สังคม
พม.ช่วยเด็ก 15 ถูก “ป้า” ตบตีทุกวัน บังคับกินข้าวบูด ร้องอยากตาย ไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว
โดย pattraporn_a
4 ก.ค. 2565
196 views
เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเด็กหญิงอายุ 15 ปี ถูกป้าแท้ ทำร้ายร่างกาย ตบตี เอามือหยิกหน้า หยิกปากจนเป็นแผล และใช้สันมีดตีเด็ก อ้างทำไปเพราะเด็กดื้อ
คลิปที่พลเมืองดีซึ่งเป็นเพื่อนบ้านบันทึกไว้เมื่อคืนนี้ หลังจากน้องปิ่นโต อายุ 15 ปี วิ่งมาขอความช่วยเหลือ หลังถูกป้าแท้ๆ ทำร้ายร่างกาย โดยเด็กได้โชว์บาดแผลให้พลเมืองดีดู โดยชี้ไปที่ใต้ตา และบาดแผลที่แขน ว่าถูกป้าแท้ๆ ทำร้าย พร้อมเปิดเผยความรู้สึกว่าไม่อยากอยู่กับป้าแล้ว อยากไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีป้า เพราะโดนตีทุกวัน และป้าไม่อยากให้ไปเล่นบ้านคนอื่น เพราะกลัวเอาเรื่องที่ถูกตี ไปเล่าให้คนอื่นฟัง พร้อมเล่าว่าถูกบังคับให้กินข้าวบูด เพราะเปลืองตังค์ เลี้ยงดูมาเพื่อใช้ จนทำให้คิดสั้นจะฆ่าตัวตาย
ทีมข่าว ได้พูดคุยกับนางอรญา ลดากุลกานต์ อายุ 41 ปี พลเมืองดีที่บันทึกคลิป เล่าว่า เด็กคนนี้ ชื่อน้องปิ่น อายุ 15 ปี เป็นเพื่อนเล่นกับลูกชายวัย 9 ขวบ โดยแอบมาเล่นที่บ้านเป็นประจำ ในช่วงเวลาที่ป้าไม่อยู่ ที่ผ่านมาเคยสังเกตุเห็นบาดแผลที่ใบหน้าและลำตัวของเด็กบ่อยครั้ง จนเมื่อคืนนี้ ที่เด็กหนีออกมา และเห็นต้องรอยบาดแผลชัดเจนเป็นแผลสด จึงบันทึกคลิป และเด็กก็พรั่งพรูออกมา โดยเฉพาะเรื่องที่บอกว่า อยากฆ่าตัวตาย ตนจึงรีบสอนว่าไม่ถูกต้อง และตัดสินใจโพสต์ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจเปิดหน้า และช่วยเหลือ เพราะลองคิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกหลานตนเอง จะอยู่อย่างไร ถ้าไม่ช่วย ยิ่งตนเอง เคยได้ยินลูกชายวัย 9 ขวบ ที่เคยไปเล่นที่บ้านของน้องปิ่น เล่าให้ฟังว่า น้องปิ่นเคยถูกตี จนต้องก้มกราบขอร้อง ยิ่งทำใจไม่ได้
หลังคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไป วันนี้มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสานไปยัง ตำรวจ สภ.คูคต และ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดปทุมธานี เดินทางไปที่บ้านหลังเกิดเหตุ ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา ซึ่งเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น
เมื่อไปถึง ตำรวจตะโกนเรียกคนในบ้าน พร้อมถามหาน้องปิ่น ก่อนที่ป้าของเด็ก คือ นางมิคาย ชาวเมียนมา อายุ 52 ปี จะเดินออกมา และบอกว่าไม่มีเด็กชื่อปิ่น แต่มีหลาน ซึ่งอ้างว่าหลานไม่อยู่บ้าง บอกว่าเด็กไปหาดใหญ่ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงเค้นถามจนป้าสารภาพว่า น้องปิ่นอยู่ในบ้าน และยอมรับว่า ลงมือทำร้ายหลานจริง ใช้มือตี และใช้เล็บจิกปาก ก่อนที่จะยอมพาน้องปิ่นมาเจอกับเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่จึงสอบถามว่า ร่องรอยบาดแผลที่หน้าไปโดนอะไรมา เด็กตอบด้วยหวาดกลัวว่า "หนูดื้อกับแม่" (เด็กเรียกป้าว่าแม่) เจ้าหน้าที่จึงขอให้เด็กเปิดหน้ากากให้ดู เมื่อเปิดหน้ากากลงมา ปรากฎว่า ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยบาดแผล จึงถามย้ำว่า ไปโดยอะไรมา เด็กก็ตอบเหมือนเดิมว่า หนูดื้อกับแม่ค่ะ เจ้าหน้าที่จึงถามว่า ตีหน้าลูกเลยหรอ ป้าจึงรีบตอบว่า เอามือไปหยิกปากเด็ก แต่เล็บไปโดนใต้ตา
เจ้าหน้าที่เริ่มเห็นพฤติกรรมของเด็กมีอาการหวาดกลัว จึงขอแยกเด็กมาพูดคุยสอบถาม ซึ่งตอนแรกป้าไม่ยอมบอกให้คุยตรงข้างหน้าบ้าน และเมื่อเจ้าหน้าที่แยกตัวเด็กออกมาจากป้าแล้วมาสอบปากคำที่หน้าบ้าน และเริ่มพูดคุยให้เด็กผ่อนคลายและรู้สึกไว้ใจ จนกระทั่งเด็กเปิดใจและเล่าความจริงว่า รอยแผลเป็นที่แขนซ้ายโดนมีด โดนมานานแล้ว // ซึ่งบาดแผลก่อนหน้านี้หายหมดแล้ว
เด็กเล่าเพิ่มเติมว่าปกติ อยู่บ้านตลอด ต้องทำงานบ้านทำทุกอย่าง และเวลาไม่ทำก็โดนตี/นอกจากเอามือหยิกหน้า แล้ว ยังเคยเอาไม้ตี เด็กยอมรับว่าตีแรง และเจ็บ ก่อนเจ้าหน้าที่จะถามว่า จึงไปขอความช่วยเหลือพลเมืองดีใช่ไหม เด็กก็พยักหน้า และเมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่า แล้วยังอยากอยู่กับป้าไหม เด็กส่ายหัว
ส่วนตัวป้าเด็กถูกนำตัวมาที่ สภ.คูคต เพื่อสอบปากคำ ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้มีอาการเครียด แต่กล่าวสั้นๆ ว่า ตนเป็นคนทำจริง เพราะหลานดื้อ จึงต้องสั่งสอน ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวไปสอบสวน โดยมีรายงานว่า ป้ายอมรับว่าสาเหตุที่ลงมือตี เป็นเพราะหลานดื้อ ไม่ยอมเข้าบ้าน ประกอบกับตัวป้ามีความเครียดจากการทำงาน จึงลงมือเพื่อสั่งสอนเพื่อสั่งสอน ทำให้เด็กมีบาดแผลตามร่างกาย ส่วนอีกเหตุผลที่ลงมือ อ้างว่ากลัวเด็กออกนอกบ้านแล้วใจแตก และกลัวว่าหลานจะไปขโมยข้าวของเพื่อนบ้าน
ทางด้านคดี พันตำรวจเอกธนกฤษ บุญเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สภ.คูคต เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น น้องปิ่นมาอาศัยอยู่กับป้า ตั้งแต่ 2 ขวบ โดยถูกเลี้ยงรวมกับลูกป้า อีก 4 คน และเพิ่งมาถูกทำร้ายช่วง 2 ปีหลัง จากการตรวจร่างกายเบื้องต้น เด็กมีบาดแผล เล็บขีดข่วนที่ใบหน้า รอบดวงตา ทั้ง 2 ข้าง มีรอยเล็บที่ปาก และรอยแผลเป็น จากสันมีด ที่แขนซ้าย
ส่วนเด็กตอนนี้ยังอยู่ในอาการหวาดกลัว ไม่อยากกลับไปอยู่กับป้า ตำรวจอยู่ระหว่างทำงานร่วมกับ พม. นำเด็กเข้ากระบวนการสอบปากคำ พร้อมกับสหวิชาชีพ และจะพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลธัญบุรี ก่อนนำตัวเด็กไปดูแลเบื้องต้น
ตำรวจตั้ง 3 ข้อหากับป้าเด็ก ข้อหาทำร้ายร่างกาย , ความผิดตาม พรบ.ใช้ความรุนแรง ในครอบครัว และความผิดตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/agoEePoF-yo