ผู้ว่า กทม. เผยลดความสูงซากอาคาร ถล่มลงได้ 6 เมตร เหลือ 20.5 เมตร ช่วยพบผู้ติดค้างเพิ่มมากขึ้น คาดรื้อถอนเสร็จสิ้นปลายเดือน

กรุงเทพมหานคร รายงานยอดผู้เสียชีวิตเหตุ ตึก สตง.ถล่ม แล้ว 41 ราย อยู่ระหว่างการติดตามอีก 53 ราย ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าภารกิจรื้อถอนตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และค้นหาร่างผู้ประสบภัย ว่า ตอนนี้ยอดความสูงของซากอาคาร ลดเหลือ 20.5 เมตร จากเดิม 26 เมตรแล้ว ทำให้พบผู้ประสบภัยเพิ่มมากขึ้นและคาดว่าจุดที่เจอคนงานเยอะๆ น่าจะชั้น 24-29 คิดว่าขณะเกิดแผ่นดินไหวคนงานที่อยู่ชั้นสูง เจอกับตึกที่มีความโยกมาก น่าจะหลบหนีไปทางหนีไฟไม่ทัน ต้องหาที่ยึดเกาะ ทำให้คนงานน่าจะติดอยู่ระหว่างชั้น 24-29 ค่อนข้างมาก ซึ่งการทำงานในวันนี้ก็ไม่ได้มีอุปสรรคอะไร และคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้จะเจอผู้ประสบภัยเพิ่ม


ส่วนตอนนี้ด้านในมีเจ้าหน้าที่รัฐยังปฏิบัติงานเต็ม 100% มีข้าราชการของกรุงเทพมหานครสลับทำงาน ประมาณ 500 คน ส่วนกู้ภัยภาคเอกชนอาจมีการสลับสับเปลี่ยนกำลังไปภารกิจอื่นในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้กระทบ เพราะอุปกรณ์ต่างๆ ก็ไม่ได้ขาด ทั้งน้ำมันและสายไฮโดรลิคมีพร้อม และน้ำมันตอนนี้ที่ใช้ก็ประมาณ 5,100 ลิตรต่อวัน และตั้งเป้าหมายไว้ว่าปลายเดือนนี้น่าจะรื้อซากตึกทั้งหมดเสร็จสิ้น


ส่วนแนวทางการปฏิบัติงานก็จะเน้นไปที่การใช้เครื่องมือหนักในการขุดเจาะ กับโดรนร่วมมือกัน โดยโดรนจะเป็นตาที่สาม คอยมอนิเตอร์มุมสูง สอดส่องว่าจุดไหนมีโพรง พบผู้ประสบภัยหรือไม่ โดยการรื้อจะเน้นด้านบนโซน B และ C ที่เป็นบันไดหนีไฟและโพรงลิฟต์ ซึ่งยังเชื่อว่าบริเวณนี้อาจพบผู้ประสบภัย


ทั้งนี้ยืนยันว่าจะต้องเก็บให้ครบทุกชิ้นส่วนและจะพยายามหาร่างผู้ประสบภัยให้ครบทุกคน ส่วนระยะเวลาที่ผ่านไป จะกระทบต่อการพิสูจน์อัตลักษณ์หรือไม่นั้น ยืนยันว่ามีเทคโนโลยีทันสมัยช่วยพิสูจน์ แต่นอกจากดีเอ็นเอแล้ว ก็สามารถดูจากพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบ เช่นเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ด้วย ส่วนที่ครอบครัวที่เป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายก็ไม่ต้องกังวล เข้ามาให้เจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอได้ เจ้าหน้าที่จะไม่ได้เอาผิดอะไร เพราะจะมุ่งเน้นการพิสูจน์ทราบอัตลักษณ์ให้ผู้ประสบภัยมากกว่า


ส่วนทางคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เข้ามาเก็บวัตถุพยานเพิ่มเติมในจุดเกิดเหตุ ก็ไม่กระทบต่อการทำงาน และทางกรุงเทพมหานครก็ยินดีจะให้ความร่วมมือ