สังคม
'บิ๊กโจ๊ก' เผยหลังสอบ 'ลุงเปี๊ยก' ชี้รูปยัน 'ตร.ขาพิการ' ทรมานให้สารภาพ เร่งสอบเพิ่มหาตร.ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
18 ม.ค. 2567
56 views
บิ๊กโจ๊ก เข้าสอบปากคำ ลุงเปี๊ยก หลังมีคลิปเสียงตำรวจยอมรับว่ามีการคลุมถุงดำให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพจริง โดย ลุงเปี๊ยก ชี้รูปยืนยันตัว ตำรวจขาขาดชั้นประทวน 1 นาย ว่าเป็นคนทรมานจนเหนื่อยล้า ต้องยอมรับสารภาพ บิ๊กโจ๊กสั่งสอบเพิ่มเติมว่ามีตำรวจนายไหนรู้เห็นอีก จะมาอ้างล้อเล่นไม่ได้ แต่ยืนยัน ไม่ใช่การบังคับเพื่อช่วยลูกตำรวจ แต่ต้องการเร่งปิดคดี
วันนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำตัว ลุงเปี๊ยก มาจากจังหวัดสระแก้ว มายังศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดปทุมธานี เพื่อรักษาและบำบัดอาการติดสุราเรื้อรัง
โดยทางพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะทำงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวง พม.ก็ได้เข้าไปสอบปากคำลุงเปี๊ยก เพื่อหาข้อเท็จจริง กรณีลุงเปี๊ยกรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าภรรยาตัวเอง รวมถึงกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ถุงดำคลุมหัว และซ้อมทรมานให้รับสารภาพ โดยมีคลิปสนทนาทำนองว่าตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาได้คลุมถุงดำใส่ลุงเปี๊ยกจริง แต่เป็นการหยอกเล่น รวมถึงยังปรากฎอีกคลิปวิดีโอที่เป็นเสียงของลุงเปี๊ยกที่ปฏิเสธว่าไม่มีการใช้โซ่ตรวนในการกักขัง แต่ยอมรับว่ามีการใช้ถุงพลาสติกครอบด้านบนหัวแทน ไม่ได้คลุมหัวทั้งหมด และบังคับให้ถอดเสื้อในห้องแอร์เย็นๆ ช่วงเวลากลางคืน ว่าทั้งหมดนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ก่อนที่จะเขาไปสอบปากคำ ลุงเปี๊ยก พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ได้ฟังคลิปเสียงทั้งของลุงเปี๊ยก และของรองผู้กำกับการท่านหนึ่งแล้ว ซึ่งหากมีแต่เสียงลุงเปี๊ยกที่มีอาการเมาสุรา ก็คงไม่เชื่อ แต่เมื่อมีเสียงของรองผู้กำกับการยืนยัน ก็เหมือนคำรับสารภาพแล้วว่ามีการคลุมถุงดำจริง
แต่การคลุมถุงดำเพื่อให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพนี้ ถ้าดูจากจากไทม์ไลน์ของเหตุการณ์ที่ตนลงไปตรวจสอบมา สามารถยืนยันได้ว่า ไม่ใช่การช่วยเหลือให้ลูกตำรวจพ้นผิด แต่เป็นวิธีการบีบบังคับเพื่อให้ได้คำรับสารภาพ เพื่อที่จะเร่งปิดคดีเท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติการโทรศัพท์ของ 1 ในผู้ก่อเหตุ ที่โทรหาพ่อซึ่งเป็นรองสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ นั้น พบว่ามีประวัติการโทรช่วงตี 1 แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณตี 2 และหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่ออีกเลย จนผู้เป็นพ่อมาทราบจากไลน์ของสถานีตำรวจว่ามีการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นและลูกตนเองเกี่ยวข้องด้วย จึงได้รีบพาเข้ามอบตัว จึงเชื่อได้ว่าหลังก่อเหตุแล้วไม่ได้มีการขอให้พ่อช่วยเหลือทางคดีแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การที่ตำรวจใช้วิธีนี้แทนที่จะใช้ความสามารถในการสืบสวน หาพยานหลักฐาน ก็เป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย เป็นการควบคุมตัวและสอบปากคำโดยมิชอบตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ป.วิอาญา และเมื่อกระบวนการผิดตั้งแต่ต้น ก็เชื่อว่ากระบวนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก็มีการบังคับและชี้นำลุงเปี๊ยกด้วยเช่นกัน
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยืนยันว่า การกระทำเช่นนี้มีโทษทั้งทางอาญาและวินัย จะอ้างว่าล้อเล่นไม่ได้ โดยในการดำเนินคดี ต้องสอบปากคำลุงเปี๊ยกให้ชัดเจนว่า ตำรวจคนไหนมีส่วนร่วมบ้าง ใครเป็นผู้สั่งการ แม้จะไม่ได้ร่วมก่อเหตุ แต่หากมีส่วนรู้เห็น ก็ถือว่าผิดด้วย ส่วนผู้กำกับการในฐานะผู้บังคับบัญชา แม้จะเพิ่งมารับตำแหน่งนี้ ก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน
ภายหลังสอบปากคำนาน 5 ชั่วโมง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า คณะทำงานได้นำรูปถ่ายปัจจุบันของตำรวจ สภ.อรัญประเทศทุกนายให้ลุงเปี๊ยกชี้ตัว ซึ่งลุงเปี๊ยกยืนยันตัวตำรวจขาขาด 1 นาย ยศชั้นประทวน ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดสืบสวน บอกว่าเป็นคนบังคับให้ลุงเปี๊ยกถอดเสื้อในห้องแอร์ ให้หนาวเย็น เอาถุงคลุมศีรษะ และควบคุมตัวโดยมิชอบนานถึง 9 ชั่วโมง เพื่อบังคับให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพว่าฆ่าป้าบัวผัน ด้วยความทรมานและเหนื่อยล้า ลุงเปี๊ยกจึงยอมรับสารภาพ ก่อนถูกบังคับไปทำแผนยังจุดเกิดเหตุ แต่ไม่มีการล่ามโซ่
ส่วนสารวัตรและรองผู้กำกับการ ลุงเปี๊ยกบอกว่า ไม่ได้อยู่ในห้องที่ถูกทรมาน และทั้งสองคนก็พูดจากับลุงเปี๊ยกเป็นอย่างดี จึงไม่ติดใจ ส่วนที่เหลืออีก 1 คน เพียงสับเปลี่ยนเวรและเฝ้าด้านนอกเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนร่วม
ดังนั้น วันนี้จึงชัดเจนว่ามีตำรวจที่กระทำผิด 1 นายก่อน ตามคำให้การของเพราะลุงเปี๊ยกว่าในห้องมีตำรวจนายนี้นายเดียว ซึ่งจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ส่วนความผิดทางวินัยมีโทษถึงขั้นให้ออก
ส่วนจะมีตำรวจนายอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ ตอนนี้ได้ให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะจากคลิปเสียงของรองผู้กำกับการนายหนึ่ง ยืนยันว่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องตรวจสอบว่ารองผู้กำกับการนายนี้ รู้ขณะทำการทรมานลุงเปี๊ยกหรือไม่ ถ้ารู้ จะเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด แต่หากมารู้ภายหลังทรมานลุงเปี๊ยกแล้ว แต่ไม่ดำเนินการลงโทษตำรวจที่ก่อเหตุ ก็เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนี้ จะต้องขยายสอบปากคำชุดสืบสวนทั้งหมดด้วย
โดยหลังสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ได้พาตัว ลุงเปี๊ยก ออกจากศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดปทุมธานี ไปที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ จังหวัดปทุมธานี เพื่อเข้ารักษาและบำบัดอาการติดสุราเรื้อรัง โดยลุงเปี๊ยก มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว แต่จากการสังเกตพบว่า วันนี้ลุงเปี๊ยกไม่มีอาการเมาสุราแล้ว
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Slan5YUYjRE
แท็กที่เกี่ยวข้อง