สังคม
เปิดใจเหยื่อ ได้เงินคืนหลังถูกดูด 2 แสนบาท แนะนำใบแจ้งความไปธนาคารทันที
โดย pattraporn_a
19 ต.ค. 2564
151 views
ผู้เสียหายถูกหักเงินสดออกจากบัญชีไม่รู้ตัวกว่า 2 แสนบาท เผยอยากให้ธนาคารรับผิดชอบมากกว่านี้ และมีมาตรการรัดกุมในการแจ้งเตือนการหักเงินออกจากบัญชี เชื่อเหตุเกิดจากข้อมูลรั่วไหลจากธนาคาร เพราะไม่เคยรูดบัตร ไม่เคยผูกบัญชีออนไลน์ พร้อมแนะนำหากถูกหักเงินให้รีบแจ้งความทันที
จากกรณีที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก ถูกดูดเงินสดออกไปจากบัญชีธนาคารโดยไม่ทราบสาเหตุ ล่าสุด ทีมข่าวได้พูดคุยกับอีก 1 ผู้เสียหาย ที่ถูกหักเงินสดออกไปจากบัญชีเช่นกัน เหตุเกิดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมูลค่าของเงินที่ถูกดูดออกไป รวมกว่า 2 แสนบาท
คุณเกียง ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปตรวจสอบดูในแอปพลิเคชั่นของบัญชี ซึ่งปกติไม่ค่อยได้ใช้งานบัญชีนี้ พบว่ามีรายการถูกตัดเงินสดออกไป 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 1 ก.ย. 64 ถูกตัดเงินไปจำนวน 1 แสน 2 หมื่นบาท ขึ้นว่าทำรายการกับโรงแรมแห่งหนึ่งย่านสาทร ส่วนอีกครั้งคือวันที่ 6 ก.ย. 64 ถูกตัดเงินสกุล USD จำนวน 3,000 USD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1 แสนบาท
ซึ่งตนไม่เคยรู้จักหรือได้ยินชื่อโรงแรมนี้มาก่อนเลย และไม่ได้ทำธุรกรรมรายการนี้เองแน่ๆ จึงได้เข้าไปอายัดบัตรทันที และติดต่อไปที่ Call Center ของธนาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารแจ้งว่าใช้เวลาดำเนินการ 50-90 วัน และพยายามถามว่า เราได้มีการชำระเงินเอง หรือได้นำบัญชีไปผูกไว้กับช่องทางออนไลน์ หรือมีคนในบ้านเอาบัตรไปใช้หรือไม่ ซึ่งก็ได้ยืนยันว่าไม่มี
หลังจากนั้น ได้พยายามติดต่อถามธนาคารทุกวันกว่า 1 สัปดาห์ จนถึงวันที่ 13 ก.ย. 64 ก็ได้รับคำตอบเดิมว่า กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ ซึ่งตนคิดว่าธนาคารน่าจะดำเนินการได้เร็วกว่านี้ เพราะมีข้อมูลทุกอย่าง ตนจึงตัดสินใจไปแจ้งความ ตำรวจก็บอกว่าไม่เคยเจอกรณีแบบนี้มาก่อน จากนั้นได้ส่งหลักฐานการแจ้งความไปยืนยันกับทางธนาคารผ่านทางอีเมล หลังจากนั้นผ่านไป 3 วัน ก็ได้รับเงินคืนกลับเข้ามาในบัญชีเป็นเงินสกุลบาทไทย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากทางธนาคารว่าสรุปแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเกิดเพราะอะไร
ทั้งนี้ ผู้เสียหายยืนยันว่า บัญชีดังกล่าว เป็นบัญชีที่ผูกกับบัตรเดบิตที่สามารถฝากเงินสกุลต่างประเทศได้ ตนจึงจะเอาบัญชีนี้ไว้สำหรับใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งหลังจากได้บัตรเดบิตมา และฝากเงินไว้จำนวนหนึ่งเพื่อเตรียมจะเดินทาง ก็ยังไม่ได้ใช้บัตรเลย เพราะมาเจอสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เดินทางไม่ได้
ดังนั้น บัตรเดบิตจึงยังไม่เคยนำไปใช้รูดชำระสินค้าที่เครื่องใดๆ และบัตรก็อยู่ในกระเป๋าตลอด ไม่เคยหาย ไม่เคยเอาให้ใคร อีกทั้งเลขหลังบัตร 3 หลัก ตนจะเอาเทปมาปิดไว้เสมอ และบัญชีนี้ก็ไม่เคยเอาไปผูกกับแอปพลิเคชั่นใดเพื่อทำการตัดบัตรออนไลน์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนจึงเชื่อว่า เกิดจากข้อมูลรั่วไหลจากธนาคารเอง
ผู้เสียหายบอกด้วยว่า วินาทีที่รู้ว่าเงินถูกตัดไป รู้สึกช็อกมาก และคิดว่าถ้าไม่ได้เข้ามาตรวจสอบและรีบอายัดบัตร เงินต้องหายมากกว่านี้แน่นอนโดยที่ไม่รู้เรื่องเลย เพราะการหักเงินดังกล่าวไม่มีการแจ้งเตือนผ่าน sms ไม่มีให้กรอก otp ยืนยัน หรือไม่มีการสอบถามจากธนาคารก่อนเลย
จึงอยากให้ธนาคารมีมาตรการและความรับผิดชอบที่รัดกุมกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องระบบแจ้งเตือนเงินที่จะตัดออกจากบัญชี เพราะในกรณีของตน ได้ถามไปว่าทำไมถึงไม่มีแจ้งเตือน ธนาคารบอกว่าบัตรนี้ไม่มีระบบนี้ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าธนาคารปล่อยให้เงินหลักแสนออกจากบัญชีลูกค้าไปง่ายๆ ได้อย่างไร และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็อยากให้ธนาคารรับผิดชอบอย่างเต็มที่ด้วย
โดยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าตนจะได้เงินคืนมาแล้ว แต่พอได้เห็นว่ากำลังมีผู้เสียหายที่เพิ่งถูกตัดเงินออกไปอีกจำนวนมาก จึงเข้าใจความรู้สึก ดังนั้น หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ส่วนมากธนาคารจะแจ้งว่าไม่ต้องดำเนินการอะไร กำลังตรวจสอบให้
แต่ตนแนะนำให้ดำเนินการแจ้งความทันที เพราะหากไม่แจ้งความจะเป็นกรณีระหว่างเจ้าของบัญชีกับผู้รับเงิน แต่หากแจ้งความแล้ว เรื่องจะเปลี่ยนเป็นกรณีระหว่างธนาคารกับผู้รับเงิน และอีกวิธีที่จะลดความเสี่ยงการถูกตัดเงินได้ คือ ให้กดระงับ ปิดการใช้บัตรชั่วคราวในแอปพลิเคชั่นธนาคาร เมื่อจะใช้งานค่อยกดเปิด ใช้เวลาไม่นานแต่ดีกว่าเงินหายไปไม่รู้ตัว
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/-I8cMZfUfTY
แท็กที่เกี่ยวข้อง