สังคม
ป.ป.ช.มีมติชี้มูลเอาผิดผู้เกี่ยวข้องช่วยคดี 'บอส อยู่วิทยา'
โดย panwilai_c
6 ก.ย. 2566
249 views
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2566 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาในคดีการกลับคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถยนต์ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยมีขบวนการช่วยเหลือในการเปลี่ยนพยานหลักฐานด้านความเร็วของรถยนต์ เป็นทางการแล้ว
โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญา ซึ่งมีการยืนยันชื่อเป็นทางการ คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) , นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด , นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส, นายพิชัย (ชูชัย) เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ปัจจุบันเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ , นายสายประสิทธิ เกิดนิยม และพนักงานสอบสวนบางส่วน
สำหรับ นายธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นควรส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ เนื่องจากเรื่องที่มีการกล่าวหามิใช่เป็นความผิดร้ายแรง ตามมาตรา 64 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
ขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีการส่งสำนวนไต่สวนเอกสารพยานหลักฐาน ให้อัยการสูงสูด (อสส.) ดำเนินการฟ้องร้องคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในชั้นศาลได้อีก
อนึ่งก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2566 องค์คณะไต่สวนคดีการกลับคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถยนต์ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยมีขบวนการช่วยเหลือในการเปลี่ยนพยานหลักฐานด้านความเร็วของรถยนต์ ที่มีกรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนร่วมเป็นองค์คณะไต่สวนคดีนอกจากนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช.ที่ถอนตัวไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากเคยเป็นกรรมาธิการที่มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับในคดี ได้มีการประชุมสรุปสำนวนไต่สวนคดีเป็นทางการ
โดยที่ประชุมมีมติให้กัน พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก อดีตผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจที่เป็นเจ้าของสถานที่จัดประชุมเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์ของ นายวรยุทธ เป็นพยาน ตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้ เพื่อให้ยืนยันหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวพันกับผู้ถูกกล่าวหาคนสำคัญในคดี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีความเห็นเกี่ยวกับผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ที่เข้าข่ายถูกชี้มูลความผิด คือ
1.กลุ่มอดีตนายพลตำรวจที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เข้าข่ายความผิดทางอาญา และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติบางรายเข้าข่ายความผิดวินัย แต่เนื่องจากพ้นตำแหน่งไปแล้ว จึงไม่มีผล ถ้ามีการชี้มูลความผิด
2.กลุ่มพนักงานสอบสวนคดีบอสเข้าข่ายความผิดทางอาญาและพยานบางรายที่ให้การเท็จเข้าข่ายความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ขณะที่บางรายต้องส่งเรื่องกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน
3. กลุ่มทนายความ อดีตพนักงานอัยการซึ่งรวมถึงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุดเข้าข่ายความผิดทางอาญา
ทั้งนี้ ในส่วนกลุ่มพยานที่จะถูกชี้มูลความผิดด้วยนั้น เหตุเป็นเพราะจากการไต่สวนพบว่า มีการให้การเท็จ ขณะที่นักการเมืองท้องถิ่นใหญ่รายหนึ่งในจังหวัดภาคเหนือที่มีพยานหลักฐานใหม่เข้ามาพัวพันในการเปลี่ยนพยานหลักฐานด้านความเร็วของรถยนต์ของนายบอส ก็อยู่ในข่ายถูกชี้มูลความผิดด้วยเช่นกัน
ขณะที่ นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด (อสส.) ได้มาร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักข่าวอิศราให้นำเสนอข่าวการยื่นฟ้องคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยว่าการกระทำของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และการกระทำคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน คดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 225/2563 ซึ่งมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานคณะกรรมการฯ นั้นเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้และการกระทำนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ
นายเนตร ยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำหน้าที่สอบสวนคดีของ ป.ป.ช. ว่า "จริง ๆ แล้วผมถูกลงโทษทางวินัยไปแล้วตั้งแต่ปี 2565 แต่การที่ ป.ป.ช. มาแจ้งข้อกล่าวหาใหม่ ว่าทำผิดวินัยร้ายแรงอีก อาจจะเข้าข่ายแจ้งข้อกล่าวหาซ้ำหรือไม่ ซึ่งหลังจากได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช. ในช่วงเดือน ก.พ.2566 ได้เข้าไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้ว
สำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2566 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาในคดีการกลับคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถยนต์ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยมีขบวนการช่วยเหลือในการเปลี่ยนพยานหลักฐานด้านความเร็วของรถยนต์ เป็นทางการแล้ว โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญา ซึ่งมีการยืนยันชื่อเป็นทางการ คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) , นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด , นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส, นายพิชัย (ชูชัย) เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ปัจจุบันเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ , นายสายประสิทธิ เกิดนิยม และพนักงานสอบสวนบางส่วน
สำหรับ นายธานี อ่อนละเอียด สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นควรส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ เนื่องจากเรื่องที่มีการกล่าวหามิใช่เป็นความผิดร้ายแรง ตามมาตรา 64 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
ล่าสุด นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ยืนยัน สำนักข่าวอิศรา ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2566 มีมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวในคดีการกลับคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอกรรมการ ป.ป.ช.เซ็นรับรองรายงานที่ประชุมครบ จากนั้นน่าจะสามารถเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนได้
"สำหรับรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาคนสำคัญที่ถูกชี้มูลความผิด ส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามที่สำนักข่าวอิศรา รายงานไป อาทิ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายเนตร นาคสุข นายพิชัย (ชูชัย) เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง เป็นต้น"
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ถูกชี้มูลแค่ความผิดไม่ร้ายแรงใช่หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า เท่าที่ทราบ ก็เป็นไปตามนั้น เป็นกรณีที่ต้องมีการส่งเรื่องให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการสอบสวนต่อ ตามมาตรา 64 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ส่วนบทลงโทษจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องขึ้นอยู่กับต้นสังกัด แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นรายละเอียดในสำนวนยังตอบอะไรมากไม่ได้
อนึ่งเกี่ยวกับกรณีการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า ขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีการส่งสำนวนไต่สวนเอกสารพยานหลักฐาน ให้อัยการสูงสูด (อสส.) ดำเนินการฟ้องร้องคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในชั้นศาลได้อีก
https://youtu.be/GlmTcGwyUOg