ขอทานชาวกัมพูชา เผยกลับประเทศไปก็ลำบาก-อดตาย อยู่ไทยดีกว่า รายได้ดี ถูกจับก็แอบลอบเข้ามาใหม่

กลุ่มขอทานชาวกัมพูชา ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เผย ไม่ขอกลับประเทศ กลับไปก็ลำบาก-อดตาย ยอมรับเคยถูกจับส่งตัวกลับประเทศ 1-2 เดือน แอบลักลอบเข้ามาใหม่ อยู่ไทยรายได้ดี 500-2,000 บาท ต่อวัน

เมื่อคืนที่ผ่านมา (3 สิงหาคม 2568) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ ไปสำรวจกลุ่มขอทานชาวกัมพูชา ในเขตพื้นที่เมืองพัทยา ก็ไปพบกลุ่มขอทาน กระจายกันนั่งขอทานอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ หรือ ตามย่านสถานบันเทิงบาร์เบียร์ต่างๆ ที่มีผู้คนและนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน ซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มขอทานจะใช้เด็กน้อยเป็นสะพานในการเรียกร้องความสงสาร นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนชาวกัมพูชา คอยสังเกตการณ์ ดูต้นทางให้กับกลุ่มขอทาน ถ้าเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล ก็จะส่งสัญญาณให้พากันลุกเดินหนีไปทันที

ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณแม่ลูกอ่อน วัย 24 ปี อุ้มลูกสาววัยเพียง 2 เดือน กำลังให้นมในอ้อมอก นั่งขอทานอยู่ที่บริเวณ หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ให้ข้อมูลว่าจากสถานการณ์ความไม่สงบในเขตชายแดน รู้เรื่องสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา แถมบ้านของเธอยังติดอยู่กับพื้นที่ชายแดน ขณะที่เธอไม่อยากกลับบ้าน เพราะกลับไปคงลำบาก อีกทั้งเธอถูกสามีทิ้ง จึงมานั่งขอทาน เพิ่งจะได้เงินเพียง 200 บาท

ขณะที่ แม่ลูกขาวกัมพูชาอีกคู่หนึ่ง (ลูกชายอายุประมาณ 7-8 ขวบ) พอเห็นทีมข่าว ก็พากันวิ่งหนีเข้าซอย แล้วแกล้งเข้าไปในห้องน้ำของโรงแรม ทีมข่าวก็นั่งรอจนมีโอกาสพูดคุย ซึ่งเธอก็ยอมรับว่า เธอเคยถูกจับกุมมาแล้วและถูกส่งตัวกลับไปที่ประเทศกัมพูชา และจะแอบลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ได้ไม่ถึง 1 เดือน โดยเธอยอมรับว่าที่ประเทศไม่มีงานทำ แถมเธอป่วยเป็นโรคเบาหวาน เลยต้องเข้ามาขอทานในประเทศประเทศไทย แต่พอผู้สื่อข่าวถามว่าอยากกลับประเทศหรือไม่ ตอบเพียงว่า “ อยากกลับแต่ไม่มีตังค์”

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวบ้าน ในละแวกดังกล่าว ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ (บ้านอยู่ห่างจากเขตชายแดน 70 กม.) ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เห็นกลุ่มขอทานชาวกัมพูชาชอบมานั่งขอทานแถวนี้เป็นประจำ และในช่วงที่เริ่มมีการปะทะกัน ระหว่างทหารไทย กับ ทหารกัมพูชา ตอนนั้นเธอได้มีโอกาสพูดคุยกับกลุ่มขอทาน ซึ่งทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ยอมรับว่ากลัวถูกตำรวจจับ แต่หากกลับไปประเทศไปก็คงลำบาก อดตาย หางานทำไม่ได้ เลยจำเป็นต้องมาอาศัยประเทศไทย ในการหาเงินเลี้ยงชีพ และ มีเงินส่งกลับไปให้ญาติที่ประเทศกัมพูชา” ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยมีพิษมีภัย แต่ก็เข้าใจว่าอาชีพขอทาน เป็นอาชีพผิดกฎหมายของประเทศไทย

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าว ได้ตระเวนไปตามจุด สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ยังพบว่ามีกลุ่มขอทาน ชาวกัมพูชาอีกหลายจุด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงและจะมีลูกน้อย 1-2 คน มาร่วมขอทานด้วย ซึ่งเวลานักท่องเที่ยว ผ่านมาเห็นก็จะเกิดความสงสาร และจะยื่นเงินใส่กระป๋องให้ทันที พอผู้สื่อข่าวเข้าไปถาม ก็พยายามจะไม่ตอบคำถาม สักพักพอผู้สื่อข่าวเดินกลับกลุ่มขอทานก็จะอุ้มลูกหนีเข้าซอยไปทันที

ชาวบ้าน และ กลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้าง ยังเปิดเผยกับทีมข่าวว่า กลุ่มคนขอทานพวกนี้ เป็นหน้าเดิมๆ พอถูกตำรวจจับไป ผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน ก็จะกลับมานั่งขอทานอีก จนกลายเป็นเรื่องปกติ เลยไม่ค่อยมีใครสนใจ ส่วนใหญ่กลุ่มขอทานชาวกัมพูชา จะไม่ค่อยสร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยว โดยจะนั่งขอทานอยู่ริมทางเดินเท้าฟุตบาธ จะใช้เด็กน้อยในการดึงดูดเรียกร้องความสงสาร จนนักท่องเที่ยวยอมควักเงินให้ อีกทั้งยังรู้มาว่า กลุ่มชาวกัมพูชา ที่มานั่งขอทาน รายได้ดีมาก วันๆ ได้เงินขั้นต่ำต้องมีอย่างน้อย 400-500 บาท บางวันฟลุ๊คๆ ต้องมี 1,000-2,000 บาท โดยจะเริ่มนั่งขอทานตั้งช่วงหัวค่ำไปจนถึงดึก