พระธาตุเจดีย์วัดหัวฝาย กลางเมืองเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบแผ่นดินไหว ยอดฉัตรเอียง-พบรอยแยก

พระธาตุเจดีย์วัดหัวฝาย จ.เชียงใหม่ อายุมากกว่า 400 ปี แผ่นดินไหวทำยอดฉัตรเอียงมากขึ้น พบรอยแยกขยายเพิ่ม หากไม่มีสะลิงยึดน่าจะพังทลายลงมาแล้ว หลายคนเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ วอนหน่วยงานตรวจสอบ

พระศิริชัย ภัทราชันโญ พระลูกวัดหัวฝาย ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เดินสำรวจองค์พระธาตุเจดีย์ ที่มีรอยร้าวอยู่แล้วจากความเก่าแก่ และเกิดจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว จนนำสะลิงยึดไว้รอบองค์พระเจดีย์ จากแผ่นดินไหวปี 2565 รวมทั้งยังยึดส่วนบน ที่เป็นทรงระฆังคว่ำ และยังยึดยอดฉัตรไว้ด้วย แต่เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง ครั้งล่าสุด วันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทำให้องค์เจดีย์ มีรอยแยกเดิม ทั้งแนวดิ่ง และบริเวณฐานระฆังคว่ำ มีรอยร้าวและปูนกะเทาะ เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม และยอดฉัตรยังโน้มเอียง ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หากยืนบนพระอุโบสถจะมองเห็นว่ายอดฉัตรเอียงชัดเจน และเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทางวัดยังกังวล และหลายคนเห็นสภาพ องค์พระธาตุเจดีย์ ที่ถูกสะลิงยึดหลายเส้นมานาน ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ทางวัดเองหรือกรมศิลปากร น่าจะมีวิถีที่ดีกว่านี้ ในการดูแลพระธาตุองค์นี้ ที่มีอายุมากกว่า 400 ปี และแผ่นดินไหวครั้งนี้ ยังไม่มีหน่วยงานไหน เข้าไปตรวจสอบ ความมั่นคงแข็งแรงเพิ่ม และการบูรณะยังขาดแคลนงบประมาณ

ขณะที่วัดท่าหลุก ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง ที่เกิดเสากุฎิสองชั้นอายุนับ 100 ปี เสาปูนหลายต้น เกิดการกะเทาะจนเห็นเหล็กเส้นด้านใน และยังมีอีกหลายต้น ที่เกิดรอยร้าวจากแผ่นดินไหว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมโยธาธิการและผังเมือง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าสำรวจความมั่นคงแข็งแรงของอาคารกุฎิ เพื่อเร่งดำเนินการช่วยเหลือ

พระครูปลัดธรรมาวิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดท่าหลุก กล่าวว่า หลังการประเมินโครงสร้างของกุฎิ ความเสียหายอยู่ในระดับสีเขียวเหลือง ถือว่ายังมีความปลอดภัย ไม่ถึงกระทบต่อโครงสร้างกุฎิทั้งหมด โดยทาง อบจ.เชียงใหม่ จะนำช่างที่มีความเชี่ยวชาญ มาช่วยซ่อมแซมเสาให้กับทางวัด โดยใช้อุปกรณ์ค้ำยันมาช่วยค้ำไว้ก่อน จากนั้นต้องกะเทาะปูนเดิมออกให้หมด พร้อมทั้งเพิ่มโครงสร้างเหล็กเส้นเพิ่มเติม แล้วจึงทำการหล่อปูน เพื่อขึ้นรูปเสาใหม่แทนของเดิม เนื่องจากเสากุฏิของวัดสร้างมานานและมีความเก่าแก่มากแล้ว