สังคม
สิ้นสุด 8 ปีที่รอคอย พ่อแม่น้องเมย เผยทั้งน้ำตา กู้คืนศักดิ์ศรีให้ลูก หลังศาลทหารชั้นฎีกา สั่งจำคุกรุ่นพี่
22 ก.ค. 2568
857 views
จากกรณีที่ “น้องเมย” นตท.ภัคพงค์ ตัญกาญจน์ เสียชีวิตปริศนา เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 ขณะศึกษาอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหาร โดยใบมรณะบัตรระบุเพียงว่าเกิดจาก “ภาวะหัวใจล้มแล้วเฉียบพลัน ” ค้านกับสภาพร่างกายที่แข็งแรง ขณะที่คนในครอบครัวตัญกาญจน์ ยืนยันว่าเป็นการเสียชีวิตที่ผิดปกติ จนนำสู่การนำร่างส่งผ่าพิสูจน์รอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม หลังผลการผ่าพิสูจน์ในรอบแรกของสถาบันพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้สร้างความคลางแคลงใจให้เป็นอย่างมาก กระทั่งผลการผ่าพิสูจน์รอบ 2 พบว่าอวัยวะสำคัญทั้ง สมอง,ปอด และอวัยวะสำคัญหลายส่วนหายไป และยังพบรอยช้ำตามร่างกายหลายแห่ง ซึ่งทางครอบครัวได้ฟ้องรุ่นพี่บังคับบัญชา ที่ธำรงวินัยจนหมดสติ
วันนี้ 22 ก.ค.68 เวลา 08.00 น. นายพิเชษฐ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ พ่อแม่ของน้องเมย เดินทางมาที่ศาลทหาร มทบ.12 ปราจีนบุรี โดยศาลนัดอ่านฎีกาคำพิพากษาในคดีอาญา โดยผลคำพิพากษายืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ ลงโทษจำคุก 6 เดือน แต่ลดโทษเหลือ 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท ให้รอลงอาญา 2 ปี เนื่องจากจำเลยยังทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้
ด้าน นายพิเชษฐ์ และนางสุกัลญา กล่าวทั้งน้ำตาว่า คดีทำร้ายร่างกาย เป็นคดีแรกที่นักเรียนบังคับบัญชาสั่งธำรงวินัยทำโทษในท่าที่ผิดกฎระเบียบโรงเรียน เราสู้ให้เขาจนวันนี้ เราก็สู้ให้เขามา 8 ปี จนเรารู้ว่าสิ่งที่น้องเมย โดนกล่าวหาว่าผิดระบบ เกียรติศักดิ์เขาไม่เคยผิด และเขาไม่เคยโกหก จากคำสั่งศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ จนวันนี้ถึงฎีกา เราจะมาฟัง มันเป็นสิ่งที่ตนอยากจะบอกว่าเด็กคนนึงโดนทำร้ายแล้วโดนทำร้ายอีก แม้แต่ตายยังไม่มีโอกาสพูด ยังโดนใส่ร้ายไปอีก
วันนี้แม่มาร้องทุกข์แทนเขา มาแก้แทนเขา ถ้าผลออกมาดี เมยเขาก็หลุดข้อกล่าวหา ข้อครหานี้ที่ติดตัวเขาไปจนวันตาย จนปัจจุบัน 8 ปี ตนจะได้สบายใจ มันเป็นศักดิ์ศรีของลูกเรา ช่วงของชั้นศาลอุทธรณ์ที่ให้ทางกลาโหมชดใช้ ยังไม่ได้มีการชดใช้เลย และมีการปล่อยข่าวว่าทางเรารับตังค์มาส่องไฟท์ครั้งแรก 20 ล้านบาท ไฟท์ที่ 2 จำนวน 10 ล้าน เขาเอาเงินตรงไหนมาให้ทางเรา เขายังไม่มาคุยเลย เขายังไม่เคยให้เกียรติเราเลยสักนิด มีแต่พยายามปิดบังเรามาตลอด สน.พญาไท นายแพทย์ที่ผ่าศพเป็นคนแรก และไม่นำอวัยวะคืน ทางแม่ได้ไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ตำรวจออกหมายเรียกไป 2 ครั้ง ไม่มา แต่ตำรวจไม่กล้าออกหมายจับ ปัจจุบันนี้ 4 ปีแล้ว อวัยวะที่ได้คืนมา ทางเราบอกว่าไม่ใช่ของลูกเราอย่างแน่นอน อวัยวะยังอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทางคุณหมอได้ตรวจ DNA แล้ว แต่ DNA มันไม่เกี่ยวข้องกับเรา เรื่องนี้ต้องรอให้ทางหมอเป็นคนแจง ทางเราเคยขออวัยวะมาบำเพ็ญกุศลหมอบอกเอาไปทำอะไร เขาพูดแค่นี้ เราเลยต้องทิ้งเอาไว้ที่นั่น
ตอนนี้ทางเรามีประเด็นที่คาใจ คือเราไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.พญาไท ได้ออกหมายเรียกไป 2 ครั้ง แล้วครั้งที่ 3 ไม่กล้าเรียก ไม่กล้าออกหมายจับเพราะอะไร ตนก็อยู่ประเทศไทยเหมือนกัน ใช้กฎหมายคงฉบับเดียวกับเขา แค่ลำพังที่เรามาขึ้นศาลทหาร ทุกวันนี้เรายังเป็นบุคคลอีกชั้นนึงเลย ทางฝั่งจำเลยสามารถแต่งตั้งทนายมาได้ ทางเราฝ่ายโจทก์ไม่สามารถที่จะแต่งตั้งทนายมาสู้กับเขาได้ เขาไม่ให้เพราะทางเราเป็นพลเรือน ถ้าทางแม่กับพ่อรับราชการ มีตำแหน่งมียศอยู่ในกองทัพ เราตั้งทนายได้ เราเป็นพลเรือนคนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ อัยการทำหน้าที่แทน กองทัพก็ยังไม่ใส่ใจเลย เราฝากฝังเขาไปแล้ว เราทำอะไรไม่ได้เลย เราร้องแทนได้แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่รู้จะอธิบายยังไง เราอยู่แบบทนทุกข์ทรมานมา 7 ปีกว่า
เขาบอกว่าเรารับเงินเขามาแล้ว อยากถามว่าใครเป็นคนมอบเงินให้พวกเรา ส่วนเงินชดเชยที่เป็นค่าทำศพที่ได้มาจากทางกองทัพ ทางเรายังเก็บไว้อยู่ จำนวนเงิน 100,000 บาท และเมื่อเร็วๆนี้ ทางโรงเรียนโทรมาให้ทางเราไปรับเงินประกัน 10,000 บาท ที่เขาได้ทำประกันกลุ่มไว้ให้ที่โรงเรียนเตรียมทหาร ตนบอกเขาว่าเอาไว้อย่างนั้น นอกนั้นยังไม่ได้ ทางคดีแพ่งยังไม่มีชดเชยอะไรและไม่ชัดเจน ยังไม่ได้มีการคุยอะไร เขาอธิบายให้เราฟังว่า ตามคำสั่งทางจำเลยยังทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศได้ ทางเรารับทราบมาว่ารุ่นพี่คนนั้นได้ติดยศรับราชการตำรวจ
ด้านพ่อ ฝากถามไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลองตรวจสอบว่าถ้าเขาโดนคดีในลักษณะนี้ สมควรที่จะเป็นตำรวจอยู่อีกไหม
แท็กที่เกี่ยวข้อง ศาลทหาร ,น้องเมย ,รุ่นพี่ธำรงวินัย