สังคม

รฟท.แจงดรามาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ วงเงินเฉียด 100 ล้าน ชี้จัดซื้อโปร่งใส-ใช้งานจริง

โดย panwilai_c

2 พ.ย. 2566

40 views

เกิดเสียงวิจารณ์ ประเด็นที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดซื้ออุปกรณ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสก่อโควิด-19 ที่ได้จัดซื้อ และนำไปติดตั้งไว้ตามสถานีรถไฟหลายแห่งทั่วประเทศ แต่ไม่ได้ใช้งานจริง ซึ่งการจัดซื้อครั้งนี้มีวงเงินสูงถึง 96 ล้าน 3 แสนบาท



ล่าสุด รฟท. ได้ชี้แจงกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่า การรถไฟฯ ชี้แจง กรณีจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค (UV-C) ดำเนินการตามระเบียบทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใส และสามารถใช้ปฏิบัติงานได้จริง เพื่อฆ่าเชื้อไวรัสทั้งบนขบวนรถและสถานี คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดต่อพี่น้องประชาชน



ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมรับฟังข้อมูลและสังเกตการณ์การใช้งานหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ณ โรงซ่อมประจำวัน สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยมีเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ให้ข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา



นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟฯ ขอเรียนชี้แจงว่าการลงพื้นที่ดังกล่าวของ ป.ป.ช. เป็นการเข้ามาตรวจเยี่ยม เพื่อขอรับทราบข้อมูลและสังเกตการณ์ถึงการใช้งานของหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) ซึ่งการรถไฟฯ ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ พร้อมสาธิตการใช้งานของหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อ ตลอดจนชี้แจงถึงข้อมูล เหตุผลความจำเป็นการดำเนินการจัดหาอย่างละเอียด ทุกขั้นตอน ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย



ทั้งนี้ ปัจจุบัน การรถไฟฯ ยังมีการนำหุ่นยนต์ดังกล่าว ออกมาใช้งานฆ่าเชื้อโรค เชื้อไวรัส แบคทีเรียต่างๆ ภายในขบวนรถโดยสาร และสถานีรถไฟอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการดูแลรักษาความสะอาด สร้างความปลอดภัย และเสริมศักยภาพในด้านการให้บริการ โดยนำออกมาใช้งานเวลากลางคืน หรือเวลาที่ไม่มีประชาชนหรือผู้โดยสารอยู่ในพื้นที่แล้ว เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติการใช้งาน ซึ่งก่อให้เกิดความสะอาด ปลอดภัย ป้องกันไม่ให้รังสียูวีชี (UV-C) ที่มีความเข้มข้นสูงพิเศษ กระทบต่อผู้โดยสารและประชาชนผู้ใช้บริการ



สำหรับเหตุผลความจำเป็นของการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) นั้น เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีความรุนแรง แต่ขณะนั้นยังคงมีประชาชนที่มีความจำเป็นในการใช้รถไฟเพื่อเดินทาง ประกอบกับมีเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ได้รับเชื้อและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง จนส่งผลกระทบต่อการให้บริการแก่ผู้โดยสาร ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการ และดูแลความปลอดภัยตามมาตรฐานสาธารณสุขแก่ผู้โดยสาร จึงนำไปสู่แนวทางการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค ซึ่งถือเป็นแนวทางมาตรฐานสากล ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ



ส่วนสเป็กคุณสมบัติของหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) ที่การรถไฟฯดำเนินการจัดหา ถือเป็นหุ่นยนต์เทคโนโลยีขั้นสูง สามารถฆ่าเชื้อไวรัส/แบคทีเรียด้วยรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตชนิดเข้มข้น ประมวลผลการทำงานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเองผ่านระบบไวไฟ 5G อีกทั้งผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานโดย CE และ TUV Rheinland (UVDR/Ultra Violet Disinfection Robot, AGV/Autonomous Guide Vehicle) มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99.99% ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที จึงมีประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อโรคมากกว่าวิธีการฉีดพ่นสารเคมี และการเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่ำ ไม่มีสารเคมีตกค้างหลังการใช้งาน



นายเอกรัช กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้การรถไฟฯ จะมีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดหา แต่การรถไฟฯ ยังคำนึงถึงความโปร่งใส และยึดหลักธรรมภิบาล ภายใต้ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 อย่างเคร่งครัด โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมในการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) และคณะกรรมการดำเนินการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) พร้อมกับเปิดให้มีการเสนอราคาประมูลแข่งขันอย่างเป็นธรรม และมีการสอบราคาตามที่ถูกต้อง ครบถ้วนทุกขั้นตอน



ที่สำคัญการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) จำนวน 20 ตัว นอกจากจะเป็นการได้หุ่นยนต์กำจัดเชื้อโรคที่มีเทคโนโลยีทันสมัยแล้ว ยังได้รวมถึงการบำรุงรักษา ซ่อมแซม และรับประกันตลอด 2 ปีเต็ม ตลอดจนการอบรมเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ จำนวน 30 คน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถใช้งานหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อฯ ได้จริง อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ภายหลังการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคมาใช้งานแล้ว การรถไฟฯ ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อแสดงความโปร่งใส และการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพอีกด้วย



ปัจจุบัน การรถไฟฯ มีการนำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) มาใช้งานกับขบวนรถโดยสาร และตามสถานีต้นทาง/ปลายทางต่างๆ ดังนี้

1. สถานีกรุงเทพ จำนวน 4 ตัว

2. สถานีเชียงใหม่ จำนวน 2 ตัว

3. สถานีหนองคาย จำนวน 2 ตัว

4. สถานีอุบลราชธานี จำนวน 2 ตัว

5. สถานีชุมทางหาดใหญ่ จำนวน 2 ตัว

6. สำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติงานของพนักงานการรถไฟฯ จำนวน 2 ตัว

7. สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จำนวน 6 ตัว



สำหรับผลจากการจัดหาและนำหุ่นยนต์มาใช้ฆ่าเชื้อโรคภายในสถานี และบนขบวนรถโดยสาร สามารถได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ สร้างความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน และผู้โดยสารอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อนับจากสถิติการเดินทางของผู้โดยสาร 17 ล้านคน นับตั้งแต่มีการนำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อมาใช้งาน ไม่พบผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19 หรือโรคระบาดต่างๆ จากการเดินทางโดยรถไฟหรือที่สถานีเลย ซึ่งถือเป็นความคุ้มค่าในการช่วยป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาด และลดความสูญเสียของพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี



ท้ายนี้ การรถไฟฯ ขอยืนยันในความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการพัฒนาการให้บริการที่ดี เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนสามารถใช้บริการสะดวกปลอดภัย โดยยึดหลักให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พร้อมกับคำนึงถึงประโยชน์การให้บริการแก่ผู้โดยสารทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดในการใช้บริการ



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/yP6R6SKcrNo

คุณอาจสนใจ

Related News