สังคม

ประชาชนหลั่งไหล เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระพันปีหลวง

9 พ.ย. 2568

289 views

วันนี้ (9 พฤศจิกายน 2568) เป็นวันแรกที่สำนักพระราชวัง ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเปิดให้พสกนิกรได้เข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งจะเปิดให้เข้ากราบถวายบังคมได้ทุกวันเป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 08:00 น. จนถึง 21:00 น.

โดยบรรยากาศที่ท้องสนามหลวงตั้งแต่ช่วงเวลา 07:00 น. ที่ผ่านมา พบว่า มีพสกนิกรจำนวนมากเดินทางมาเพื่อรอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพก่อนถึงเวลาเปิดเข้าพระบรมมหาราชวัง จนเต็มเต็นท์พักคอยของท้องสนามหลวง ทำให้เวลา 07:20 น. ทางเจ้าหน้าที่เปิดให้พสกนิกรได้ลงไปพักคอยที่บริเวณโถงอุโมงค์ลอดถนนหน้าพระลาน เพื่อผ่านจุดคัดกรองและจัดระเบียบ ก่อนทยอยนำพสกนิกร 30 คนแรก ขึ้นอุโมงค์ลอดถนนหน้าพระลานเข้าไปยังประตูมณีนพรัตน์ เพื่อพักคอยที่ระเบียงคด วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว จากนั้นจึงเริ่มทยอยให้พสกนิกรเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในช่วงเวลา 08:00 น.

สำหรับเส้นทางการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ จะต้องเดินผ่านทางเข้าและเต็นท์พักคอยจากท้องสนามหลวงแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่จิตอาสาจัดให้เดินลงอุโมงค์ทางเดินลอดถนนหน้าพระลาน เพื่อผ่านจุดคัดกรองเจ้าหน้าที่ โดยต้องเดินผ่านเครื่องตรวจอาวุธและผ่านการตรวจกระเป๋าสัมภาระ รวมทั้งตรวจร่างกายด้วยเครื่อง Hand scan ก่อนจะนำไปสู่ขั้นตอนการลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน หรือบัตรเอกสารราชการ เช่น ใบขับขี่ หรือพาสปอร์ต จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะให้สติ๊กเกอร์รูปโบว์สีดำให้กับพสกนิกรที่เตรียมพร้อมสำหรับเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ นอกจากนี้ยังได้จัดจุดให้บริการยืมผ้านุ่งสำหรับสุภาพสตรีภายในโถงอุโมงค์ด้วย

จากนั้นเจ้าหน้าที่จะพาพสกนิกรนั่งพักคอยในอุโมงค์ เพื่อจัดลำดับการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ โดยจะจัดชุดให้เข้าภายในพระบรมมหาราชวัง คราวละ 30 คน เพื่อป้องกันความแออัด

ต่อมา เจ้าหน้าที่จะจัดให้เดินขึ้นอุโมงค์ฝั่งพระบรมมหาราชวัง เดินเลียบถนนหน้าพระลาน ตรงไปยังประตูมณีนพรัตน์ แล้วเดินตามเส้นทางที่ทางสำนักพระราชวังกำหนด จนถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมื่อกราบถวายบังคมเสร็จแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะให้เดินออกทางประตูเทวาภิรมย์ ฝั่งถนนมหาราช ตรงข้ามท่าราชวรดิฐ ซึ่งบริเวณดังกล่าว ทาง ขสมก. ได้จัดเตรียมรถ Shuttle bus รอบละประมาณ 4 คัน เพื่อพาพสกนิกรเดินทางกลับมาส่งที่ท้องสนามหลวงต่อไป

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้เปิดช่วงเวลาสำหรับเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ จำนวน 4 ช่วง ได้แก่

- ช่วงที่ 1 ตั้งแต่เวลา 8:00 น. - 10:45 น.

- ช่วงที่ 2 ตั้งแต่เวลา 12:00 น. - 16:45 น.

- ช่วงที่ 3 ตั้งแต่เวลา 17:45 น. - 18:30 น.

- ช่วงที่ 4 ตั้งแต่เวลา 19:45 น. - 21:00 น.

โดยมีข้อแนะนำการแต่งกายว่า สุภาพบุรุษควรแต่งกายด้วยชุดสุภาพไว้ทุกข์ งดกางเกงยีนส์ ส่วนสุภาพสตรีควรแต่งกายด้วยชุดสภาพไว้ทุกข์ สวมกระโปรง หรือผ้านุ่งเท่านั้น

ทีมข่าวช่อง 3 ได้พูดคุยเปิดใจกับพสกนิกรชาวไทย ที่ได้มีโอกาสเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

โดย นางมณีรัตน์ อายุ 67 ปี ได้ร่ำไห้ภายหลังเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ และเปิดใจกับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า ความรู้สึกแรกที่ตนได้เห็นพระโกศพระบรมศพ ตนจุกอกจนพูดไม่ออก และร่ำไห้ออกมาด้วยความเสียใจอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระองค์ ตนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายเพื่อพสกนิกรชาวไทยและเป็นแม่หลวงของแผ่นดิน โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจที่เคียงคู่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ครั้งหนึ่งทรงเคยมีพระราชดำรัสว่า "พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า"

ด้าน คุณแม่ประวิง อายุ 86 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งนั่งรถเข็นมากราบถวายบังคมพระบรมศพพร้อมครอบครัว เปิดใจว่า ตนเองเคยเป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเมื่อปี 2524 ตนมีโอกาสเดินทางมาเข้าเฝ้าทูลองธุลีพระบาทที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต และมีโอกาสกราบบังคมทูลว่า ตอนนั้นตนป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 2 สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม รับตนเป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยจนหายดี

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ตนจึงเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ แม้ร่างกายจะไม่เต็มร้อย แต่มาด้วยใจที่เต็มร้อย โดยความรู้สึกที่ตนได้เห็นพระโกศพระบรมศพนั้น ตนรู้สึกเสียใจจนอธิบายไม่ถูก หากไม่ได้พระองค์ท่าน ตนคงไม่ได้รับการรักษาและมีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับน้องนักเรียน 2 คน ที่เดินทางมากับครอบครัว คนแรกคือ ด.ญ.พรนภา อายุ 10 ขวบ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เดินทางมาจาก จ.กำแพงเพชร บอกว่าเธอได้มีโอกาสศึกษาพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค์ จึงรู้สึกรักและเทิดทูนพระองค์ท่าน เลยตั้งใจที่จะเดินทางมากราบพระบรมศพในวันนี้ โดยตั้งใจว่า หลังจากนี้ตนจะน้อมนำคำสอนและสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่านโดยเฉพาะในเรื่องศิลปะวัฒนธรรม เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่พระองค์ท่าน

เช่นเดียวกับ นายจักรพรรดิ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อายุ 15 ปี ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับคุณยาย บอกว่าตนเองตั้งใจเดินทางพาครอบครัวมากราบถวายบังคมพระบรมศพด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยเฉพาะโครงการสำคัญหลายโครงการ เช่น โขน ผ้าไหมไทย และพระราชกรณียกิจอีกมากมาย ซึ่งหลังจากนี้ ตนตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพื่อทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติในอนาคตสืบไป



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Kx0wHt5jOrU

คุณอาจสนใจ

Related News