'หมอพรทิพย์' ขอดูความชัดเจน 'ก้าวไกล' ส่วนจะโหวตพิธาหรือไม่ ยังตอบไม่ได้

คุณหญิงพรทิพย์ มองก้าวไกลชนะเลือกตั้งเป็นสัญญาณดี การเมืองใหม่ ไร้นายทุนพรรค ส่วนจะโหวตให้พิธาเป็นนายกหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ อยากได้ความชัดเจนคือ ไม่ต้องการการกระทบสถาบัน ถ้าพรรคปรับท่าทีได้ก็พร้อมคุยด้วยไมตรี ไม่ใช่กดดัน



ตัวแปรสำคัญ ออกมาประกาศปิดสวิตช์ตัวเอง แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส ถึงประเด็นการประกาศปิดสวิตช์ตัวเองในการโหวตนายกรัฐมนตรี โดยคุณหญิงย้ำว่า ไม่ใช่ ประกาศ แต่มีคนตั้งประเด็น แค่บอกว่าถ้าถอยมา ต้องบอกว่าตนไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เป็นเป็นนักวิทยาศาสตร์ ต้องมองแบบองค์รวม ตอนนั้นถูกเลือกให้เข้ามา เพราะต้องการให้ขับเคลื่อน ถ้าจำได้ การเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ตนเป็น 1 ใน 23 ส.ว. ที่ยินดีให้ปิดสวิตช์ เพราะเห็นว่าหลักการไม่ควรมี เอาเข้ามาไม่เห็นปฏิรูปได้


ทำให้ ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ถามว่า 4 ปีที่ผ่านมาเป็นไปตามวัตถุประสงค์ไหม คุณหญิงพรทิพย์ บอกว่า ก็ขับเคลื่อนโครงการปกติเสียเยอะ แต่สิ่งใหญ่ๆที่เรา และประชาชนอยากเห็นคือ กระบวนการยุติธรรมมันไม่เดิน เลยตั้งหลักการไว้ ถ้ามององค์รวมมันไม่ควรมี ส.ว.เลือกนายกฯ


คุณหญิงพรทิพย์บอกว่า ตอนนั้นอาจารย์ทั้งหลายก็เห็นด้วย แต่พอเลือกตั้งผลออกมาเป็นอย่างนี้ นักวิชาการกลับหมด ทุกคนกลับหมด // มาบอกว่าให้ ส.ว.เลือกนายกฯ / จู่ๆ จะมาให้ตนตัดสินใจว่าต้องโหวตไม่ถูก เพราะโดยระบบไม่ควรมี เรายังไม่รู้เลยว่า เค้าจะทำอะไรบ้าง พรรคจะมั่นคง ประเทศจะล่มสลายไหม ย่อมต้องบอกว่ายังคงหลักการเดิม ไม่ได้บอกว่าจะไม่โหวตให้


ส่วนได้คุยกับ ส.ว. ท่านอื่นๆไหม คุณหญิงพรทิพย์บอกว่า ไม่ค่อยมีใครกล้าคุยกับตน เพราะตนนอกคอก เคยถามไปว่าทำไม 2 ลุงต้องแยกกัน ก็ไม่มีใครคุยด้วย / วันนี้ตัดสินใจว่ายังคงปิดสวิตช์ แต่ถึงวันนั้นต้องดูอีกครั้ง ส่วนตัวเป็นคนมองในองค์รวม ยิ่งมีความกดดัน ยิ่งไม่ทำ เพราะไม่ทำตามกระแสเด็ดขาด เรามองนายกฯ คนที่จะมา พรรครัฐบาลที่จะมี ต้องทำให้ประเทศชาติรอด ไม่ใช่กลับไปเหมือนเดิม


พี่หนุ่ม ถามว่า คะแนนเสียงที่(พรรคก้าวไกล) ได้ ถือเป็นฉันทามติของประชาชน พอจะได้ไหม // คุณหญิงพรทิพย์ บอกว่า ในเบื้องต้นคุณพิธา หรือ ก้าวไกลได้ ก็เคารพ เป็นสัญญาณที่ดี เป็นการเมืองแบบใหม่โดยที่ไม่ใช่นายทุนพรรค แต่โหวตไหม เพราะนโยบาย 10 กว่าข้อไม่ได้รับได้หมด


ยอมรับว่าคิดคนละแนว เราทำงาน อยู่บนธรรมะ ธรรมะกับความมั่นคงของแผ่นดินคือสถาบันพระมหากษัตริย์มันชัด การที่เค้าไม่ชัดตรงนี้ ก็มีความรู้สึกว่าเราต้องทำให้ประเทศชาติอยู่รอด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่โหวต ขอดูความชัดก่อนว่าจะเปลี่ยน ยกเลิก หรือแก้ไข (112)


อ.ปริญญา บอกว่า พรรคก้าวไกล ตอนนี้คือการหาเสียง ส.ส. กับ ส.ว. ให้ลงคะแนนให้เป็นนายกฯ เหมือนเป็นโรดโชว์ มีเวลาในการหาเสียง 60 วัน เท่ากับตอนหาเสียงกับประชาชนจนชนะการเลือกตั้ง // แต่ตอนนี้ต้องมาชนะเสียง ส.ส. และ ส.ว. ที่ต้องการอีก 66 เสียง อย่างคุณหญิงบอกว่าขอดูก่อน แปลว่าพรรคก้าวไกลก็ต้องมาคุยกับคุณหญิง และเป็นกลยุทธ์ที่ก้าวไกลต้องทำ



พี่หนุ่มถามว่า วันนี้จะบอกอะไรกับพรรคก้าวไกล คุณหญิงบอกว่า ตนเป็นเหมือนกับผู้ใหญ่ เห็นความตั้งใจปรารถนาดีของคนรุ่นใหม่ ที่ตั้งใจสร้างสิ่งที่ดี อะไรที่ผ่านมาในอดีตหรือสิ่งที่ตั้งไว้มันเป็นสิ่งที่คลางแคลงใจ และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะใหญ่มาก ต้องทำให้เกิดความชัดเจน ที่ชัดเจนที่สุดเราไม่ต้องการการกระทบสถาบัน ถ้าเค้าปรับได้ และเข้าหาด้วยท่าที หลักการนี้มันถูกมาก 300 กว่าเสียงไม่ใช่จะมีง่ายๆ สมควรแล้วเป็นรัฐบาลแล้ว เมื่อนั้นน่าจะคุยได้ที่จะคุยกับ ส.ว. หาเสียงที่เพิ่มเติมได้


อ.ปริญญา ถามว่า ถ้าเค้าไปเคาะประตูบ้าน ส.ว.คุณหญิงพร้อมคุย?


ตนยินที่จะคุย เพราะตลอดเวลาเรามองทุกมุม เราไม่ชอบมุมนี้อันเดียว เค้าเหมือนเด็กที่เอาอะไรไปใส่ให้เค้า มันมีความก้าวร้าวมากเรื่องนี้ ถ้าเอาเรื่องนี้ไว้ทีหลัง อย่าเพิ่งทำ เรื่องอื่นไม่ติด


ความก้าวร้าวของสมาชิกมันชัดมาก เราไม่อาจวางใจได้ จริงๆ เรื่องนี้ไม่ได้ใหญ่ ถ้าเค้าปรับได้ ไม่ต้องเอามาในรอบนี้ ค่อยว่ากันใหม่


พี่หนุ่มถามว่า การที่ ส.ว.โหวตนายกฯ ไม่มีในโลก เหมือนกับดัก รัฐบาลเก่าวางไว้ คุณหญิงพรทิพย์ บอกว่า ส่วนตัวว่าใช่ มันมีวัตถุประสงค์ ไม่รู้ใครวาง แต่ตั้งมาเพื่อแบบนี้


อ.ปริญญามองว่า ไม่เห็นด้วยหลักการ ส.ว.เลือกตั้งนายก แต่ รธน.มีตรงนี้อยู่ ต้องเล่นตามกติกา / ถ้าเลือกนายกไม่ได้ ก็ต้องเอาคนนอกบัญชีมาเลือก ใช้เสียง 2 ใน 3 คือ 500 มาเลือก // ถ้าโหวตไม่ได้อันดับ 2 เพื่อไทยจะขึ้นมา ประเด็นคือ เพื่อไทยจะทำยังไงให้ได้เสียง


คุณหญิงพรทิพย์บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ไม่เป็นตามนี้ เลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่เหลืออะไรเลย จะเป็นก้าวไกลทั้งหมด / จากนั้นพี่หนุ่มได้อ่านแถลงการณ์ขององค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้พรรคการเมือง และวุฒิสภา 250 คนจัดตั้งรัฐบาลโดยเคารพเสียงของประชาชน // ซึ่งคุณหญิง บอกว่า ไม่ชอบ แถลงการณ์นี้ แบบนี้เรียกว่ากดดัน / คุณหญิง รับรองได้มันมีปัญญารู้ได้ว่า 300 กว่าเสียง มันเป็นสิ่งที่ต้องให้อำนาจเค้า แต่อย่างที่บอกอะไรที่ทำไม่ไว้วางใจให้กลับไปทบทวน ว่าเปิดประตูคุยกันได้ไหมแต่ขอไม่เอานโยบายรุนแรงแตะต้องสถาบัน พร้อมเน้นย้ำว่า ใช้ไมตรีเปิดใจให้คุยกันได้มากกว่าใช้แรงกดดัน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/GWy01En9IR4