สังคม

ภารกิจแน่นหลังประชุม UN 'เศรษฐา' คุย 'อีลอน มัสก์' - พบปะคนไทย ยันจะทำงานเต็มที่เพื่อปชช.

โดย panwilai_c

22 ก.ย. 2566

50 views

นายกฯปลื้มเลขาธิการ UN ชื่นชมไทยให้ความสำคัญการพัฒนาที่ยั่งยืน ฝากไทยดูแลพูดคุยสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งพร้อมทำตามฉันทามติอาเซียน สนับสนุนการสร้างสันติภาพ และเลขาธิการ UN ยืนยันไม่ย้ายสำนักงานในไทยและสนับสนุนคนไทยทำงานในตำแหน่งสำคัญของ UN



วันที่ 21 กันยายน 2566 ที่โรงแรม St. Regis นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการพบหารือทวิภาคีกับนายอันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติ (UNSG) ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะท่านเลขาธิการสหประชาชาติ มีงานยุ่งมาก เนื่องจากเป็นเบอร์ 1 ของ UN จึงมีคนอยากเข้าพบจำนวนมาก จึงต้องขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่สามารถนัดหมายกับเลขาธิการ UN ได้ สะท้อนว่า UN ให้ความสำคัญกับไทย ซึ่งการพูดคุยกันนาน 15 นาที ได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนาน เนื่องจากเลขาธิการ UN เป็นคนโปรตุเกส ที่เป็นสถานทูตแรกๆที่ตั้งในไทย จึงมีความผูกพันกับไทย จึงมีความสนใจส่วนตัวเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และมีความกังวลสถานการณ์ในเมียนมา



นายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่าเลขาธิการสหประชาชาติ ชื่นชมไทยที่ให้ความสำคัญกับการทำธุรกรรมสีเขียว หรือ Green finace ซึ่งมี 150 ประเทศเสนอเรื่องนี้ แต่มี 34 ประเทศเท่านั้นที่ได้รับเลือกให้พูด ทั้งๆที่รัฐบาลไทยเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ทำงานมา 10 กว่าวัน แต่ภายในเวลาสั้นขนาดนี้ไทยได้รับเลือกเข้ามาเสนอ จึงเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันให้ไทยอยู่ในแนวหน้าของเรื่องนี้



จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้หารือ “อีลอน มัสก์” ผ่านระบบการประชุมทางไกล ชวน Tesla ลงทุนในไทย โดย นายเศรษฐา กล่าวว่า ประทับใจกับความก้าวหน้า ที่คนกลุ่มนี้ได้สร้างไว้ให้กับมนุษยชาติ และมีมุมมองเหมือนกันเกี่ยวกับโลกที่สะอาดขึ้นในอนาคต โดยจะหารือกันเพิ่มเติม และตั้งตารอความสำเร็จเกี่ยวกับพัฒนาการด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการสำรวจอวกาศ ไม่ใช่เพื่อชาวไทยเท่านั้น แต่ยังเพื่อประชาคมโลก



ฝ่าย Tesla ยังได้กล่าวชื่นชมศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ของไทย ซึ่งเหมาะสมกับการลงทุนของ Tesla อีกด้วย



หลังจากนั้นได้พบปะคนไทยในสหรัฐฯ กล่าวว่าสึกเป็นเกียรติที่ได้มาพบกับคนไทยที่อยู่ในต่างแดน ทำให้รู้สึกอบอุ่น ตนเองเพิ่งได้รับตำแหน่งมาสองอาทิตย์ จริงๆแล้วเป็นที่ทราบกันดีว่ามีขั้นตอนของรัฐบาลนี้มีปัญหาอุปสรรคระหว่างทางเยอะ การที่ 11 พรรคมายืนอยู่ตรงนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเห็นด้วยหรือเห็นชอบ แต่ยืนยันว่าพวกเรามาถูกต้องตามระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และย้ำว่าพวกเรามาถูกต้อง ซึ่งคนในรัฐบาลนี้เคยพูดหลายเวทีว่าพวกเรามาในต้นทุนที่สูงแต่ตนบอกว่าพวกเราเทหมดหน้าตัก และในแง่ของขั้นตอนการมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตรงนี้ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายอย่าง หลายอย่างที่พูดไปก็ไม่สามารถทำได้เพราะคณิตศาสตร์พื้นฐาน และผลการเลือกตั้งก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดคิดไว้



"ผมยืนวันว่ารัฐบาลนี้มาจากประชาชาชนและจะทำงานเพื่อประชาชนอย่างสุดความสามารถ วันนี้มายืนตรงนี้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เราก็พยายามเต็มที่ที่จะแก้ปัญหาให้พี่น้อง กำลังเผชิญอยู่ปัญหาแรกๆ คือปัญหาเรื่องของเศรษฐกิจ"



นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP ของเราต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ไม่ได้ต่ำแค่จุดสองจุด แต่ตำกว่าเท่าหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ด้านส่งออกก็ตกลงไป ปัญญาเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ประจักษ์ แต่เรื่อง ที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือปัญหาความแตกแยกของสังคม ตนเชื่อว่าเป็นปัญหาที่ทุกท่านในที่นี้ก็เป็นห่วงอยู่



นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลนี้นอกจากแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแล้ว เรื่องของการเยียวยาจิตใจให้คนทุกกลุ่มทุกวัย ทุกความเห็นต่าง ทุกความคิดทุกความเชื่อ อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข อยู่ด้วยกันได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยาม ข่มขู่ ทำลายซึ่งกันและกัน ตนมองว่าปัญหาทางเศรษฐกิจแก้ได้ ไม่อยากจะบอกว่าแก้ง่ายกว่า แต่แก้ได้ เรามั่นใจในนโยบายของรัฐบาล และมั่นใจในเสถียรภาพของคนไทยไม่ว่าจะอยู่นอกหรือในประเทศ



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/GCj3ouYrg_c

คุณอาจสนใจ

Related News