สังคม

“ทนายสงกานต์” แจ้งความเอาผิด “หมอปลาย” ปมทำนายเหตุปะทะชายแดน ทำคนตื่นตระหนก

8 ส.ค. 2568

91 views

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (8 ส.ค.) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ หรือ ทนายสงกานต์ ประธานชมรมเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ได้เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ณวรชา พินิจโรคากร หรือ “หมอปลาย พรายกระซิบ” จากกรณีเผยแพร่ข้อความทำนายเกี่ยวกับเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก

โดยทนายสงกานต์ กล่าวว่า เนื่องจากตนเห็นว่าการกระทำของหมอปลายทั้งการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นที่ว่า จะมีเหตุปะทะชุดใหญ่ไฟกระพริบภายใน 1-2 วัน รวมทำได้โพสต์คลิปเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่อ้างว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้บริหารประเทศเอง เสมือนว่าตอนนี้ประเทศไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศ และจะมีผู้ชายมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งตนมองว่าข้อความดังกล่าวกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รวมทั้งจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนในช่วงสถานการณ์อ่อนไหวแบบนี้

ตนจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางตำรวจไซเบอร์ เพื่อดำเนินคดีกับหมอปลายตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มาตรา 14 (2) พร้อมนำพยานหลักฐานเป็นถอดเสียงคลิปสัมภาษณ์และโพสต์เฟซบุ๊กของหมอปลาย พรายกระซิบกว่า 50 หน้ามามอบให้กับทางตำรวจ

ทนายสงกานต์ ยังกล่าวอีกว่า ตนหวังจะให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนสำหรับบรรดานักพยากรณ์หรือหมอดูทั้งหลายว่า อย่าอวดอ้างหรือทำนายทายทักในสิ่งที่ไม่เป็นจริงและส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งตนก็เคยดำเนินคดีกับหมอดูเรนนี่มาแล้วเมื่อหลายปีก่อน ในเรื่องนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตนก็ไม่อยากจะก้าวล่วงเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและกฎหมายบ้านเมือง

ทั้งนี้ ตนเองไม่หวั่นเกรงว่าจะถูกทัวร์จากแฟนคลับหมอปลายมาลง เพราะสิ่งที่ตนทำไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ทุกคนต้องมีเหตุมีผลและมีสติตั้งมั่น

นอกจากนี้ ทนายสงกานต์ ยังบอกอีกว่า จะเฝ้าจับตาดูบรรดาผู้วิเศษทั้งหลายว่า จะมีลักษณะพฤติกรรมคล้ายคลึงกันอีกหรือไม่ และขอฝากไปยังสื่อมวลชนและรายการต่างๆ ว่า ขอให้พิจารณาทบทวนการนำผู้วิเศษมาทำนายทายทักหรือพูดอะไรที่อาจจะกระทบต่อความมั่นคงในช่วงสถานการณ์อ่อนไหวแบบนี้

ขณะเดียวกัน ทนายสงกานต์ ยังได้พาพยานบุคคลซึ่งเป็นชาว จ.ตราด อายุ 39 ปี มาให้ปากคำด้วย โดยเธอระบุว่า เธอเคยเป็นแฟนคลับของหมอปลาย แต่พอเห็นโพสต์และคลิปสัมภาษณ์ของหมอปลาย ทำนายว่าสถานการณ์ตามแนวชายแดนจะเลวร้ายลง กอปรกับบ้านของเธอติดอยู่กับแนวชายแดนกัมพูชาพอดี จึงทำให้เกิดความวิตกกังวล และหวั่นเกรงว่าจะมีเหตุปะทะใหญ่ขึ้นมาจริงๆ เลยทำให้เธอรู้สึกเครียด กระวนกระวาย เป็นห่วงความปลอดภัยครอบครัว จนถึงขั้นอยากอพยพ และหวาดระแวงว่าจะเกิดการรุกรานแถวบ้านเธอจริงๆ ซึ่งพยานมองว่า คนเป็นหมอดูนั้นควรจะต้องใช้วิจารณญาณและดุลพินิจในการสื่อสารว่า อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างมาก

ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ซึ่งได้รับเรื่องแจ้งความด้วยตนเอง เปิดเผยว่าหลังจากนี้จะนำพยานหลักฐานไปตรวจสอบว่า พฤติการณ์ของหมายปลายเข้าองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน ใช้เวลาไม่นาน

โดยหลักจะต้องดูว่า พยานหลักฐานที่มีนั้นชี้ชัดว่า ผู้ถูกกล่าวหาคือหมอปลาย เป็นผู้นำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านบัญชีโซเชียลของตนเองหรือไม่ หากพบว่าเป็นผู้นำเข้าข้อมูลด้วยตนเอง ก็จะมีความผิดในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามที่ถูกกล่าวหา

แต่ถ้าพบว่าไม่ได้เป็นผู้นำเข้าข้อมูลด้วยตนเอง ก็จะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 384 ซึ่งเป็นคดีที่หมอปลายถูกทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์และทนายเกิดผล แก้วเกิด แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยหากไม่ผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทางตำรวจไซเบอร์ก็อาจจะนำพยานหลักฐานไปรวมคดีที่ สภ.ปากเกร็ด ต่อไป

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ยังกล่าวอีกว่า การกระทำความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้น 1 กรรมหรือ 1 โพสต์เท่ากับโทษจำคุก 5 ปี ฉะนั้น จึงฝากเตือนไปยังบรรดาหมอดูหรือผู้วิเศษทั้งหลายว่า แม้คุณจะอยู่บนพื้นฐานความเชื่อศรัทธาของประชาชน แต่การชี้นำทำนายใดๆ ขอให้พิจารณาถึงข้อกฎหมายและประเด็นสังคมในเวลานั้นด้วย ยิ่งหากเป็นเรื่องของชายแดนที่มีความละเอียดอ่อน อาจจะส่งผลกระทบให้ประชาชนตื่นตระหนกได้ ดังนั้น ควรจะต้องมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ขณะเดียวกัน ผู้ที่แชร์ข้อมูลต่อก็มีความผิดตามกฎหมายเช่นเดียวกัน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า ไม่รู้ว่าข้อมูลผิดกฎหมายขณะที่แชร์

คุณอาจสนใจ

Related News