เมียขอแจงบ้าง หลังถูกแฉทำร้ายผัวพิการ ยึดขาเทียมบังคับให้ขอทาน หาเงินไปกินเหล้ากับชายอื่น

พลเมืองดีช่วยเหลือชายพิการพยายามจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย บอกเหตุคิดสั้นเพราะทนไม่ไหวถูกภรรยาทำร้ายบังคับขอทาน เรียกร้องให้ภรรยามาเซ็นต์ใบหย่าให้ตน พร้อมขอเริ่มต้นใหม่เพื่อดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียง ขณะที่ทางภรรยาร่ำไห้ ตามหาสามีหาย เผยไม่รู้สามีพยายามจะกระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตาย

นายจักรพงศ์ อายุ 39 ปี ชายพิการใส่ขาเทียม ยกมือไหว้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและพลเมืองดีเพื่อขอบคุณที่เข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ตนถอดขาเทีียมและกระโดดสะพานพระราม 4 แต่มีพลเมืองดีพบเห็น เข้าช่วยเหลือไว้ได้

นายจักรพงศ์ สารภาพถึงการคิดมาฆ่าตัวตายว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง เพราะตนทนไม่ไหว ที่ถูกภรรยาอายุ 58 ปี ทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง รวมถึงถูกบังคับให้ไปร้องเพลงเปิดหมวกและขอทาน ซึ่งภรรยาจะคอยเฝ้าอยู่ห่างๆ และจะคอยเก็บเงินที่มีผู้ใจบุญบริจาคให้

เมื่อถึงห้องพัก ภรรยาจะเแบ่งรายได้ให้คนละครึ่้ง ก่อนจะออกจากห้องไปข้างนอก พร้อมเอาขาเทียมของตนไปด้วย โดยจะขังตนไว้ เพราะเกรงว่า ตนจะแอบหนีไป บางครั้งถ้ามีรายได้ไม่เยอะ ก็จะเกิดการโต้เถียงและทำร้ายตน รวมถึงมีการพาชายอื่นมาทำร้ายตนด้วย ซึ่งตนต้องทนสภาพนี้มาถึง 3 ปี จนไม่สามารถทนรับสภาพได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจกระโดดสะพานแต่มีคนช่วยเหลือไว้ได้

นายจักรพงศ์ ยังร้องขอด้วยว่า หากเป็นไปได้ ตนไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว แต่ขอกลับบ้านจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ไหม ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยบอกว่าได้ และได้พานายจักรพงศ์ ขึ้นรถเพื่อพาไปส่งบ้านกลางดึก แต่เมื่อไปถึงกับพบสภาพว่า บ้านมืดจึงสอบถามกับพี่สาว บอกว่า ที่บ้านถูกตัดไฟฟ้า เพราะค้างค่าไฟไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว เนื่องจากยากจนไม่มีงานทำ และทันทีที่นายจักพงศ์ได้เจอกันกับพ่อที่ป่วยติดเตียง ก็เข้ากราบพ่อทันที และบอกกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่าดีใจที่ได้กลับมาเจอพ่อและพี่อีกครั้ง

ขณะที่ทีมข่าวเดินทางไปที่หอพักที่อยู่ของนางเอ นามสมมุติ อายุ 57 ปี ภรรยานายต้น ซึ่งอยู่หลังเทศบาลปากเกร็ด ก่อนจะไปเคาะประตูห้องเรียก ซึ่งมีเพียงลูกชาย ซึ่งเป็นลูกติดภรรยา เปิดประตูออกมา และบอกว่าแม่ออกไปข้างนอก ก่อนจะโทรศัพท์จึงติดต่อให้กลับมาพูดคุยกับทีมข่าว ซึ่งทันทีที่มาถึง นางเอ เดินน้ำตาคลอมาหาทีมข่าว และบอกว่าออกไปตามหาสามีตั้งแต่เช้า เพราะไม่รู้ว่าหายออกไปไหน เมื่อทีมข่าวบอกเล่าเรื่องราว นางเอถึงยกมือไหว้ที่มาแจ้งให้ทราบ

นางเอ ยืนยันว่า ไม่ทราบว่าสามีไปกระโดดแม่น้ำพยามฆ่าตัวตาย จึงออกไปตามหาแถวปากเกร็ด  หน้าเมเจอร์ แต่ก็ไม่เจอตัว ถามใครก็ไม่มีใครรู้ เพราะเมื่อวานนี้ สามีเมาสุรา ก่อนที่จะออกจากบ้านไป ตนเองยอมรับว่าเหนื่อยไม่ไหวไปตาม จึงปล่อยให้ออกไป ซึ่งเวลาที่ฝ่ายชายเมา และโมโห มักจะขาดสติ และต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ที่ผ่านมาตนเองถูกฝ่ายชายทำร้ายเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้บอกเล่าให้ใครฟัง เพราะมองว่าเป็นเรื่องในครอบครัว

ส่วนที่สามีบอกว่า ตนทำร้าย และทะเลาะกับสามีนั้น ยืนยันว่าการทะเลาะเป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยา แต่ยืนยันว่า ทุกครั้งที่ทะเลาะเกิดจากการที่สามีเมาสุราอย่างหนัก และมักคิดระแวงว่าตนมีชู้ ซึ่งไม่เป็นความจริง พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมา ตนไม่ให้สามีหนีไปไหน บางครั้งถึงกับเอาขาเทียมไปด้วยจริง เพราะกังวลจะเกิดเหตุแบบนี้ ที่ผ่านมาฝ่ายชายเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง ทำให้ตนต้องทำแบบนี้

ยืนยันว่าไม่เคยบังคับสามี ให้ไปเร่ร่อนขอทาน แต่สามี เป็นฝ่ายอยากไปแสดงความสามารถร้องเพลง ส่วนที่มีคนเห็นว่าตนไปเอาเงินสามีมาก็เพราะว่า ที่ผ่านมา เมื่อสามีได้เงินมาก็เอาไปเลี้ยงเพื่อนฝูงหมด และไม่มีเงินเก็บ ซึ่งคนภายนอกอาจจะไม่รู้ ซึ่งตนกับนายต้น คบหากันมาตั้งแต่ปี 61 ซึ่งผัวเมียมีกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา แต่ตนก็รักสามี ยืนยันอยากดูแลเขา ถึงแม้จะตาบอด หรือเป็นอะไร ก็จะดูแลเขา และแม้เขาจะทำงานอะไรไม่ได้ ตนก็จะทำหาให้

ขณะที่ นายจักรพงศ์ ขอเปิดใจ หลังกลับมาอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งพี่สาวและพ่อ ว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาอยู่กับครอบครัว ตอนนี้เหมือนหลุดพ้นแล้ว เพราะที่ผ่านมาตนถูกบังคับให้ร้องเพลง หาเงิน แล้วต้องเอาเงินไปดูแลลูกของภรรยาซึ่งโตแล้ว และตนถูกทุบตี บางครั้งก็ถูกจับแก้ผ้า ต่อหน้าคน

ตอนนี้สิ่งที่ต้องการที่สุดคือ อยากให้ภรรยามาเซ็นต์ใบหย่าให้ด้วย แม้ว่าตอนนี้ตนจะไม่เหลืออะไร ตนก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ มาดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียง ซึ่งสิ่งที่อยากได้มากที่สุดตอนนี้คือ เครื่องมือหากินชุดใหม่ ทั้งโทรศัพท์ และลำโพง เพื่อออกร้องเพลงเปิดหมวก

ด้าน นางสาว นัชปภา พี่สาวบอกด้วยว่า ที่บ้านโดนตัดมานานกว่า 5 เดือน ต้องอยู่แบบไม่มีไฟกันมา ซึ่งตนพยายามหางานทำ เพื่อหาเงินาจ่ายค่าไฟที่ค้างอยู่ รวมถึงใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพ่อและดูแลลูกอีก 3 คนต่อไป

ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/kzrlJtmEGrk