สังคม
กรมศิลปากร ชี้ “ปราสาทตาควาย” บูรณะซ่อมแซมได้ มอง “กัมพูชา” ไม่หวงแหน ใช้เป็นป้อมปืน
2 ชั่วโมงที่แล้ว
7 views
ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา กรมศิลปากร ชี้ “ปราสาทตาควาย” สามารถบูรณะซ่อมแซมได้ ท่ามกลางการสู้รบ แต่กัมพูชาไม่เคารพและหวงแหนในโบราณสถาน กลับใช้เป็นป้อมปืนในการสู้รบ
นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา กรมศิลปากร กล่าวถึงความเสียหายของปราสาทตาควาย ในตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ที่เกิดจากการสู้รบของทหารไทยและทหารกัมพูชา
โดยระบุว่าโบราณสถานของปราสาทตาควาย เรียกว่าเป็นโบราณสถานที่เรียกว่า ศาสนสถาน หรือ เทวสถาน ในศาสนาพราหมณ์ สร้างขึ้นมาประมาณ 1,000 ปีที่แล้ว น่าจะอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 – 17 ในส่วนของตัวปราสาทตาควายนั้น กรมศิลปากรยังไม่เคยเข้าไปศึกษาในรายละเอียดมากกว่าข้อมูลเบื้องต้นที่ได้มา
ส่วนภาพความเสียหายของปราสาทตาควาย ที่เกิดจากการสู้รบตามที่ปรากฏในข่าวนั้น ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ระบุว่า จากภาพที่เห็นในข่าว ตัวโบราณสถานไม่ได้พังทลายลงมาทั้งหมด มีบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบที่พังทลายลงมา การจะเข้าไปบูรณะซ่อมแซมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่นปัจจัยการเข้าไปเก็บรวบรวมข้อมูลในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด เพื่อนำมาสู่การวางแผนบูรณะซ่อมแซม เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีโบราณสถานอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายกัน และเกิดการพังเสียหายในลักษณะคล้ายกัน ก็สามารถบูรณะซ่อมแซมได้ แต่อาจจะมีข้อแม้ว่า การพังทลายของตัวปราสาทตาควาย จะต้องไม่พังทลายไปมากกว่านี้
ที่ผ่านมาในอดีต สำหรับปราสาทตาควายนั้น มีข้อมูลว่าปราสาทตาควาย มีการสำรวจและเจอปราสาทดังกล่าวเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ในช่วง 2540 กว่าๆ แต่ในช่วงเวลานั้น มันมีการทำข้อตกลงเกี่ยวกับพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา หรือเรียกว่า MOU 43 จึงยังไม่ได้เข้าไปสำรวจละเอียดได้
ขณะเดียวกันในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่กรมศิลปากร กำลังเข้าไปบูรณะปราสาทตาเมือนธมอยู่แล้ว แต่เมื่อมี MOU 43 รัฐบาลในยุคนั้น มีนโยบายให้กรมศิลปากรยุติการดำเนินการ ในเรื่องเกี่ยวกับโบราณสถานตามแนวชายแดนไทย-กัมพุชา เนื่องจากมีกรณพิพาท ทำให้กรมศิลปากรจึงหยุดการเข้าไปสำรวจและบูรณะ โบราณสถานตามแนวชายแดนตั้งแต่นั้นมา และมีหลายแห่งที่เพิ่มไปสำรวจและพบภายหลัง
จากนี้ไป การจะเข้าไปบูรณะซ่อมแซมได้นั้น ต้องขึ้นอยู่กับสภาวะการสู้รบของไทย-กัมพูชา ว่าจะยุติเมื่อไร และมีความปลอดภัยมากเพียงพอสำหรับเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปตรวจสอบ หรือเก็บข้อมูลหรือไม่ เพื่อนำมาวางแผนซ่อมแซม
สำหรับสิ่งที่บางส่วนกังวลว่า นานาประเทศจะแสดงท่าทีต่อไทยอย่างไร เพราะทางกัมพูชา กล่าวหาว่าไทยเป็นผู้ยิงทำลายตัวปราสาทตาควาย ในส่วนนี้ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา มองว่า ในเรื่องว่าใครทำลายปราสาทตาควายนั้น แล้วแต่มุมมองของแต่ละบุคคล แต่ที่เราทราบกันดี คือทหารกัมพูชา เปิดเผยเองว่า กัมพูชาได้นำอาวุธและยุทโธปกรณ์ต่างๆ เข้าไปตั้งไว้ในปราสาทตาควาย ทำให้ตัวปราสาทกลายเป็นป้อมปืน ถ้ามองในมุมนี้จะเห็นทางฝ่ายกัมพูชา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวโบราณสถาน และกัมพูชาก็ไม่ได้เคารพกติกาสากล ในเรื่องของการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม ดังนั้นเราต้องมองในมุมกลับกันด้วย
ปัจจุบันตัวปราสาทตาควาย เป็นซากโบราณสถาน ที่ก่อนหน้านี้มีการดูแลร่วมกันของไทยและกัมพูชา ยังไม่ได้ประกาศขึ้นเป็นมรดกโลกที่ต่างๆชาติจะมาดำเนินการอะไร ดังนั้นสิ่งที่ต่างชาติจะต้องมอง ก็คือประเด็นที่กัมพูชา เอาป้อมปืนไปใส่ไว้ในปราสาทตาควาย ทำให้กลายเป็นพื้นที่สู้รบสำรวจ
แท็กที่เกี่ยวข้อง ชายแดนไทยกัมพูชา ,ปราสาทตาควาย ,กรมศิลปากร