สังคม

“ชัชชาติ” แถลงขอโทษปชช. เข้าไปช่วยจุดขอความช่วยเหลือเหตุตึกถล่มไม่ได้ ยันทุกคนทำเต็มที่แล้ว

โดย JitrarutP

4 เม.ย. 2568

132 views

“ชัชชาติ” ผู้ว่าฯ กทม. แถลงขอโทษประชาชน เผยผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างชาติไม่สามารถเข้าไปยังจุดที่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ เหตุตึกสตง.ถล่มได้ ย้ำทุกคนทำงานกันอย่างหนักอย่างเต็มที่ หลังจากนี้จะใช้เครื่องมือหนัก แต่จะยังไม่หยุดค้นหาเพราะยังไม่หมดหวัง

เวลา 9:00 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงความคืบหน้าล่าสุดของภารกิจการค้นหาผู้สูญหายที่ติดอยู่ในซากอาคารก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหลังใหม่หลังครบรอบเหตุการณ์ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ โดยเปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องขอโทษพี่น้องประชาชน ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริเวณโซน B ที่พบสัญญาณร้องขอความช่วยเหลือได้

โดยเมื่อวานนี้ตลอดทั้งวันทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการเข้าถึงจุดดังกล่าว แต่ปรากฏว่ายังพบอุปสรรคหลายรายการ แม้จะยกแผ่นคอนกรีตออกมาแล้วก็ตาม ทั้งเศษกองปูนและเหล็ก ทีมงานบางคนถึงขนาดใช้มือในการพยายามขุดคุ้ยเอาเศษปูนออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงจุดที่คาดว่าจะพบต้นเสียงได้ จากการประเมินแล้ว จึงตัดสินใจพักการเข้าปูพรมค้นหาในพื้นที่นี้ไว้ก่อน แล้วใช้เครื่องจักรหนักในการเคลียร์ซากออกมา ยอมรับว่าการตัดสินใจดังกล่าวสร้างความเสียใจให้กับทีมงานทุกคนเป็นอย่างมาก

แต่อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการดังกล่าวจะยังคงเดินหน้าต่อไปและไม่หมดหวัง โดยจะดำเนินการทั้งการกู้ภัย Rescue และการรื้อถอนไปพร้อมกัน โดยจะใช้เครื่องจักรหนักในการทยอยรื้อซากอาคารออกมาควบคู่กับการตรวจสอบหาสัญญาณชีพ หากพบเจอสัญญาณชีพ ก็จะยุติการใช้เครื่องจักรหนักแล้วส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบทันที ซึ่งจนถึงตอนนี้ จากการตรวจสอบยังไม่พบข้อบ่งชี้ว่าจะมีสัญญาณชีพ จึงเตรียมจะเริ่มงานเครื่องจักรหนักในการเข้าถึงพื้นที่ต่อไป โดยมุ่งเน้นประเมินสถานการณ์หน้างานเป็นหลัก

พร้อมกันนี้ จะให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและทุกหน่วยงานที่ต้องการตรวจสอบเข้าเก็บพยานหลักฐานในพื้นที่ เพื่อจะไปรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบข้อเท็จจริงตามขั้นตอนของกฎหมาย

สำหรับเศษซากอาคารทั้งหมดนั้นประมาณการได้ว่ามีประมาณ 15,000 ลูกบาศก์เมตรหรือประมาณ 4 หมื่นกว่าตัน หากคำนวณปริมาณเหล็กน่าจะประมาณ 5,000 ตันได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 30 ถึง 40 กว่าวันในการขนย้ายซากดังกล่าวไปกองไว้ชั่วคราวในพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ โดยสาเหตุที่ต้องใช้ระยะเวลามากกว่า 40 วัน ก็เพราะเราต้องดำเนินการหรือซากควบคู่ไปกับการค้นหาร่างผู้สูญหาย แต่อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถระบุได้ว่าเศษซากทั้งหมดนั้น ทางกรุงเทพมหานครต้องรับผิดชอบดูแลทั้งหมดหรือไม่หรือเป็นหน้าที่ของใคร ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับข้อกฎหมายต่อไป

ส่วนภาพรวมปฏิบัติการหลังจากพบโพรงใหญ่ที่อยู่บริเวณโซน C ติดกับโซน D ตอนนี้ยังไม่สามารถเข้าไปได้ลึกมากนัก เพราะเนื่องจากยังพบเศษแผ่นปูนและเหล็กที่กีดขวางอยู่ รวมทั้งในบริเวณดังกล่าว แต่เดิมจากการตรวจสอบสแกนพื้นที่พบร่างผู้เสียชีวิตประมาณ 14 ร่าง ณ ตอนนี้ได้พบเพิ่มอีก 2 ร่างในจุดดังกล่าว รวมเป็น 16 ร่าง ยังไม่ทราบว่าเป็นผู้เสียชีวิตหรือผู้รอดชีวิต แต่คาดว่าจะทยอยนำออกมาได้ภายในวันนี้ ส่วนที่เมื่อเวลาประมาณตี 3 ที่ผ่านมา ได้ส่งสุนัข K9 เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ เนื่องจากพบข้อบ่งชี้ว่าอาจจะมีสัญญาณชีพ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยืนยันได้

นายชัชชาติกล่าวอีกว่า ตอนนี้ทีมงานทุกคนยังคงมีกำลังใจที่เต็มเปี่ยมและเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพราะทุกคนเชื่อว่าทำดีที่สุดแล้ว โดยก่อนเริ่มปฏิบัติงานทุกครั้งก็ได้มีการพูดคุยและประเมินกำลังใจของทีมงานเป็นระยะ ๆ โดยทีมงานทุกคนก็บอกว่ายังไหวและพร้อมที่จะไปต่อ ยอมรับว่าได้เตรียมลดกำลังทั้งสุนัข K9 และเจ้าหน้าที่บางส่วนลง เพราะจะเริ่มเน้นการรื้อซาก แต่ยังคงสแตนบายทุกทีมเอาไว้ เช่นเดียวกันทีมกู้ภัยต่างประเทศก็ยังคงสแตนบายต่อไปเผื่อร้องขอ

ทุกอย่างยังคงดำเนินการไปตามระบบเป็นขั้นเป็นตอนและเป็นไปตามมาตรฐานสากล แต่ยอมรับว่า ในเรื่องของสัญญาณชีพนั้นค่อย ๆ หายไปตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมาและไม่ได้ยินอีกเลย แต่ทีมงานทั้งหมดจะร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น ซึ่งโดยภาพรวมของกรุงเทพมหานคร ตอนนี้ทุกคนเริ่มทำความเข้าใจในสถานการณ์และลดการตื่นตระหนกลงได้เป็นอย่างมาก จึงฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า ขอให้มั่นใจในความปลอดภัยของแต่ละอาคารที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว

“ต้องขอโทษประชาชนที่ทั้งผู้เชี่ยวชาญไทยและต่างประเทศไม่สามารถเข้าไปยังห้องตรงกลาง ที่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือได้ เราพยายามกันอย่างหนัก ทั้งวันทั้งคืน ทีมงานหลายร้อยคนผลัดเปลี่ยนกันเข้าไป แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ ทีมงานทุกคนเสียใจและทำดีที่สุดแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในโลก หลังจากนี้จะให้ความสำคัญกับการรื้อถอน เอาเครื่องมือหนักเข้ามามากขึ้น แต่ก็จะยังไม่หยุดค้นหาและช่วยชีวิต เรายังไม่หมดหวัง” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว...

ด้าน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้พูดถึงภาพรวมการปฏิบัติงานในส่วนของทีมจิตแพทย์ MCATT หรือทีมเยียวยาจิตใจของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ว่า ขณะนี้ได้แบ่งทีมจิตแพทย์ออกเป็น 2 ทีม ทีมแรกจัดสแตนบายอยู่บริเวณเต็นท์พักคอยของครอบครัวผู้สูญหาย เพื่อมุ่งเน้นในการพูดคุยกับครอบครัวผู้สูญหายและทำความเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนทีมที่ 2 จะเป็นทีมที่ผลัดเปลี่ยนเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อคอยบรรเทาเยียวยาจิตใจของทีมกู้ภัยผู้ปฏิบัติงานที่อาจจะมีความเครียดจากการปฏิบัติหน้าที่

สำหรับภาพรวมการปฏิบัติงานของทีมจิตแพทย์ต่อครอบครัวผู้สูญหายพบว่า ได้มุ่งเน้นพูดคุยบรรเทาความเครียดของครอบครัวผู้สูญหายที่อาจจะเกิดจากการได้ยินเสียงปฏิบัติงานของเครื่องจักรขนาดหนักและการติดตามข้อมูลข่าวสารที่อาจจะต้องเจอข่าวเฟคนิวส์ ซึ่งช่วงแรกครอบครัวจะมีคำถามเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน แต่ตอนนี้ได้เริ่มเปลี่ยนทิศทางคำถามเป็นว่าจะทำอย่างไรหากผู้สูญหายเสียชีวิตแล้ว จึงเป็นหน้าที่ที่ทางทีมจิตแพทย์ต้องค่อย ๆ พูดคุยทำความเข้าใจกับครอบครัวผู้สูญหาย

ขณะที่นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้ขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนว่าให้แยกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศเมียนมาและที่ประเทศไทยออกจากกัน อย่านำเสนอปะปนกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดและส่งผลกระทบทางจิตใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย



นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทุกราย



ที่สำคัญ ตนยังต้องขอขอบคุณทีมงานทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใดก็ตามที่เข้ามาร่วมช่วยกันในภารกิจครั้งนี้ ยืนยันว่าภารกิจการค้นหาผู้สูญหายจะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะนำร่างสุดท้ายออกจากพื้นที่และเคลียร์พื้นที่ทั้งหมด ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบวันก็ตาม แต่ทุกคนเป็นทีมหนึ่งเดียวกันทั้งหมด







คุณอาจสนใจ

Related News