สังคม

สื่อรัสเซียตีข่าว ด.ช.ตกบ่อน้ำพุร้อนไทย อาการสาหัส ซัดทางการ-ตำรวจไทยเพิกเฉย

โดย pattraporn_a

14 ต.ค. 2564

59 views

แม่ชาวรัสเซีย ร้องขอความช่วยเหลือหลังลูกชาย พลัดตกบ่อน้ำพุร้อน ที่ อ. ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เรื่องราวนี้ผ่านมา 1 เดือนกว่า ไม่มีเจ้าภาพรับผิดชอบ ในการช่วยเหลือค่ารักษา




เรื่องราวถูกโพสต์ผ่านเพจ อีซ้อขยี้ข่าว 2 เป็นการแชร์ข้อมูลของนักท่องเที่ยวหญิงชาวรัสเซียคนหนึ่ง ขอความช่วยเหลือให้กับลูกชาย ด.ช.วัย 7 ปี หลังพลัดตกบ่อน้ำร้อนเอกชนในพื้นที่อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา จนถูกน้ำร้อนลวกตามร่างกาย อาการสาหัส ก่อนนำตัวส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม อ.เมืองเชียงใหม่ พอไปแจ้งความขอให้ดำเนินการตรวจสอบสถานที่ท่องเที่ยว ไป 3 รอบ ตำรวจไทยกลับเพิกเฉย พร้อมขอความช่วยเหลือ หลังค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูงหลักล้านบาท


โดยแม่เด็กได้โพสต์เรื่องราวอาการบาดเจ็บของลูกชาย ในอินสตาแกรมชื่อ Help_for_misha อย่างต่อเนื่่อง เป็นภาพลูกชายวัย 7 ปี กำลังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล อาการค่อนข้างได้รับบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่ครึ่งล่างลงมา โดยสภาพแขนและขาถูกพันผ้าไว้ทั้งหมด เรื่องราวนี้ผ่านมากว่า 1 เดือนกว่า เด็กยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.เชียงใหม่


โดย นางอิลิน่า ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวผ่านล่ามว่า ตนเองพร้อมสามีและลูกชาย ได้เดินทางมาจากพัทยาเพื่อมาเที่ยวภาคเหนือ โดยลงเครื่องที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. จากนั้นได้เช่ารถไปเที่ยวที่อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ในวันที่ 4 ต.ค. ระหว่างทางได้แวะน้ำพุร้อนและถ่ายรูป ซึ่งลูกชายได้พลัดตกลงไปในบ่อน้ำร้อนประมาณ 5 วินาที เธอจึงได้รีบนำตัวลูกชายส่งไปรักษาที่ รพ.ปาย ซึ่งไม่สามารถรักษาอาการได้ จึงส่งมารักษาตัวต่อที่ รพ.เชียงใหม่ราม ซึ่งขณะนั้นร่างกายของลูกชายผิวหนังพุพอง เริ่มยุ่ยหมดแล้ว


เมื่อมาถึง รพ. หมอต้องเร่งทำการรักษา โดยลูกชายถูกน้ำร้อนลวกตั้งแต่บริเวณท้อง แขน ขา ต้องทำการผ่าตัดถึง 3 ครั้ง จนล่าสุดพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู


นางอิลิน่า บอกว่า บ่อน้ำพุร้อนดังกล่าวไม่มีรั้วกั้นที่ปลอดภัยมากพอ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกชายพลังตกลงไป ที่ผ่านมาเธอได้ไปแจ้งความตำรวจที่ สภ.ปาย 3 ครั้ง แต่เกิดปัญหาด้านการสื่อสาร ทำให้ประสานงานไม่รู้เรื่อง จึงได้ประสานเพื่อนที่พัทยา และติดต่อทางล่ามเพื่อช่วยเหลือกระทั่งมีการนำเรื่องดังกล่าวโพสต์ลงเพจ




ปัญหาที่กังวลคือเรื่องค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากไม่ได้ทำประกันไว้ โดยขณะนี้ค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่ประมาณ 5 แสนบาท ในส่วนนี้จะได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิออร์โธด็อกซ์ในกรุงเทพฯ แต่ค่ารักษาที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ยังไม่มี


ล่าสุด มีการชี้แจงเรื่องบ่อน้ำร้อนอยู่ในความรับผิดชอบของใคร โดยนายวรรณศักดิ์ แก่นทรัพย์ ปลัด อบต.เมืองแปง อ.ปาย ระบุว่าลูกชายนักท่องเที่ยวรัสเซีย ที่พลัดตกบ่อน้ำร้อนนั้น เป็นโป่งน้ำร้อนเหมืองแร่ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านสับสา หมู่ 2 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่ปิง ไม่ใช่โป่งน้ำร้อนเมืองแปง หมู่ 4 ตามที่สื่อโซเชียลมีเดียเผยแพร่ ซึ่งโป่งน้ำร้อนดังกล่าวติดตั้งป้ายเตือนเป็นภาษาไทย และอังกฤษแล้ว เนื่องจากมีอุณหภูมิสูงถึง 90-95 องศาเซียลเซียส


ด้าน น.ส.วัชราพร สุทธิสมบัติ เจ้าหน้าที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า เบื้องต้นมีกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวในเรื่องการรักษาพยาบาล แต่จะต้องดูด้วยว่าเกิดจากความประมาท หรือความบกพร่องอื่นของแหล่งท่องเที่ยว วันนี้ได้มาสอบถามข้อมูลและได้รับเรื่องเพื่อนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณา ระหว่างนี้ก็จะมีการประสานงานกับทุกหน่วยงานช่วยเหลือดูแล รวมทั้งจะประสานงานอำนวยความสะดวก หากต้องการย้ายไปรักษาในกรุงเทพฯ หรือเดินทางกลับประเทศ


ขณะที่ทางด้าน พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 พร้อมด้วย พ.ต.ท.มังกร แสนเมืองมา สารวัตรท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้าพบนางอิลิน่า เครปโตว่า และลูกชายที่ได้รับบาดเจ็บ อายุ 7 ขวบ


พ.ต.อ.ธนพล บินทปัญญา ผกก.สภ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากผู้กำกับการท่องเที่ยว 2 จ.เชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ สภ.ปาย ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นสภาพพื้นที่ไม่มีรั้วกั้นอย่างมิดชิด แต่ก็มีป้ายเตือนเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ส่วนกรณีที่อ้างว่ามีการแจ้งความ ตนได้ตรวจสอบกับผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว รวมไปถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงพัก สภ.ปาย ไม่พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในข่าว เดินทางมาแจ้งความแต่อย่างใด


ขณะที่ สำนักข่าว เอ็น-เต-เว ของรัสเซีย รายงานว่า ครอบครัว Khrebtovs  จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก พวกเขาไปเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศไทย แต่เนื่องจากโรคระบาด พวกเขาจึงต้องอยู่ที่นั่นสักพัก เมื่อต้นปีการศึกษา พวกเขาวางแผนที่จะกลับไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อให้มีช่าเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่อเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนจะกลับบ้านเกิดที่รอคอยมานาน แต่มิชาก็ตกลงไปในน้ำพุร้อนและถูกลวกไหม้อย่างรุนแรง


การรักษามีราคาแพง ครอบครัวไม่สามารถจ่ายได้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะพาเด็กกลับบ้านที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในขณะที่ยังมีอาการสาหัสเช่นนี้ โดยแม่ของเด็กชายเล่าว่า “เขาลื่นและล้มตัวไปข้างหน้าด้วยมือของเขาลงไปในน้ำเดือด ดังนั้นเขาจึงถูกไฟไหม้ จากนั้นเขาก็สับสน แทนที่จะวิ่งกลับ เขาวิ่งไปข้างหน้าผ่านน้ำพุร้อนนี้ เขาอยู่ในน้ำพุร้อนเป็นเวลา 5 วินาที ฉันตกใจมาก จากนั้นฉันก็เห็นว่าผิวหนังของเขาลอกออกจากเท้าและมือ”


ตอนนี้ครอบครัวถูกบังคับให้หาทุนสำหรับการรักษา ค่าใช้จ่ายครั้งแรกครอบคลุมโดยคริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียในประเทศไทย แต่เงินจำนวนนี้จะไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้: จำนวนเงินเกิน 1.5 ล้านรูเบิลแล้ว ตำรวจไทยไม่ได้เริ่มดำเนินการใดๆ โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐาน


อเล็กซานเดอร์ โสสนิน หัวหน้าบริษัทท่องเที่ยว ระบุว่า “ปัญหาคือทางการไทยไม่ใส่ใจกับแหล่งข้อมูลดังกล่าว พวกเขาต้องได้รับการปกป้อง เตือน ทำป้ายด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ตอนนี้พวกเขากำลังพยายามทำตัวให้ห่างเหินจากปัญหานี้ พวกเขาบอกว่าไม่มีภาพถ่ายหรือวิดีโอบันทึกในขณะที่เกิดเหตุการณ์"




รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/KsHDkjhNG6Q

คุณอาจสนใจ

Related News