เปิดใจตาช่วยสาววัย 16 ปมถูกทนายดังกกกอกข่มขืน ชี้ แจ้งความแล้ว แต่ไม่มาตามเรียกอ้างติดธุระ

ทนายตั้มโพสต์ มีเด็กหญิง 16 ปี ร้องขอความช่วยเหลือ อ้างว่าถูกทนายความคนดังข่มขืน ด้านคุณตาที่ช่วยเหลือเด็ก 16 ปี ยันเด็กไม่ได้เรียกทรัพย์สิน แต่ต้องการเรียนสูงๆ


จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" หรือ ทนายตั้ม ได้โพสต์ข้อความที่ระบุว่า "เด็กหญิง วัย 16 ปี ได้เขียนจดหมายเข้ามาหา โดยเล่าเรื่องราวของตัวเธอเองว่า เธอถูกทนาย ส. ทนายชื่อดังแถวบ้านกกกอก กระทำชำเรา และได้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว แค่คดีไม่คืบหน้า จึงอยากขอให้ช่วยตามคดีให้ จะจริงหรือเท็จโปรดติดตาม…"

โดยทนายตั้ม ระบุว่า เด็กหญิงรายนี้ ได้เขียนเล่าเรื่องราว 1 หน้าครึ่ง ของกระดาษ A4 อย่างละเอียดมาหาเพื่อขอให้ทนายตั้มช่วยเหลือ


โดยในจดหมาย พร้อมเล่าเหตุการณ์ ว่า ตนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เป็นเด็กกำพร้า แม่เสียชีวิตมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ พ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ไม่มีสถานที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เลยต้องเข้าไปอยู่ในบ้านราชวิถีมาเกือบ 3 ปี ตนเองทนถูกรังแกอยู่ในที่แห่งนั้นไม่ได้


เมื่อเดือนกรกฎคม 2564 ได้หนีออกมาจากบ้านราชวิถี และไปพ่อที่รับจ้างทั่วไปอยู่ในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ในเดือนสิงหาคม 2564 ได้ถูกนายจ้างของพ่อปลุกปล้ำ ในขณะที่พ่อออกไปตัดไม้ แต่ตนไม่ยินยอม และไม่ได้แจ้งความ เพราะพ่อกลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยกันทั้งสองคน


ต่อมาในกลางเดือนกันยายน 2564 เวลากลางคืน ถูกลูกเลี้ยงของเจ้าของบ้าน ที่เป็นคนจ้างพ่อตัดไม้ เมายาแล้ว ได้ใช้อาวุธจี้บังคับข่มขืนอยู่ 2 คืน แล้วพาเอาไปกักขังไว้ในห้องเช่า ซึ่งอยู่คนละตำบลกับบ้านของนายจ้าง แล้วข่มขืนต่ออีกประมาณ 3 วัน ต่อมาพ่อกับอาได้ไปช่วยออกมา แล้วนำไปอยู่บ้านอาที่สมุทรปราการ


แล้วมีคนแนะนำให้พ่อกับอา นำไปขอความช่วยเหลือจาก "คุณตาภวิศ ผาสุข" ซึ่งเป็นประธานของสหภาพแรงงานวัฒนไพศาล ให้ช่วยเหลือ ขณะนั้นตนกับพ่อไม่มีเงินติดตัวกันเลย คุณตาภวิศ ช่วยเหลือตนกับพ่อเป็นอย่างดี พร้อมระบุว่า ตาภวิศ ต้องขับรถพาตนกับพ่อจากสมุทรปราการ ไปจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านั้นนับสิบครั้ง


ตาภวิศ ผาสุข ต้องการให้ได้เรียนหนังสือต่อที่โรงเรียนเดิมตั้งอยู่ในเขตดินแดง จึงทำหนังสือขอความช่วยเหลือไปหลาย ๆ ที่ แต่ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ ก่อนที่จะพาไปฝากไว้กับทนายความคนหนึ่ง ทนายความคนนี้ รับทำคดีของน้องชมพู่ให้กับลุงกับป้าเป็นข่าวดังอยู่ เมื่อเดือนธันวาคม 2564


ทนายคนนี้ได้ขับรถยนต์เบนซ์ไปรับหนูจากสมุทรปราการ ให้มาเช่าห้องอยู่แถว ๆ ดินแดง แล้วทนายความดังกล่าวได้เข้ามาที่ห้อง แล้วข่มขืนหนูหลายครั้ง แล้วไม่ส่งเงินให้หนูได้เรียนอีก เพื่อต้องการให้หนูไปให้พ้น ๆ เขา ต้องทนอยู่อย่างอดอยากไม่มีเงินกินข้าว ได้ตาภวิศ ช่วยเหลือบ้างแต่ไม่มากนัก ต้องเอาเงินที่ตาภวิศ ส่งมาซื้อมาม่าตุนไว้


ตนทนหิวไม่ไหว โทรติดต่อทนายคนนั้นมาตลอด เพื่อขอให้เขาช่วยเหลือ แต่เขาไม่ยอมรับสาย และไม่ติดต่อกลับมาหาหนูเลย หนูทนหิวไม่ไหว จึงได้นำเรื่องที่ทนายความคนนี้ข่มขืน ไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจสุทธิสาร เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ตนต้องการความเป็นธรรม

ล่าสุด ทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณตาภวิศ ผาสุข ประธานของสหภาพแรงงานวัฒนไพศาล ซึ่งแม้จะไม่ใช่คุณตาแท้ๆ แต่เป็นคนที่ให้ความช่วยเหลือเด็ก 16ปีรายนี้มาตลอด


โดยคุณตา เล่าถึงที่มาที่ไปว่า รู้จักกับจริงอายุ 16 ปีรายนี้ พร้อมกับพ่อและอาของเด็ก จากบุคคลหนึ่งที่แนะนำให้รู้จัก และเล่าเรื่องราวที่เด็กหญิงรายนี้ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ขณะอาศัยอยู่ที่บ้านนายจ้างในอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ตนรู้สึกสงสาร และช่วยเหลือทางด้านคดี


ต่อมาเด็กมีความต้องการที่จะเรียนหนังสือต่อ เพราะมีความตั้งใจอยากทำงาน เก็บเงิน จึงได้ทำหนังสือไปถึงหลายบุคคลเพื่อขอทุนการศึกษาให้กับเด็กคนนี้ แต่ก็ไม่มีคนตอบรับ จนไปเห็นภาพของทนายรายหนึ่ง ที่ลงรูปคู่กับนักการเมืองใหญ่ จึงโทรศัพท์ไปหาเพื่อขอทุนการศึกษาให้เด็กได้เรียนต่อ และเล่าเรื่องราวของเด็กให้ฟัง ซึ่งทนายรายนี้ก็รับปากว่าจะช่วย ก่อนจะบอกว่า จะเป็นคนส่งเสียเด็กจบปริญญาตรีเอง ตอนนั้นรู้สึกดีใจ จึงรีบบอกเด็กและพ่อ ก่อนที่ฝ่ายนั้น ติดต่อกันเด็กเอง และก็มารับเด็กที่สมุทรปราการและไปเช่าห้องอยู่


แต่พอไปเช่าอยู่ไม่นาน ก็เด็กอ้างว่า ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2564 เด็กถูกทนายความราย นี้ล่วงละเมิดทางเพศ ภายในห้องเช่า ซึ่งเด็กเล่าว่า ในวันเกิดเหตุเด็กอยู่ที่ห้องตอนเย็น ทางทนายความ มาหา และเอาน้ำส้มมาให้ดื่ม จู่ๆ ก็มีอาการเบลอ ก่อนที่จะถูกล่วงละเมิด และหลังจากนั้น เด็กอ้างว่า ถูกล่วงละเมิดอีก 4 ครั้งหลังจากนั้น จากนั้น ทนายคนนี้ ได้พยายามตีตัวออกห่าง ผู้เสียหาย จึงเรียกร้องขอเงินค่าดูแล ราว 2 แสน ถึง 3 แสนบาท แต่ทนายปฏิเสธ ก่อนจะหายตัวไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหาย จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ และร้องเรียนสื่อ เพื่อขอความเป็นธรรม


ซึ่งคุณตาบอกว่า นี่เป็นคำกล่าวอ้างของเด็ก แต่จะจริงหรือเท็จอย่างไร ตนไม่ทราบ เพราะเหตุการณ์รู้เห็นรู้กันเพียงสองคน แต่จากการที่คุณตาสืบสาวราวเรื่อง ก็พบว่ามีมูล แต่พอเริ่มจะช่วยเหลือ ปรากฎว่าคุณตา กลับถูกทนายความรายนี้กล่าวหาว่า ร่วมมือกับเด็กในการแบล็คเมล์ คุณตายืนยันว่าไม่ได้ต้องการแบลคเมล์ ไม่เคยมีการคิดแบบนั้น และเด็กก็ไม่ได้ยินยอม แต่สาเหตุที่มาอยู่ภายใต้การดูแลของทนายคนนี้ เพราะต้องการเรียนสูงๆ


และตอนนี้ เด็กค่อยข้างเครียด และรู้สึกไม่ดี หลังถูกตั้งคำถามต้องการเงินหรือแบลคเมล์ โดยเด็กยืนยันว่าเด็กมีหลักฐานชัดเจน เป็นคลิปเสียง ที่ได้พูดคุยกับผู้ที่ถูกกล่าวหา และมีหลักฐานมีอีกจำนวนมาก ที่ผ่านมา เด็กได้ไปแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ที่ สน.สุทธิสาร และไปตามคดีกับตำรวจหลายครั้ง แต่พนักงานสอบสวนแจ้งว่าได้ออกหนังสือเรียกทนายความที่ถูกกล่าวหามาแล้ว แต่อ้างว่าติดธุระจึงไม่ได้มา

คุณตายืนยันว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กกตัญญู ไม่ได้ต้องการไปเรียกร้อง หรือต้องการทรัพย์สิน และสาเหตุที่เด็กตกเป็นเหยื่อ เป็นเพราะเด็กเป็นคนซื่อ

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/pTbynEhaHPs