทษนายเรณูและลูกสาว ซึ่งนางเรณูก็บอกว่าไม่เป็นไร มันเป็นอุบัติเหตุ



สำหรับกรณีนี้ทางตำรวจจะนัดเจรจากับคู่กรณีทั้ง 3 ฝ่าย คือ รถกู้ชีพ รถเมล์ และผู้ป่วยที่อยู่ภายในรถ แต่ต้องรอให้พร้อมและหายจากอาการบาดเจ็บกันก่อน

https://youtu.be/r63F3j94Hy4