เปิดใจ 'พี่แจ๋ม' ฝ่าสงครามอิสราเอล ช่วยคนไทยกลับบ้าน ลั่นเกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว

เปิดใจพี่แจ๋ม นางฟ้าสงคราม เสี่ยงตายขับรถเข้าช่วยเหลือแรงงานไทย จากภัยสงครามอิสราเอล-ฮามาส ลั่นเกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ใครร้องขอมาก็จะช่วยเหลือจนได้กลับบ้าน สุดเศร้าสูญเสียแม่ที่คอยสนับสนุน แม้วาระสุดท้ายของชีวิต ยังบอกไม่ต้องห่วง ไปช่วยคนก่อน



นี่เป็นคลิปของพี่แจ๋ม ที่โพสต์ภารกิจเสี่ยงตาย ที่ทำร่วมกับพี่น้องคนไทยอีกคน ในการขับรถฝ่าแนวทหาร เข้าไปช่วยเหลือแรงงานไทย ที่ได้ติดต่อขอความช่วยเหลือว่า ติดอยู่ในแคมป์ไม่สามารถออกมาได้ โดยมีทั้งคนที่ถูกระเบิด ถูกยิงบาดเจ็บ แต่ก็ยังถูกนายจ้างบังคับให้ทำงาน ซึ่งพี่แจ๋มสามารถช่วยเหลือ พาส่งโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย และยังมีคลิปที่พี่แจ๋มประสานทางการ ช่วยพาคนไทย 32 คน ออกจากแคมป์ไปอยู่ในที่ปลอดภัย จนชาวเน็ตต่างพากันยกย่องให้เป็นนางฟ้าสงคราม



ล่าสุด พี่แจ๋มเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว เพื่อร่วมงานศพแม่ของพี่แจ๋ม ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา พี่แจ๋มได้นั่งเครื่องบินมาลงที่จังหวัดขอนแก่น พร้อมเปิดใจกับผู้สื่อข่าวของเราว่า ตนเองแต่งงานกับสามีชาวอิสราเอล ซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความ และเปิดสำนักงานทนายความ รับปรึกษาและว่าความในอิสราเอล รวมถึง รับเรื่องร้องเรียนจากแรงงานไทยในอิสราเอลมา กว่า 15 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 3 คน แต่ปัจจุบันได้เลิกกับสามีแล้ว



โดยในช่วงเกิดเหตุรุนแรง ได้ไปอยู่กับเพื่อนคนไทยอีกคน ที่เรียกว่า แม่น้อง ระหว่างนั้นมีแรงงานไทย ที่เคยติดต่อกับสำนักงานทนายความ ทั้งโทรศัพท์ และส่งแชทข้อความมาหา มาขอความช่วยเหลือ จึงจับมือคุยกับแม่น้องว่า เกิดมาชาติเดียว ตายครั้งเดียว เราจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนไทย จากนั้นก็พากันขับรถออกไปพบกับแรงงานที่ขอความช่วยเหลือมา แรงงานบางคน แคมป์ที่พักถูกเผาทำลายไม่เหลือเอกสารสำคัญติดตัว เหมือนโอโน่กับชาตรี ที่ถูกยิง ก็ช่วยประสานติดต่อกับทุกฝ่าย จนทุกคนได้พาสปอร์ตขาว สามารถเดินทางกลับไทยได้พร้อมกันทุกคน



ซึ่งการช่วยเหลือแรงงานไทย ที่ร้องขอความช่วยเหลือมานั้น ไม่ง่ายเลย เพราะทุกจุดอันตราย บางจุด ทหารก็ไม่ให้เข้า แต่จำเป็นต้องเข้าไปเพื่อช่วยเหลือคนไทยออกมา ทหารก็เข้าใจ และรักษาความปลอดภัยให้ ตนไม่มีเครื่องลางของขลัง หรือสิ่งศักดิ์อะไร มีเพียงบอกกล่าวพระเจ้าให้เปิดทาง คุ้มครองให้ทุกอย่างที่ตั้งใจทำ ราบรื่นและปลอดภัย อยากฝากถึงคนไทยที่ทำงานในอิสราเอล ต้องมีสติ เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ อย่าออกนอกพื้นที่ เพราะหากเกิดเหตุร้าย ไม่มีใครช่วยเหลือเราได้



ส่วนที่กลับบ้านครั้งนี้ เพราะแม่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม จึงมาเคารพศพ และร่วมพิธีฌาปนกิจศพคุณแม่ แม่เป็นคนสนับสนุนให้เราทำความดีตลอด ขนาดป่วยถึงตอนที่ใกล้จะเสียชีวิต ยังบอกตนเองว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ไปช่วยคนก่อน หลังจากนี้ตนจะอยู่บ้านจนถึงเดือนธันวาคม 2566 แล้วจะกลับอิสราเอล ระหว่างนี้แรงงานไทย และคนไทยที่อิสราเอล ยังคงติดต่อสื่อสารกันได้ตามปกติ และในพื้นที่ก็ยังมีแม่น้อง ที่คอยให้ความช่วยเหลือคนไทยอยู่



ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านของพี่แจ๋ม อยู่ที่บ้านหนองแวง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งอยู่ระหว่างจัดงานศพ แม่กึ้ง แม่ของพี่แจ๋ม บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยมีญาติ ๆ มารวมตัวกัน เพื่อรอรับพี่แจ๋มกลับบ้าน



นายบุญเรือง พ่อของพี่แจ๋ม กล่าวทั้งน้ำตาว่า ความรู้สึกตอนนี้มันตื้นตันใจ มันทั้งทุกข์และสุขพร้อม ๆ กัน ทุกข์ที่ภรรยาเสียชีวิต แล้วลูกสาวมาดูใจแม่เขาไม่ทัน ทั้งที่ปกติจะบินกลับบ้านทุกเดือน แต่ช่วงที่ภรรยาจะเสียชีวิต ลูกสาวติดภารกิจต้องช่วยเหลือแรงงานไทยกลุ่มใหญ่ เลยพลาดโอกาสสำคัญครั้งนี้



แต่ตนก็สุขใจ ภูมิใจ ที่ลูกทำประโยชน์ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยเฉพาะภรรยาภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ตอนที่เกิดสงคราม ยังคุยทางโทรศัพท์ให้กำลังใจลูก ให้ลูกสู้สู้ พร้อมบอกว่า อยู่ที่ไหนก็ตาย และเป็นกำลังใจให้ลูกเข้าไปช่วยแรงงานไทยด้วย ภรรยารู้ทุกย่างก้าวว่าลูกทำอะไร ให้กำลังใจลูกจนหมดลมหายใจ ส่วนลูกสาวก็ได้แต่ร้องไห้ ที่เสียแม่ไปแบบไม่ทันร่ำลา



ตอนนี้ลูกสาวกลับเมืองไทยแล้ว จะมาร่วมงานศพแม่วันนี้ โดยมีพิธีสวดพระอภิธรรมคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้



จากนั้นเวลาประมาณ 11.30 น. พี่แจ๋มเดินทางถึงบ้าน ทันทีที่ไปถึงก็เข้าไปกราบศพแม่ แล้วนั่งร้องไห้ที่หน้าศพแม่ โดยมีพ่อบุญเรืองเข้ามากอด และปลอบลูกสาว โดยพี่แจ๋มพูดไปสะอื้นไปว่า ลูกทำตามที่แม่บอกแล้วนะ ที่ให้ช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่อิสราเอลให้ดีที่สุด

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/VOIdONUSDsk