'ส.ว.อุปกิต' เปิดใจทั้งน้ำตา สาบานไม่เกี่ยวธุรกิจสีเทา ใครใส่ร้ายขอให้มีอันเป็นไป

เรื่องของ ส.ว.ทรงเอ ที่ ส.ส.รังสิมันต์ โรม ของพรรคก้าวไกล นำข้อมูลมาอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา และยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ กล่าวหาว่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายค้ายาเสพติด และค้าอาวุธข้ามชาติ ทุนมินลัต ในเมียนมา วันนี้ ส.ว.ท่านนั้นออกมาแล้ว แถลงทั้งน้ำตา



ส.ว. ที่ถูกกล่าวหา คือ คุณอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ออกมาแถลงเปิดใจ บอกพร้อมจะตอบทุกคำถาม บอกรู้สึกเสียหายอย่างมากที่ถูกกล่าวหา พร้อมกับไล่เรียงชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ ตั้งแต่เรื่องถูกกล่าวหาว่าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด เรื่องใช้อิทธิพลเข้าไปแทรกแซงการทำคดี เรื่องการออกหมายจับแล้วก็ถอนหมายจับในวันเดียวกัน รวมไปจนถึงเรื่องที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ไปมีชื่อ ส.ว.อุปกิตเป็นเจ้าของ



ช่วงหนึ่งของการแถลง ส.ว.อุปกิต หลังน้ำตา สาบานด้วยว่า ตนเองและครอบครัวไม่เคยทำธุรกิจยาเสพติดอย่างที่โดนกล่าวหา ใครใส่ร้ายขอให้ประสบกับความวิบัติและมีอันเป็นไป



ส.ว.อุปกิต ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีอิทธิพลไปแทรกแซงการทำคดี เพราะถ้ามีอิทธิพลจริง ก็คงไม่ปล่อยให้ลูกเขย ถูกจับต่อหน้าหลานๆ ที่บ้าน และอยู่ในเรือนจำจนถึงตอนนี้ ผ่านมาแล้ว 7 เดือนแล้ว



เรื่องที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สารวัตรสอบสวน ไปขอศาลออกหมายจับ ส.ว.อุปกิต แล้วถูกกดดันให้ถอนหมายจับในวันเดียวกัน ส.ว.อุปกิต บอกว่าเป็นเพราะ มีการปั้นหลักฐานเท็จ เพื่อนำมาออกหมายจับ โดยเฉพาะข้อความแชทต่างๆ ที่อ้างว่าตนเองยังสั่งการและมีอำนาจอยู่ใน บ.อัลลัวร์กรุ๊ป ทั้งที่ได้ขายหุ้นไปหมดแล้ว ทั้งหมดเป็นการตบแต่งคำพูด ในข้อความแชท



ส่วนเรื่องที่ พ.ต.ท.มานะพงษ์ ถูกย้าย หลังออกหมายจับ ส.ว.อุปกิตบอกว่า ตรวจสอบแล้วเป็นการย้ายตามรอบปกติ เพราะตำรวจคนดังกล่าวและพวก ไม่มีผลงานในรอบ 3-4 เดือน



ส.ว.อุปกิต ยัง ชี้แจงเรื่องการดำเนินคดีฟอกเงินกับ นายทุนมินลัต และ บ.อัลลัวร์กรุ๊ป จำกัด ที่ตนเองเคยเป็นผู้ถือหุ้น และพบเส้นทางการเงินไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส.ว.อุปกิต ชี้แจงว่า คดีนี้ตนยังไม่ได้โดนด้วย เพราะได้ขายหุ้นไปแล้ว ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในบริษัท แต่ที่ถูกกล่าวหาว่าตนเกี่ยวข้อง ก็เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานโดยอัยการ และพนักงานสอบสวน เพราะเป็นคดีนอกราชอาณาจักร



ส.ว.อุปกิต ยังอธิบายถึงปัญหาที่ บ.อัลลัวร์กรุ๊ป ถูกโยงพัวพันกับยาเสพติด ว่า เป็นเพราะ อัลลัวร์กรุ๊ป ทำธุรกิจเป็นตัวกลางในการขายไฟฟ้า กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของไทย กับเมืองท่าขี้เหล็กของเมียนมา เดิมทีชำระค่าไฟฟ้ากันผ่านแคชเชียร์เช็กไม่เคยมีปัญหา



แต่พอด่านท่าขี้เหล็กถูกปิด ช่วงโควิดปี 63 นายทุนมินลัต ซึ่งทำหน้าที่ รับค่าไฟฟ้ามาจากเมืองท่าขี้เหล็ก ต้องมาจ่ายเงินผ่านคนกลาง ที่เป็นคนไทย และให้บุคคลดังกล่าว โอนเงินเข้าบัญชีของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของไทย ปัญหาคือ เงินบางส่วนของคนกลางที่โอนไป มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เป็นที่มาทำให้ผู้บริหารของ อัลลัวร์กรุ๊ป ซึ่งรวมถึง นายทุนมินลัต และ ลูกเขยของ ส.ว.อุปกิต โดนดำเนินคดี



ส.ว.อุปกิต ตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้ มีทฤษฎีสมคบคิด ระหว่าง พ.ต.ท. มานะพงษ์ ที่เป็นคนขอออกหมาย กับ พรรคก้าวไกล หรือไม่ เพราะคดี ยังไม่มีใครรับสารภาพว่าทำผิด ยังไม่การตัดสิน แต่กลับถูกนำมาปั่นกระแสเพื่อประโยชน์ทางการเมือง มีการปล่อยเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริง ของ พ.ต.ท. มานะพงษ์ ออกมา มีสื่อมวลชน และกลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้ามช่วยกันเผยแพร่ ส.ว.อุปกิต บอกว่า ใครที่ล้ำเล้นผม ผมจะฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งหมด แล้วเอาเงินไปบริจาคให้การกุศล



ส่วนเรื่องที่ไปเป็นเจ้าของที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ส.ว.อุปกิต ยอมรับว่าเป็นตึกของตนเอง จริงๆ เนื่องจาก คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ติดต่อขอเช่า โดยแจ้งว่า ใช้เป็นออฟฟิศส่วนตัว แต่ไม่รู้มาก่อนว่า จะทำเป็นที่ทำการพรรค และตนเองก็ ไม่ได้รู้จักพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นการส่วนตัว ที่ถูกเลือกให้เป็น ส.ว. ก็ความชำนาญด้านการต่างประเทศและการไฟฟ้า ดังนั้นทั้งหมดทั้งมวล ที่เกิดขึ้น ตนตกเป็นเหยื่อทางการเมืองอย่างแน่นอน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/MZV0ekTNSyA