'ทนายตั้ม' ขอโทษปชช. เอาผิด 'บิ๊กต่อ' ไม่ได้ ลั่นประเทศเดียวในโลกผบ.ตร.เอี่ยวฟอกเงิน

ทนายตั้ม แถลงยกมือไหว้ขอโทษประชาชน ทำภารกิจเอาผิดบิ๊กต่อไม่สำเร็จ หลังได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. เชื่อตัวเองจะต้องถูกเช็กบิลคนแรกแน่



การแถลงข่าววันนี้เริ่มขึ้นตอนบ่ายโมง ที่โรงแรมบางกอกมิดทาวน์ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ บอกว่า หลังจากทราบว่าจะมีคำสั่งให้ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล กลับมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็คิดว่า จะต้องถูกเช็กบิลเป็นคนแรกๆ เพราะวันนี้ "เขาได้กลับมาแล้ว เขามีอำนาจในการสั่งการตำรวจทั่วประเทศ"



ทนายตั้ม บอกต่อว่า ตอนนี้ประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่มี ผบ.ตร.เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน แต่ไม่รู้ว่าที่เคยไปแจ้งความไว้จะมีใครกล้าดำเนินการต่อไหม ทั้งที่เรื่องนี้มีหลักฐานว่า มีการรับส่วยจริง โดยได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม มีทั้งเส้นทางการเงินจากเว็บพนัน 18 ธุรกิจเดือนละหลายล้านบาท และยังมีทรัพย์สินที่ตรวจสอบที่มาไม่ได้ ทั้งรีสอร์ตที่ปากช่อง / บ้านไม้สักทองที่ปากช่องมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท / และบ้านที่ประเทศอังกฤษอีก เคยร้องเรียนไปถึง 4 หน่วยงาน ทั้งสน.เตาปูน / คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) / บก.ปปป. / และ ปปง. ก็ไม่ได้มีการขยับเท่าที่ควร ตอนนี้ทราบข่าวมาว่ามีความพยายามจะขายบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว แต่ทาง ปปง. ยังไม่มีการเรียกสอบเลย



แม้แต่คณะกรรมการฯ ของนายกรัฐมนตรี เขาไปให้ข้อมูลมาถึง 3-4 ครั้ง และยังมีสายลับที่เป็นคนเก็บเงินจาก 18 ธุรกิจที่มีเส้นทางการเงินไปถึงบิ๊กต่อและภรรยา ที่เสียสละเสี่ยงตายไปให้ข้อมูลด้วย แต่ก็นิ่ง ดังนั้นแถลงข่าวในวันนี้ เพราะอยากจะมาขอโทษประชาชน ขอโทษที่ทำภารกิจนี้ให้ประชาชนไม่สำเร็จ



ยืนยันพยายามทำทุกสิ่งที่ประชาชนคนหนึ่งจะทำได้แล้ว และไม่จบแค่นี้ จะเดินหน้าติดตามทุกคดีที่ร้องเรียน และที่พลตำรวจเอก วินัย ทองสอง 1 ในคณะกรรมการของนายกฯ เคยบอกกับเขาไว้ว่า ไม่มีใครสามารถเอามือไปปิดแผ่นฟ้าได้ แต่ตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าปิดอยู่เต็มๆ



ทนายตั้ม ยังบอกด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีหลายดีลมากที่พยายามติดต่อมา บอกว่าทั้งบิ๊กโจ๊กและบิ๊กต่อจะได้กลับมาตำแหน่งเดิมทั้งคู่ และตัวทนายตั้มจะได้รับการดูแล ซึ่งในความเข้าใจ คือ ให้เงินให้ทอง แต่เขาได้ปฏิเสธไป พร้อมบอกว่า ทำในฐานะทนายประชาชน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบิ๊กโจ๊ก แต่เป็นเรื่องของประเทศชาติบ้านเมือง ผิดต้องว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก



แต่คดีนี้มีความสองมาตรฐานอยู่แล้ว อย่างการดำเนินคดีกับบิ๊กโจ๊ก ใช้เวลาไม่นานก็มีการแจ้งข้อกล่าวหา และส่ง ป.ป.ช. แต่ของบิ๊กต่อ ไม่ขยับไปไหนเลย ทั้งที่เรื่องก็ตั้งต้นจากเว็บบีเอ็นเคมาสเตอร์เว็บเดียวกัน ก็น่าจะสามารถทำต่อได้เลย ถ้าจะบอกว่าเอกสารที่เคยยื่นไปไม่น่าเชื่อถือ ก็สามารถขอจากธนาคารเองโดยตรงได้ หรือจะดำเนินคดีว่าเขายื่นเอกสารเท็จก็ได้



แล้วที่นายวิษณุยืนยันว่า ในเรื่องของคดีความ เป็นอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานที่จะทำหน้าที่รับผิดชอบตรวจสอบต่อไป เพราะคณะกรรมการฯ ของนายกรัฐมนตรีตรวจสอบเรียบร้อยแล้วนั้น เป็นแค่การพูดง่ายๆ คิดว่าตำรวจเหล่านี้จะกล้าดำเนินคดี กับผู้บังคับบัญชาเหรอ แล้วการที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โยนกลับไปว่า ตรวจสอบเสร็จแล้ว มีการทะเลาะกันจริง แต่ให้แยกย้ายไปทำงานต่อ คิดว่าเจ้าหน้าที่จะอึดอัดแค่ไหนในการทำคดี การพูดแบบนี้ถือเป็นการลอยตัวเหนือปัญหา ส่วนตัวเชื่อว่าคำสั่งของนายกรัฐมนตรี มันเป็นดีล ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง



เมื่อถามว่า การที่ทางกฤษฎีกาตีกลับผลสอบบิ๊กโจ๊ก และให้ออกจากราชการไว้ก่อน กลับไปแก้ไขใหม่ เนื่องจากไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าเป็นธรรมหรือไม่ ทนายตั้ม ระบุว่า ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมได้ส่วนหนึ่ง แต่ความเป็นธรรมจริงๆ คือต้องให้บิ๊กโจ๊กได้กลับไปตำแหน่งเดิม และในเรื่องนี้ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร หรือ บิ๊กต่าย รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ผิดเต็มๆ ให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อน โดยไม่ทำตามขั้นตอน คาดว่าหลังจากนี้บิ๊กโจ๊กน่าจะมีการดำเนินคดีกับบิ๊กต่าย เพราะคนอย่างบิ๊กโจ๊กใครทำเขา เอาคืนอยู่แล้ว และบิ๊กต่อก็ไม่สามารถช่วยได้



สุดท้ายของการแถลงทนายตั้มยืนยัน ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ทุกอย่างทำไปตามพยานหลักฐาน และการที่ออกมาแถลงข่าวไม่ได้เกี่ยวกับการลงสมัคร สว. เพราะจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็น ขึ้นอยู่กับอำนาจวาสนาด้วย แต่ก็ยอมรับว่ามีขบวนการสกัดกั้นไม่ให้เขาเข้าไปมีอำนาจทางการเมืองจริง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/EFxqvVd0qCU