คนไทยรอเก้อ! “กัมพูชา” ไม่ยอมเปิดด่านให้คนไทยข้ามพรมแดนกลับประเทศ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 13 ธ.ค.68 ที่บริเวณหน้าด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ภายหลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย โดยสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา (สน.ปทก.) ได้ส่งสัญญาณแจ้งจากฝ่ายเจ้าหน้าที่กัมพูชาในพื้นที่เมืองปอยเปต จ.บันเตียนเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ว่าพร้อมที่จะเปิดให้คนไทยในพื้นที่เมืองปอยเปต เดินกลับประเทศไทย ได้ในช่วงเวลา 13.00-16.00 น.ของวันนี้ ซึ่งได้มีการแจ้งกระจายข่าวไปยังคนไทยในเมืองปอยเปตว่า ใครจะกลับบ้านเจอกันหน้าด่านปอยเปต รวมทั้งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อ งอาทิ นายอำเภออรัญประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.สระแก้ว ตม.สระแก้ว และ พม.สระแก้ว เดินทางมายังบริเวณหน้าด่าน พร้อมรถยนต์โดยสาร ชนิดต่าง ๆ กว่า 40 คัน เพื่อเตรียมรับคนไทย


เมื่อถึงเวลาดังกล่าว ซึ่งฝ่ายไทยได้จัดเจ้าหน้าที่และได้เปิดประตูให้ชาวกัมพูชาที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ สามารถเดินทางข้ามแดนกลับไปยังฝั่งปอยเปต ได้จำนวนประมาณเกือบ 100 คน ส่วนประตูข้ามแดนฝั่งไทย ทางกัมพูชาไม่ยอมเปิดประตูให้คนไทยได้เดินทางข้ามแดนกลับมา กระทั่งก่อนเวลา 13.30 น.แจ้งว่า มีคำสั่งไม่อนุญาตให้คนไทยข้ามแดนกลับประเทศ ทางการไทยจึงปิดไม่ให้คนกัมพูชาที่เหลือข้ามแดนกลับไปเช่นกัน


ซึ่งจากการตรวจสอบสาเหตุที่กัมพูชาไม่ให้คนไทยกลับประเทศนั้น ได้รับแจ้งว่า เป็นคำสั่งของสมเด็จฮุนเซน สถานทูตไทย ได้ทำหนังสือร้องขอไปทางกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ให้พลเมืองไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย ที่แสดงเจตจำนงที่จะข้ามพรมแดนกลับสู่ประเทศไทย ผ่านด่านชายแดนปอยเปต พร้อมทั้งประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และช่วยอำนวยความสะดวกในการข้ามพรมแดนของพลเมืองไทย ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.ที่่ผ่านมา


ส่วน กอ.รมน.สระแก้ว ระบุว่า การช่วยเหลือทางด้านมนุษย์ธรรมของประเทศไทย ซึ่งตั้งแต่ 10 ธ.ค.2568 ได้รับการประสานงานและดำเนินการ ส่งกลับชาวกัมพูชา กลับประเทศแล้ว จำนวน 7,118 คน และขณะที่มีพลเมืองไทยรอกลับจากฝั่งกัมพูชา 7,000-8,000 คน


ขณะที่สถานการณ์ในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ช่วงบ่ายวันนี้ ปรากฏว่า ทางทหารและฝ่ายปกครอง ได้แจ้งเร่งด่วนให้ชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมีรถใหญ่ ตั้งแต่กระบะ ,รถ 6 ล้อ และ 10 ล้อ หรือบรรทุกพ่วงต่าง ๆ ให้รีบเอารถออกมาจากพื้นที่ให้หมด เนื่องจากอาจจะมีการปะทะใหญ่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายนี้เป็นต้นไป


นางณัฐฑ์ตา นายจ้างชาวกัมพูชา ที่มาส่งลูกน้องชาวกัมพูชากลับประเทศ กล่าวว่า ประชาชนคนไทยและคนเขมร ทุกคนก็มีชีวิต พวกนี้เค้าไม่ได้เกี่ยวข้องเลย เค้าเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่พวกคุณอย่างเห็นเขาเป็นเครื่องต่อรอง จากเดิมที่บอกว่า จะปล่อยคนไทยออกมา แต่จู่ ๆ มายกเลิกนั้น มองว่า มันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว บอกกับทุกคนแล้วมีนาทีไหนที่มันเป็นจริง


ที่ผ่านมาเขมรเชื่อไม่ได้เลย คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เขาไม่เปิดให้คนไทยกลับมาแน่นอน บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าข เชื่อได้มั้ยล่ะ นาทีไหน ก็หลายรอบแล้วนี่ ดูจากที่ไปประชุมกี่รอบแล้ว ได้ซักรอบมั้ยล่ะ คุณห่วงประชาชนเหมือนที่คนไทยห่วงประชาชนมั้ย ถ้าประชาชนของคุณเขาส่งคนของคุณกลับไปบางส่วน เมื่อไม่ให้คนไทยเข้า คุณคิดจะเอาชีวิตประชาชนมาต่อรองหรือ กรรมเวรก็จะมาตกกับลูกหลานคุณ อย่างเห็นแก่ตัวเองเกินไป" นางณัฐฑ์ตา กล่าว


นางสมหมาย ชาวบ้านที่ บ.คลองลึก ซึ่งได้เดินมาคุยกับนักข่าวตั้งแต่ก่อนเที่ยงแล้วว่า เขมรมันหลอก มันไม่มีวันปล่อยคนไทยออกมาอย่างแน่นอน แล้วก็เป็นความจริงตามที่นางสมหมายกล่าวไว้ ซึ่งเธอกล่าวภายหลังว่า ในฐานะนายจ้าง ลูกน้องอยากกลับ เราก็โอเค เขาจะกลับก็ให้เขาอยากกลับแล้วก็มาส่งกลับเอง เพราะคนเขมรที่อยู่ในไทยก็ไม่สบายใจ พ่อแม่เขาก็เหมือนกันกับเรา ที่ห่วงลูกหลานก็อยากให้กลับ เราก็ต้องมาส่งเขากลับ ญาติตนก็อยู่หนองบัวลำภูก็อยากให้อพยพกัน แต่ก็ห่วงด้วยเพราะมีลูกน้อง 3 คน ส่วนหลังจากนี้ เมื่อปล่อยให้คนไทยแล้วบริเวณนี้จะเป็นสนามรบนั้น ก็ห่วงเหมือนกัน เพราะเราค้าขายอยู่ชายแดน เราขายรองเท้ามือ 2 ก็ส่งไปอินโดฯ มาเลฯ ด้วย โดยให้แรงงานชาวกัมพูชาทำของให้เป็นสินค้าทุกวันนี้