สังคม
“อัยการดาว” เปิดใจแม่ถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอก สูญเงิน 7.6 แสนบาท
13 พ.ค. 2568
1.1K views
กรณี น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ “อัยการดาว” เดินทางเข้าแจ้งความ ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) หลังมารดาอายุ 79 ปี ถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอกให้รักผ่านช่องทางออนไลน์ สูญเงิน 760,000 บาท โดยเดินทางเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 8 พ.ค.68
ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ “อัยการดาว” เพื่อสอบถามข้อมูลและวิธีการที่แก๊งโรแมนซ์แกมใช้หลอกลวง ซึ่งพบว่า มารดาของอัยการอาศัยอยู่คนเดียว ซึ่งลูกจะเดินทางไปเยี่ยมเป็นระยะ เมื่อวันที่ 8 เม.ย.68 พี่ชายที่อยู่ จ.เชียงใหม่ ได้โทรมาบอกว่ามารดาโทรไปขอยืมเงินจำนวนหลายแสน ซึ่งพบความผิดปกติ เนื่องจากมารดามีเงินฝากอยู่แล้วทำไมถึงต้องขอยืมเงิน จึงอยากให้เข้าไปตรวจสอบ พบว่ามารดามีคุยกับชายชาวเวียดนามชื่อ นายแฮร์รี่ ซึ่งเข้ามาตีสนิททางชู้สาว และมีการเบิกเงินสดจากบัญชีฝากประจำจำนวน 300,000 บาท เบิกเงินจากบัญชีออมทรัพย์จำนวน 150,000 บาท ตั๋วจำนำทอง 4 ใบรวมจำนวน 160,000 บาท และเบิกเงินสดบัตรเครดิตจำนวน 150,000 บาท รวมเงินทั้งหมด 760,000 บาท ซึ่งมารดาแจ้งว่าโอนในนายแฮร์รี่ แต่เงินที่โอนทั้งหมดเข้าบัญชีปลายทางที่เป็นชื่อบัญชีคนไทยแทน จึงได้รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สอท.
น.ส.สุภาภรณ์ หรืออัยการดาว เปิดเผยว่า พี่ชายที่อยู่ จ.เชียงใหม่ โทรมาบอกตนว่าคุณแม่โทรไปขอยืมเงินหลายแสนและคิดว่าน่าจะขอยืมเงินคนอื่นอีกซึ่งผิดปกติ ตนจึงแปลกใจเพราะตนเพิ่งจะไปเยี่ยมคุณแม่มาแต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรให้ฟัง ท่านบอกว่าให้คนอื่นเดี๋ยวจะได้คืน ด้วยความที่สงสัยว่าคุณแม่จะถูกหลอกให้ลงทุน ซึ่งตนเคยบอกและเตือนคุณแม่เรื่องนี้แล้ว ตนจึงรีบเดินทางไปหาคุณแม่กับรุ่นน้องอีกคน
จากนั้นตนก็ขอตรวจมือถือของท่าน พบว่าในโทรศัพท์มีแอปพลิเคชัน ชื่อ “วอทแอป” ติดตั้งอยู่ จึงให้รุ่นน้องไล่ดูข้อความพบว่าคุณแม่มีการโอนไปจำนวนหลายแสนบาท ตนจึงสอบถามจนทราบว่าคุณแม่คุยกับชายชาวเวียดนาม ซึ่งขณะที่ตนไล่ดูโทรศัพท์ยังมีข้อความที่คุณแม่คุยอยู่ ตนจึงอธิบายให้คุณแม่ฟังว่าถูกหลอก ซึ่งแม่ก็คิดและเข้าใจว่าถูกหลอกจริง
อัยการดาว กล่าวว่า จากที่สอบถามรายละเอียดคุณแม่ทราบว่า ชายคนดังกล่าวรู้จักผ่านทางเฟซบุ๊ก เขาเข้ามาขอเป็นเพื่อน จากนั้นได้แอดเข้ามาทางแอปพลิเคชัน ชื่อ “วอทแอป” โดยใช้รูปโปรไฟล์เป็นหนุ่มรูปหล่อ หน้าตาดี เป็นนักธุรกิจชาวเวียดนาม หลังจากเพิ่มเป็นเพื่อนก็มีการคุยกันทางเฟซบุ๊กมาก่อน โดยคุยทางชู้สาว บอกรัก จะมาใช้ชีวิตด้วยกัน รักมาก และมีการจะซื้อของให้เพื่อเป็นที่ระลึกกับความรักของเขากับคุณแม่ พยายามขอที่อยู่ ซึ่งคุณแม่ปฏิเสธไม่อยากได้ บอกปัดอยู่ 2-3 วันจนแม่บอกเขาว่าให้ซื้อแค่เสื้อผ้าพอ ซึ่งเขาก็ส่งของมาอ้างว่าเป็นการเซอร์ไพรส์มีการส่งทรัพย์สินมาให้ด้วยเป็น ทองคำ นาฬิกา เครื่องประดับ แล้วก็ถ่ายรูปกล่องพัสดุ และหมายเลขพัสดุมาให้แต่ต้องมีค่าธรรมเนียมการส่ง
ซึ่งระหว่างนั้นก็มีวอทแอปของคนส่งพัสดุขึ้นมาว่าของมาถึงที่จัดส่งแล้ว ซึ่งคุณแม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 20,000 บาท จากนั้นก็แจ้งว่าน้ำหนักเกินต้องจ่ายเพิ่มอีก 50,000 บาท แล้วก็หลอกไปเรื่อยเป็นค่าต่าง ๆ โดยมีการคุยไปด้วยสลับกันไปทั้งคุณแม่ แฮร์รี่ และคนส่งพัสดุ ถ้าคุณแม่ปฏิเสธไม่จ่าย ทางนายแฮร์รี่ก็จะทักมาให้แม่จ่าย โดยใช้คำพูดหวานเรียกว่าที่รัก เป็นทรัพย์สินที่จะใช้ชีวิตร่วมกันและก็อ้างว่าในกล้องพัสดุมีเงินอยู่ 20 ล้านบาท
พอคุณแม่โอนเงินไปมากขึ้นก็จะหยุดโอน กลับมีการข่มขู่ทางคุณแม่ว่าจะแจ้งตำรวจว่าลักลอบขนทรัพย์สิน ซึ่งคุณแม่ก็ให้แจ้งตำรวจเพราะท่านไม่กลัว สุดท้ายนายแฮร์รี่ก็ขู่ว่าจะกินยาพิษฆ่าตัวตาย คุณแม่ก็ใจอ่อนปกป้องไม่ให้เขากินยาพิษ ก็ยอมโอนเงินเบิกเงินฝากประจำจนปิดบัญชี เอาทองที่เก็บสะสมไปจำนำ และก็ไปกู้โดยเบิกเงินสดจากบัตรเครดิต สูญไปทั้งหมด 760,000 บาท
อัยการดาว กล่าวอีกว่า กรณีนี้คือท่านเป็นคุณแม่ของตน ตนรู้เรื่องทางกฎหมายและการทำธุรกรรม การเดินเรื่องทำหนังสือมอบอำนาจตนทำเป็น แต่ถ้าเป็นคนชราคนอื่นการติดต่อธนาคารการเล่าเรื่องจะยากมาก ขนาดตนโทรคุยกับทางเจ้าหน้าที่ธนาคารเองผ่านทาง 1441 ยังยากที่จะอธิบายให้เข้าใจ เจ้าหน้าที่ธนาคารก็จะทำตามระบบของเขา แต่สำหรับตนมันไม่ตรงตามข้อกฎหมาย เรื่องที่คุณแม่ถูกหลอกมันมีหลายขั้นตอน กว่าจะถึงขึ้นศาล กว่าจะจับคนร้ายได้ทีละคน คนชราจะอยู่ถึงไหม และเรื่องความจำคนชราจะสมบูรณ์อยู่ไหม ไหนจะเสียใจจากเรื่องที่เกิดขึ้นสภาพจิตใจก็แย่ แก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้จึงโจมตีที่เด็ก คนชรา เหมือนมิจฉาชีพจะรู้
เรื่องเหล่านี้ลูก ๆ ต้องรับมอบอำนาจในการเดินเรื่องจะดีกว่า อย่างแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกคนชราให้รัก ไม่ได้หลอกง่ายอย่างเดียว ระยะเวลาก็มีส่วนเหมือนมิจฉาชีพรู้เรื่องกฎหมาย เพราะคดีเวลาขึ้นศาลมานาน หรือคนถูกหลอกและพยานเสียชีวิตไปก่อน ส่วนถ้าเป็นเด็กถูกหลอกเขาจะเรียบเรียงข้อเท็จจริงไม่ได้ เป็นมิจฉาชีพที่ไม่มีความเมตตากับใคร ทั้งข่มขู่
อัยการ กล่าวเพิ่มว่า จากที่คุณแม่ถูกหลอกตนนั่งอ่านข้อความทุกบรรทัด จึงรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต้องใช้วิธีที่ร้ายแรงโต้ ไม่ควรต้องรอเวลา เพราะโทษก็ไม่ได้สูง เคสของคุณแม่ตนเจอปัญหาเองกับตัว ตนโทรไปเอง แต่ทางธนาคารแจ้งว่าต้องมีเลขไอดีเพื่อแจ้งทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นระบบของทางธนาคารในการทำธุรกรรม ตนโทรไปทาง 1441 ตำรวจก็ช่วยโทรเพื่อออกเลขในการอายัดบัญชี แต่ปัญหาคือคุณแม่โอนทั้งทางออนไลน์ และเดินทางไปเบิกเงินที่ธนาคาร ซึ่งทางธนาคารไม่รีบอายัด กรณีที่ไปฝากเงินให้มิจฉาชีพที่ธนาคาร โดยอ้างว่าไม่มีบัญชีต้นทาง
อีกจำนวนหนึ่งคุณแม่ปิดบัญชีเงินฝาก แล้วเอาเงินสดไปฝากให้มิจฉาชีพก็ไม่รับอายัด เพราะไม่มีบัญชีต้นทาง ทางธนาคารตีความการอายัดบัญชีแคบ ทางธนาคารยืนยันต้องมีบัญชีต้นทางไปปลายทาง แจ้งตนกลับมาอย่างเดียวว่าอายัดไม่ได้ แต่ก็มีบางธนาคารทำให้แต่ต้องมีตำรวจยืนยันให้ เรื่องนี้มันเป็นการฉ้อโกงทางธุกรรม และฉ้อโกงทางออนไลน์
ทั้งที่มีเอกสาร ซึ่งตนก็อธิบายให้ทางธนาคารฟัง ก็ยังยืนยันไม่ออกเลขอายัดให้ ให้รอตำรวจออกหมาย ซึ่งมันใช้เวลา ไม่เหมืองทางธนาคารกดอายัดให้เลย ตนอยากให้ทางธนาคารเปิดกว้าง หลังจากกรณีคุณแม่ตน มีคนโทรมาหลังจากทราบข่าวแจ้งว่ากรณีแบบนี้มีเยอะมาก
อัยการดาว เผยถึงคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลังจากมีการปราบปรามครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ว่า ตอนแรกตนคิดว่าขบวนการนี้เบาลงไปแล้ว พอกรณีคุณแม่ได้สอบถามจากทางตำรวจจึงทราบว่า ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมาแล้ว น่าจะหนักกว่าเดิมแซงอาชญากรรมอื่น ๆ ประชาชนต้องระวังก็ฝากให้ช่วยตรวจสอบผู้ปกครอง เด็ก ให้หมั่นเอาโทรศัพท์มาตรวจดูว่ามีใครทักมาหลอกคุยหรือไม่ เพราะทั้งคนชราและเด็กเกิดเรื่องจะไม่บอก เขาจะเงียบ จะแอบคุยกันตอนลูกไปทำงาน
กรณีคุณแม่ตนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ซึ่งตนและพี่ชายระมัดระวังป้องกันแล้ว เงินก็ให้เอาไปฝากประจำโอนออนไลน์ไม่ได้ ก็ยังถูกหลอก ตอนนี้ให้เงินคุณแม่ติดบัญชีเป็นเดบิตแค่ 10,000 บาท ที่เหลือเป็นเงินสด เพราะท่านไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร ตนก็อธิบายให้คุณแม่เข้าใจว่าเงินทองของคุณแม่ลูก ๆ ก็ไม่ได้อยากได้จึงไม่มาเก็บไว้ แต่สุดท้ายแฮร์รี่ก็เอาไปหมด ก็ต้องบอกท่านตรงๆ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์หลังรีบแจ้งความและพยายามทำเรื่องอายัดบัญชี ได้ส่งเรื่องให้เจ้ากหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามตัวคนร้าย โดยหลังจากนี้จะทำการนัด น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ หรืออัยการดาว เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากมารดาผู้เสียหาย ซึ่งทางอัยการยืนยันว่าคดีนี้จะดำเนินการให้ถึงที่สุด
แท็กที่เกี่ยวข้อง